เลวหรือดีอยู่ที่จิตใจ


"คนดีหรือเลวไม่ได้อยู่ที่รูปร่าง หน้าตา หรือฐานะใดๆ ความดีของคนอยู่ที่จิตใจ"

"แม่เฒ่า" 
เก็บขยะขายคนหนึ่ง เก็บได้กระเป๋าที่มีเงินสดอยู่ภายใน100,000 หยวน ตอนคืนให้เจ้าของ กลับถูกเจ้าของเงินกล่าวหาว่า เงินยังขาดอยู่อีก 100,000 หยวน

สุดท้ายเรื่องนี้ กลับทำให้หลายคนต้องหลั่งน้ำตา...

ในละแวกนี้ ทุกคนต่างรู้ว่าแม่เฒ่าคนนี้ เป็นคนที่น่าสงสารที่สุด สามีตายตั้งแต่ยังหนุ่มๆ ทิ้งลูกชายใว้ให้ แม่เฒ่าเลี้ยงดูคนเดียวจนเติบโตเป็นหนุ่ม มีงานทำที่มั่นคง จนเข้าสู่วัยที่ต้องมีครอบครัว หลังแต่งลูกสะใภ้เข้าบ้านได้ 2 ปี เธอก็คลอดหลานสาวให้ 1 คน ความสุขของครอบครัวที่มีอย่างเปี่ยมล้นของคน 3 รุ่นนั้น มีแค่ช่วงสั้นๆ...

3 ปีต่อมา ลูกชายแม่เฒ่าถูกตรวจพบว่า เป็นโรคเบาหวานขั้นสุดท้าย การรักษาก็เพียงสามารถยืดชีวิตได้อีกระยะหนึ่ง ลูกสะใภ้รู้ว่าอานาคตคงลำบากแน่ เลยฉวยโอกาสขอหย่ากับลูกชาย โดยทิ้งหลานสาวอายุ 3 ขวบ พร้อมกับลูกชายที่ป่วยหนักให้ตกเป็นภาระหนักของ"แม่เฒ่า" เป็นผู้เลี้ยงดูคนเดียว...แม่เฒ่าคนนี้ชื่อ "ตี่-อ่อ" กุ๊ยจือ...

ความยากจนทำให้ขาดการรักษาอย่างจริงจัง โรคของลูกชายก็ค่อยๆทรุดหนักลง อีก 3 ปีต่อมา แม่เฒ่าต้องยอมรับคำพังเพยที่พูดว่า "โชคร้ายที่สุดของคน คือ ผมขาวต้องส่งผมดำเดินทางไปสวรรค์ก่อน"

เวลานี้นางอายุย่างเข้า 70 ปีแล้ว การออกไปหางานทำก็ไม่มีใครรับ จึงต้องอาศัยเก็บของเก่าตามถังขยะขายยังชีพ และส่งเสียเลี้ยงดูหลานสาวคนเดียวให้รอด...

เช้ามืดของทุกๆวัน แม่เฒ่าจะเข้าไปเก็บเศษผักตามแผงผักในตลาดสดเพื่อมาเป็นอาหารประจำวัน พอฟ้าสางนางจะง่วนอยู่กับการคุ้ยถังขยะเพื่อหาของที่มีค่าไปขาย ตกเย็นนางจะสะพายถุงเศษขยะไปที่จุดรับซื้อเพื่อแลกเป็นเงินกลับบ้าน วันไหนโชคดีมากๆ นางจะขายได้เงินถึง 100 หยวน แต่อย่างน้อยก็จะได้หลายสิบหยวนเช่นกัน...

แม่เฒ่ามีความผูกพันกับ"หลานสาว" ยิ่งชีวิต นางมักคิดอยู่ว่า ขอให้ตัวเองอายุยืนอีกสักหลายปี หากนางตายเร็วเกินไป หลานสาวคงต้องเป็นเด็กกำพร้าอีกครั้งแน่นอน...

เช้าวันนี้ หลานสาวบอกแม่เฒ่าว่า...
"อาม่า
 คุณครูทวงค่าเทอมอีกแล้ว หากไม่จ่าย ครูบอกว่าจะไม่ให้สอบค่ะ"
"ทั้งหมดเป็นเงินเท่าไหร่ล่ะ?"
 
"500 ค่ะ...อาม่า" 

นางล้วงลงไปในถุงผ้าที่สะพายติดตัว หยิบเศษเงินแบ้งค์ออกมาปึกหนึ่ง 
ส่วนใหญ่เป็นใบละ10-20 หยวน ออกมานับอย่างตั้งใจจนครบ 500 หยวน
"เอาไป...
เก็บให้ดีนะ ถึงโรงเรียนแล้วรีบเอาให้ครูก่อน แล้วตั้งอกตั้งใจเรียนล่ะ"

หลานสาวรับเงินด้วยสีหน้าเบิกบานใจ...
"ค่ะ อาม่า"
พอลุกขึ้นได้ก็รีบวิ่งไปโรงเรียนทันที...

เงิน 500 หยวนสำหรับคนทั่วไป ไม่นับเป็นเงินมากมาย แต่สำหรับนางแล้ว ต้องใช้เวลาหาเกินครึ่งเดือนเลยทีเดียว...

หิมะแรกของปีนี้เริ่มโปรยปรายลงมาแล้ว บนศีรษะและหลังที่คุ้มงอของนางขาวโพลนด้วยเกล็ดหิมะที่เย็นยะเยือก แต่แม่เฒ่ายังคงคุ้ยถังขยะอย่างขมักเขม้น ไม่ยี่หระกับความหนาวเหน็บใดๆ...

"เที่ยงแล้ว" 
นางหยิบขวดน้ำพลาสติกที่คุ้ยมาจากถังขยะ ในขวดยังมีน้ำเหลืออยู่ครึ่งขวดที่มีคนทิ้งใว้ มาดื่มกินพร้อมกับหมั่นโถวที่พกติดตัวมาจากบ้าน นั่นนับเป็นมื้อเที่ยงของนางแล้ว...

ใกล้ค่ำแม่เฒ่าแบกสะพายของมีค่า ที่หามาได้ทั้งวันไปขายที่จุดรับซื้อ นางประเมินว่า วันนี้คงได้หลายสิบหยวน เพราะโชคดีเก็บได้มากกว่าทุกวัน

หิมะตกหนักขึ้น บนท้องถนนคนเดินเริ่มน้อยลง แม่เฒ่าขายของมีค่าได้ถึง 75 หยวน นางรู้สึกพึงพอใจในผลงานวันนี้มาก...

ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว วันนี้คนงานเลิกงานกลับบ้านอย่างเร่งรีบเพราะหิมะตกหนักขึ้น ไฟบนถนนเริ่มสว่างขึ้นเป็นสีเหลืองนวลตัดกับพื้นถนนสีขาวที่มีหิมะกองหนาเป็นประกายแวววับจับตา ก่อนถึงบ้านแม่เฒ่าเหลือบเห็นบนถนนมีของสิ่งหนึ่ง ดูคล้ายกระเป๋าใบเล็กสีออกดำๆ จวนจะถูกหิมะปกคลุมหมดแล้ว เพราะนางเดินช้าจึงสังเกตุเห็น นางอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปดูใกล้ๆ มันเป็นกระเป๋าหนังสีดำจริงๆ หากนางมาช้าอีกเล็กน้อย กระเป๋าจะถูกหิมะคลุมหมด นางสันนิษฐานว่า เจ้าของกระเป๋าคงเพิ่งทำหล่น จึงยังไม่ถูกหิมะปกคลุมจนหมด

นางเก็บกระเป๋าขึ้นมา โอ...หนักพอสมควร 
นางเปิดกระเป๋าออกมาดู...

ในกระเป๋าหนังสีดำมีธนบัตรใบละ 100 หยวน ถูกมัดเป็นปึกๆ เต็มกระเป๋า นางนับได้ 100,000 หยวนพอดี แม่เฒ่ายืนงงอยู่ครู่ใหญ่ ไม่ทราบจะจัดการกับเงินในกระเป๋าอย่างไรดี นางคิดว่าเงินมากขนาดนี้คนทำหล่นคงกระวนกระวายใจมาก ดูแล้วเจ้าของเงินคงเพิ่งทำหล่น เพราะกระเป๋ายังไม่ถูกหิมะฝังจนหมด...เราน่าจะรอสักครู่เผื่อเจ้าของรู้ตัวคงจะกลับมาหา

แม่เฒ่ายืนรออยู่ 10 กว่านาที... 

ปรากฎว่า มีรถเก๋งราคาแพงคันหนึ่งขับมาช้าๆ จากแสงไฟบนถนน สังเกตุเห็นในรถมีคนขับเป็นชายวัยกลางคน ส่วนผู้โดยสารเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง ทั้ง 2 ต่างช่วยกันสอดส่ายสายตามองข้างๆถนนตลอดเวลา จนรถเก๋งมาหยุดอยู่หน้าแม่เฒ่า

"เหล่าไท้ไถ่(ยาย) ขอถามหน่อย ?...เดินอยู่แถวนี้ เห็นกระเป๋าหนังสีดำใบหนึ่งตกอยู่แถวนี้ไม๊ครับ?" 

"ลักษณะเป็นไงบ้างละ?
" นางถามโชเฟอร์... 
ผู้ชายคนนั้นทำไม้ทำมือประกอบบอกลักษณะกระเป๋าอย่างละเอียด 
แม่เฒ่าฟังจบก็รู้ว่า ผู้ชายคนนี้เป็นเจ้าของกระเป๋า...
นางยื่นกระเป๋าหนังคืนให้ผู้ชายคนนั้น แล้วพูดว่า 
"ฉันยืนรอตั้งนานแล้ว คุณเอาคืนไปเถอะ ฉันไม่ได้แตะต้องเงินในกระเป๋าเลยนะรับรองได้"
 

ชายคนนั้นมองดูหน้าแม่เฒ่า เหมือนจะค้นหาความจริงอะไรบางอย่าง เขาเปิดกระเป๋าออกมาดู พร้อมกับนับจำนวนเงินเสร็จ ก็หันกลับมาจ้องหน้า แม่เฒ่าอีกครั้งด้วยสีหน้าที่ไร้รอยยิ้ม พร้อมกับพูดออกมาเบาๆว่า "แปลก" เขาเดินอ้อมไปกระซิบปรึกษากับสาวน้อยครู่หนึ่ง แล้วจึงเดินมามองหน้า แม่เฒ่าอีกครั้ง พร้อมกับถามว่าเหล่าไท้ไถ่ในกระเป๋าทำไมจึงเหลือเงินอยู่แค่ 100,000 หยวน อีก100,000 หายไปไหน ?...

แม่เฒ่าตกใจจนหน้าซีด ระล่ำระลักตอบว่า... 
"เปล่านะ
 ฉันนับดูทีแรกก็มีแค่ 100,000 เอง คุณดูสิทั้งตัวฉันก็มีแค่เงินขายเศษกระดาษ กับขวดน้ำ อยู่ 75 หยวนเท่านั้น" 
นางพูดพลางล้วงเงินในกระเป๋าผ้าออกมาให้ผู้ชายคนนั้นดูพร้อมกับพูดต่อไปว่า 
"ถ้าคุณจะเอาผิดฉัน ฉันให้เงิน 75 หยวนกับคุณไปก็ได้"
พูดพลางยัดเยียดเงินใส่มือชายคนนั้นไปทั้งหมด...

ในระหว่างที่นางกำลังตื่นตกใจอยู่นี้ เด็กสาวลงจากรถพร้อมกับพูดว่า 
"ป่าป๊า
...เงินที่เบิกมาจากแบ้งค์ 200,000 ตอนเช้า ป๊าจ่ายค่าสินค้าในเมืองไป 110,000 แล้วนี่ ? ในกระเป๋าจึงควรเหลือ 90,000 หยวนไม่ใช่หรือ?"

ผู้เป็นพ่อมีสีหน้าตกใจ 
"อ้อ...
จริงด้วย ทำไมพ่อลืมไปแล้ว ไม่ไหว พออายุมากหน่อย เรื่องเล็กๆน้อยๆ มักลืมง่ายๆ ขอโทษทีครับ เหล่าไท้ไถ่ ผมจ่ายค่าสินค้าไป 110,000 แล้ว ในกระเป๋าจึงควรเหลือ 90,000 หยวน"

"เหล่าไท้ไถ่เป็นคนซื่อสัตย์และไม่โลภ ผมก็เป็นคนซื่อ เมื่อเงินผมเหลือแค่ 90,000 อีก 10,000 จึงไม่ใช่ของผม เหล่าไท้ไถ่เอาคืนไป ผมไม่เอาเงินคนอื่นเด็ดขาด"

แม่เฒ่ารับเงิน10,000 หยวน ที่ชายคนนั้นยัดใส่มืออย่างงงๆ และยังไม่หายตกใจ...รถเก๋งคันนั้นก็แล่นจากไปช้าๆจนลับหายไปจากสายตาแม่เฒ่า 
นางคิดว่า นี่คงเป็นเงินที่สวรรค์ประทานมาให้แน่ นางเก็บเงินใส่ในถุงผ้ากอดใว้แนบอกแน่น แล้วเดินกลับบ้านอย่างมีความสุข...

ภายในรถเก๋งคันนั้น
"ทำไม ป่าป๊าไม่ให้เงินไปโดยตรง ต้องแกล้งหลอกคุณยายคนนั้นด้วย?"

"ลูกไม่สังเกตุหรือ นางยอมยืนทนหนาวตากหิมะ รอคืนกระเป๋าที่มีเงินเป็นแสนให้เรา หากป๊ายืนยันจะให้เงินแล้วนางไม่ยอมรับ ลูกคิดว่าจะทำยังไงต่อ การที่ป๊าทำแบบนี้ ก็เพื่อให้นางรับเงินก้อนนี้ไปอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ เพราะนางเป็นคนซื่อที่ไม่คิดเอาเงินคนอื่น และเป็นคนมีน้ำใจสูงมาก สมควรที่ลูกต้องศึกษาจากสังคมให้มากว่า คนดีหรือเลวไม่ได้อยู่ที่รูปร่างหน้าตา หรือฐานะใดๆ ความดีของคนอยู่ที่จิตใจและการอบรมสั่งสอนของครอบครัวเป็นหลัก จำใว้นะลูก"

แปลและเรียบเรียง โดย เจงเอี่ยม แซ่อึ้ง
ขอบคุณภาพประกอบจาก www.item2day.com

หมายเลขบันทึก: 660938เขียนเมื่อ 6 เมษายน 2019 01:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 เมษายน 2019 01:44 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท