ประวัติเนลสัน แมนเดลลา
พระสิทธิพงษ์ สุด้วง
ช่วงแรกของชีวิต
เนลสัน แมนเดลา เป็นผู้สืบทายาทสายหนึ่งของราชวงศ์เทมบู ซึ่งเป็นราชวงศ์ที่ปกครองแคว้นทรานสไกในจังหวัดอีสเทิร์นเคปของประเทศแอฟริกาใต้ เนลสัน แมนเดลาเกิดเมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๑ ที่หมู่บ้านอึมเวโซ เมืองอุมตาตา เมืองหลวงของทรานสไก
บิดาของแมนเดลาคือ กัดลา เฮนรี อึมพาคันยิสวา มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าหมู่บ้านอึมเวโซ
มารดาของแมนเดลาคือ โนซีคีนี แฟนนี เป็นภรรยาคนที่สาม บิดาของแมนเดลามีภริยา 4 คน มีบุตร 13 คน เป็นชาย 4 คน หญิง 9 คน
ประวัติการศึกษา
เมื่ออายุได้ 9 ปี พ่อของเขาเสียชีวิตด้วยวัณโรค แมนเดลาได้เข้าโรงเรียนศาสนาของนิกายเวซเลียน เมื่ออายุ 16 ปีได้เข้าศึกษาต่อที่ Clarkebury Boarding Institute และสำเร็จอนุปริญญาในเวลาเพียง 2 ปี
ปี พ.ศ. 2480 แมนเดลาย้ายไปเมืองเฮลด์ทาวน์และเข้าเรียนในวิทยาลัยเวซเลียนที่ฟอร์ตโบฟอร์ต
แมนเดลาเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีด้านศิลปศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยฟอร์ตแฮร์ เขาได้เข้าร่วมในสภาผู้แทนนักศึกษาเดินขบวนต่อต้านนโยบายของมหาวิทยาลัยจนถูกไล่ออกและไม่ให้กลับมาอีก นอกจากจะยอมรับนโยบายของทางมหาวิทยาลัย แมนเดลาจึงหันไปศึกษาปริญญาตรีด้านกฎหมายหลักสูตรทางไกลกับมหาวิทยาลัยลอนดอน
เนลสัน แมนเดลาได้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยแห่งแอฟริกาใต้โดยการเรียนทางไกล จากนั้นเขาศึกษาต่อทางกฎหมายที่มหาวิทยาลัยวิตวอเตอร์สรันด์
การดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแอฟริกาใต้
การเลือกตั้งแบบหลากชนชาติครั้งแรกในแอฟริกาใต้โดยที่พลเมืองทุกคนมีสิทธิเสียงเท่ากัน เกิดขึ้นในวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2537 พรรคเอเอ็นซีชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียง 62% และแมนเดลาในฐานะผู้นำพรรคเอเอ็นซีได้เข้าพิธีรับตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีในวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2537 เป็นประธานาธิบดีผิวดำคนแรกของประเทศ เขาเป็นประธานาธิบดีตั้งแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2537 จนถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2542 ได้เปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับการเหยียดสีผิวหรือชนกลุ่มน้อยต่างๆ และได้รับความยกย่องจากนานาชาติสำหรับการอุทิศตนเพื่อการประสานไมตรีทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติ
ชีวิตครอบครัว
แมนเดลาแต่งงานทั้งสิ้น 3 ครั้ง มีบุตร 6 คน หลาน 20 คนและเหลนอีกจำนวนหนึ่ง
การแต่งงานครั้งที่หนึ่ง
แมนเดลาแต่งงานครั้งแรกกับเอฟลิน อึนโตโก มาเซ ทั้งสองหย่ากันในปี พ.ศ. 2500 และมีบุตรด้วยกัน ๔ คน
การแต่งงานครั้งที่สอง
ภรรยาคนที่สองของแมนเดลาคือ วินนี มาดิคิเซลา-แมนเดลา มีบุตรสาวด้วยกัน 2 คน ทั้งสองได้หย่ากัน ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2539
การแต่งงานครั้งที่สาม
เมื่อ พ.ศ. 2541 กับนางกราชา มาเชล อดีตภรรยาของ ซาโมรา มาเชล อดีตประธานาธิบดีแห่งโมซัมบิก
รางวัลแห่งเกียรติยศ
เหรียญรางวัลและอิสริยาภรณ์
แมนเดลาได้รับรางวัลเกียรติยศจากแอฟริกาใต้และจากประเทศต่างๆ มากมาย อาทิ เช่น
-ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ Order of Merit และ Order of St. John จากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2
-เหรียญอิสริยาภรณ์แห่งเสรีภาพจากประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช
-ปี พ.ศ. 2548 เดือนกรกฎาคม นครโยฮันเนสเบิร์กได้ทำพิธีมอบกุญแจเมือง อันเป็นการให้เกียรติสูงสุดแก่แมนเดลา
-ปี พ.ศ. 2544 ได้รับมอบตำแหน่งพลเมืองกิตติมศักดิ์ของแคนาดา
-ได้รับเหรียญตราแห่งแคนาดา (Order of Canada) อันเป็นเครื่องหมายเกียรติยศสูงสุดทางฝ่ายพลเรือนของแคนาดา
-ปี พ.ศ. 2533 ได้รับรางวัล Bharat Ratna จากรัฐบาลอินเดีย
-ปี พ.ศ. 2535 ได้รับรางวัลสันติภาพ Atatürk Peace Award จากตุรกี
-ปี พ.ศ. 2536 ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ (ร่วมกันกับ เฟรเดอริก วิลเลิม เดอ แกลร์ก)
บทเพลง
ศิลปินมากมายได้สร้างสรรค์เพลงขึ้นเพื่อมอบให้แก่แมนเดลา ยกตัวอย่าง เช่น
-ปี พ.ศ. 2526 เพลง Nelson Mandela ของ เดอะสเปเชียลส์
-ปี พ.ศ. 2528 สตีวี่ วันเดอร์ ได้แต่งเพลงอุทิศแก่แมนเดลาชื่อว่าI Just Called to Say I Love You
-ปี พ.ศ. 2528 อัลบั้ม Nelson Mandela ของยูส์ซู น'ดัวร์
ภาพยนตร์
-ภาพยนตร์เรื่อง Mandela and De Klerk เล่าถึงเรื่องราวการปล่อยตัวแมนเดลาออกจากคุก
-ภาพยนตร์สารคดีเรื่อง Goodbye Bafana เล่าเรื่องราวชีวิตของแมนเดลา
-ภาพยนตร์โทรทัศน์ของบีบีซี เรื่อง Mrs Mandela
อนุสาวรีย์
-อุทยานเนลสัน แมนเดลา ที่มิลเลนเนียมสแควร์ เมืองลีดส์ ประเทศอังกฤษ
-อนุสาวรีย์หุ่นปั้นรูปเนลสัน แมนเดลา สูง 6 เมตรกลางจัตุรัสเนลสัน แมนเดลา
-อนุสาวรีย์เนลสัน แมนเดลา ที่จัตุรัสพาเลียเมนต์ กรุงลอนดอน
-ถนน Mandela Parkway เมืองโอ๊คแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย
-สวนเนลสัน แมนเดลา เมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ
สรุป
เนลสัน แมนเดลา เป็นชาวผิวดำคนแรกที่ดำรงตำแหน่งผู้นำของแอฟริกาใต้ ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาได้รับการบันทึกและจดจำทั้งในฐานะของวีรบุรุษ ผู้มีความกล้าหาญ มีวิสัยทัศน์และศรัทธาอย่างแรงกล้า เช่นเดียวกับความอ่อนน้อมถ่อมตน มีเสน่ห์ ซื่อสัตย์และเอาใจใส่ต่อผู้อื่นเสมอมา
เขาใช้เวลาตั้งแต่วัยหนุ่มเข้าร่วมเคลื่อนไหวต่อต้านการเหยียดสีผิวในนามสมัชชาแห่งชาติแอฟริกัน เพื่อเรียกร้องสิทธิที่เท่าเทียม ขณะเดียวกันก็ร่ำเรียนจนสำเร็จการศึกษาด้านกฎหมายช่วยเหลือและให้คำแนะนำสำหรับชาวผิวดำ
ปีพุทธศักราช 2536 (ค.ศ ๑๙๙๓) ประธานาธิบดี เนลสัน แมนเดลา ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ร่วมกับอดีตประธานาธิบดี เดอ เคลิ์ก ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการเริ่มต้นขั้นตอนการสร้างสันติภาพในแอฟริกาใต้ ก่อนที่ประธานาธิบดีแมนเดลาจะประกาศอุทิศรางวัลนี้ให้กับประชาชนชาวแอฟริกาใต้ที่ร่วมสร้างสังคมแห่งความเท่าเทียมได้สำเร็จ
แม้จะก้าวลงจากตำแหน่งผู้นำหลังดำรงตำแหน่งครบ 1 สมัยในปีพุทธศักราช 2542 แต่อดีตผู้นำผู้ประสานรอยร้าวแห่งแอฟริกาใต้ ก็ยังทำงานเพื่อสังคมและชาวแอฟริกาใต้อย่างต่อเนื่อง
ตลอดระยะเวลาอันยาวนานของอดีตผู้นำประเทศแห่งแอฟริกาใต้ หลายปีที่ประเทศนี้เต็มไปด้วยความขัดแย้งอย่างรุนแรงของเชื้อชาติและสีผิว แต่เนลสัน แมนเดลาคือผู้นำที่มีส่วนนำพาแอฟริกาใต้ออกมาจากม่านหมอกแห่งความรุนแรงเพื่อแสวงหาสันติภาพและสร้างความเข้าใจได้สำเร็จอย่างแท้จริง
แหล่งอ้างอิง https://www.voathai.com/ (วีโอเอไทย)
ไม่มีความเห็น