ปรับตัวเองตามธรรมชาติ


สำหรับผู้เขียน ธรรมชาติเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว แบบถึงตัวมนุษย์เรา และยังเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาอย่างรวดเร็ว ถ้าเรายังคิดวางแผนการดำรงชีวิต แบบปีที่แล้วเคยเป็นเช่นนี้ อดีตเคยเป็นเช่นนี้ ปีนี้ และปีหน้าเราจึงต้องทำสิ่งเดิม ในที่เดิม เช่นนั้น เราอาจล้าสมัยไปแล้ว

          เมื่อได้อยู่กับสังคมธรรมชาติ(อาจเรียก ชนบท)  แทนสังคมผู้คน ตึกราม(อาจเรียก เมือง)  ผู้เขียนก็อดสำรวจข้อมูลไม่ได้...  

          ฤดูผลไม้ ๕-๖ เดือนผ่านไปแล้ว ปี พ.ศ. ๒๕๖๑ นี้ มังคุด ออกผล ๓-๔ รุ่น  แต่ละต้นสุกไม่พร้อมกัน เช่นปีก่อนๆ ที่สุกพร้อมกันในฤดู จึงมีผลผลิตออกสู่ตลาด แบบไม่ล้นตลาด  บางรุ่นไม่มีผลผลิตส่งเข้าเมืองด้วยซ้ำ เพราะพอพียงบริโภคในท้องถิ่นเท่านั้น การกำหนดราคาโดยพ่อค้าคนกลางยังเป็นแบบเดิมๆ จึงเกิดวิธีการขายตรง ถึงผู้บริโภคด้วยการส่งพัสดุเป็นจำนวนไม่น้อย ผ่านการสื่อสารทางเทคโนโลยี

เงาะ  ทุเรียน ก็มีวงจรชีวิตคล้ายกัน บางสวน ทุเรียนไม่ออกผลผลิตด้วยซ้ำ (ในที่นี้เป็นสวนธรรมชาติ ที่ชาวท้องถิ่นเรียกว่า สวนสมพรม) เงาะในสวนออกผล ๒ ครั้ง รุ่น๒ มีจำนวนมากกว่ารุ่นแรกมาก  ทุเรียนออกผลเฉพาะรุ่น๒ เป็นจำนวนน้อยมาก

          ก่อนฝนตกหนัก จะมีการอพยพของมดจำนวนมหาศาล ทั้งในบ้าน และพื้นดิน ในฤดูฝนที่ผ่านมาพบประมาณ ๒ ครั้ง  แต่สิ่งที่แตกต่างจากอดีต คือ ผลไม้ที่ตกอยู่ใต้ต้น เช่น เงาะ มังคุด จะถูกมดก่อดินกินเนื้อในจนหมดสิ้นในเวลาอันรวดเร็ว แสดงว่า มีมดจำนวนมากมหาศาลตามพื้นดิน และ จะพบมดหลากหลายชนิดตามธรรมชาติ จวบจนฤดูปัจจุบัน

          ฤดูฝนผ่านไป  เข้าสู่ฤดูแล้ง เป็นฤดูผักพื้นบ้าน แตกยอดอ่อน แต่มิทัน  ต้องเหี่ยวหายตายจากทั้งที่ยังเป็นยอดอ่อน  ผนวกกับถูกรบกวนจากเจ้ามดน้อยๆ แต่จำนวนมาก เช่นเดียวกับผลไม้  ทำให้ผลผลิตไม่ได้ออกสู่ตลาดมาก เช่นเดียวกับผลไม้ ทั้งยังออกไม่พร้อมกันทุกต้น เช่นกัน เราจะพบผักใบคู่ เหลือ เพียงใบเดี่ยว อยู่ได้ทั่วไป และอาจกลายเป็นโรคจุดไหม้ที่ใบตั้งแต่ใบอ่อน ไม่สวยงามสมใจตลาดผู้บริโภค

          สำหรับผู้เขียน ธรรมชาติเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว แบบถึงตัวมนุษย์เรา และยังเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาอย่างรวดเร็ว ถ้าเรายังคิดวางแผนการดำรงชีวิต แบบปีที่แล้วเคยเป็นเช่นนี้ อดีตเคยเป็นเช่นนี้  ปีนี้ และปีหน้าเราจึงต้องทำสิ่งเดิม ในที่เดิม เช่นนั้น เราอาจล้าสมัยไปแล้ว

          พฤติกรรมมนุษย์ ย่อมปรับเปลี่ยน  กระแสทุนนิยมค่อยๆสูญสลาย เพราะต้นทางธรรมชาติเปลี่ยนไปแล้ว  ผู้คนชั้นธรรมดาสามัญคงจะหันมาใส่ใจชีวิตตนเองมากขึ้น เพื่อความอยู่รอด การอดทนอดกลั้นจนถึงที่สุด และค่อยๆปรับตัว คงเป็นธรรมชาติของคนชาติเรา ผู้คนจะไม่จับจ่ายเกินความจำเป็น เช่น เสื้อผ้าใช้มือสองได้ขอให้เป็นแบบโดนใจ  อาหารราคาถูกท้องถิ่นอาจดีกว่าร้านเฟรนไชส์ที่เคยได้รับความนิยม เป็นต้น   ในขณะที่ผู้ถือเงินตราและทรัพย์สินจำนวนมากไว้ ต้องการสร้าง และเสพสิ่งที่ใหญ่โตมากขึ้นๆ พร้อมกับแสวงหาความสงบสุขทางจิตใจคล้ายหาสิ่งของบางอย่างไม่พบเจอ  กลายเป็นเกิดโรคแปลกใหม่ที่สัมพันธ์กับจิต แทบจะวิเคราะห์วิจัยโรคกันไม่ทันใช้งาน   นี่คือ ความเจริญทางด้านจิตใจ กับความเจริญทางด้านวัตถุกำลังแข่งขันกันปรับสมดุลหรือ ?

           ผู้คนในเมืองก็มีวิธีหาความสงบทางจิตได้ เช่นเดียวกับผู้คนในชนบท เมื่อแต่ละผู้คนมีสติ เกิดความเข้าใจความจริง ก็สามารถปรับตัวดำเนินชีวิตตามความเป็นจริง อยู่รอดได้ตามแต่ละผู้ละนาม  

จำนวนผู้คนที่ต้องล้มหายตายจากก่อนวัยอันควร มีมากขึ้นๆ คล้ายผักยอดอ่อนฉันใดฉันนั้น ด้วยสาเหตุ โรคภัยไข้เจ็บ หรือ อื่นๆ มาจากพฤติกรรมมนุษย์เราเอง

           ผู้เขียนก็กำลังเรียนรู้การปรับตัวเองตามปรัชญาที่อ่านจาก การเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ  นับเป็นอีกห้วงเวลาสำคัญหนึ่งในชีวิตที่ไม่เคยรู้ล่วงหน้า ว่าต้องดำรงอยู่ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง...

20181127151825.MOV

หมายเลขบันทึก: 658273เขียนเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2018 11:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2018 15:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท