ธรรมชาติเป็นสื่อที่ผมสามารถนำไปเป็นตัวอย่างสอนหรือเป็นวิทยากรให้กับทั้งตัวเองและผู้อื่นเสมอๆ บางอย่างผมก็ดึงมาจากการอ่านหนังสือ บางอย่างก็มาจากการที่ผมสังเกตเอง หลายๆคนก็อาจจะพบว่า ธรรมชาติให้ความรู้ ให้บทเรียนเราหลายอย่าง หากเราสังเกตดีๆ เราจะพบ และสกัดมาเตือนตนและผู้อื่นให้เห็นภาพได้ง่าย อันนี้เป็นตัวอย่างที่ผมใช้หลายครั้ง นึกขึ้นได้เลยนำมาบันทึกไว้ เผื่อนำมาใช้ได้อีกในวันข้างหน้า ใครคนอื่นๆอาจจะนำไปสอนลูกหลาน ลูกศิษย์ลูกหาเป็นวิทยาทานได้ ก็สามารถนำไปใช้ได้สะดวก รวมถึงคิดต่อยอดต่อไปได้อีก ก็จะเกิดประโยชน์ในวงกว้างนะครับ
• ทฤษฏีฝูงห่าน : ภาวะผู้นำแบบลมใต้ปีก
ภาพจาก https://www.bergamoscienza.it
อันนี้มีในตำรานะ เค้าให้สังเกตห่านเวลาบินอพยพข้ามทวีป มันจะบินเป็นฝูงใหญ่ แปรขบวนเป็นรูปตัววี ในนี้มีความรู้ที่กล่าวถึงภาวะผู้นำ การรู้จักสามัคคี และหนุนนำกันแบบลมใต้ปีก รู้จังหวะสอดรับกัน และดูแลกันและกัน ผลัดกันนำ ไม่พอยังผลัดกันบินสูง บินต่ำเพื่อให้ทิศทางลมหนุนกันได้อีก สุดยอด
• ท้องฟ้ากับเมฆฝน : จิตเดิมแท้ของตนคือความผ่องใส
ภาพจาก https://libreshot.com
ท้องฟ้าสีคราม อยู่ด้านหลังเมฆหมอกเสมอ ชี้ให้เห็นว่า อารมณ์และความแปรปรวนทั้งหลายในชีวิตเป็นเพียงสิ่งที่ผ่านมาแล้วผ่านไป แม้จริงแล้วจิตเดิมแท้เราผ่องใส เหมือนฟ้าสีครามที่อยู่เบื้องหลัง
• ขยายพันธุ์แบบปลาดาว : รู้จักตัดเพื่อให้งอกเพิ่ม
ภาพจาก https://sites.google.com
จริงๆ ต้องเรียกดาวทะเล เพราะมันไม่ใช่ปลา เจ้าดาวทะเลนี้ ยิ่งตัด ยิ่งงอก แบ่งตัวเองออกไป เพื่อให้ไปแตกเป็นสอง เป็นสี่ แบบทวีคูณ เหมือนคนและองค์กรต้องรู้จักลดทอนตัวเอง สลัดตัวตนออกไป เพื่อให้เติบใหญ่
• ข้อคิดจากดอกไม้บาน: การสังเคราะห์ และระเบิดจากภายใน
ภาพจาก www.tripadvisor.ie
พืชเป็นตัวอย่างของการสร้างนวัตกรรม ที่แปลงดิน น้ำ แสง ซากต่างๆ ผ่านเข้ามาในเซลล์แล้วแตกออกเป็นราก กิ่ง ก้าน ใบ เป็นดอกไม้ ที่ในที่สุดก็บานจากข้างในออกไป นี่เป็นรูปธรรมนวัตกรรมที่สะท้อนการระเบิดจากข้างใน ที่ไม่ได้หมายถึง ข้างในล้วนๆ แต่มันมาจากนอกด้วย จากนอกผ่านเข้ามาใน แล้วระเบิดความงาม ความอ่อนโยนออกไปสู่นวัตกรรมธรรมชาติ เป็นความเบิกบานจากภายใน
จริงๆ ภายในร่างกายมนุษย์เรามีการสังเคราะห์ตลอดเวลา เช่น สังเคราะห์สารอาหาร เป็นฮอร์โมน เป็นพลังงานในรูปแบบต่างๆ
• ไม้ใหญ่เผชิญพายุ : ดึงจิตสู่สติกลางลำตัว
ภาพจาก http://www.tv5.co.th
เมื่ออารมณ์แปรปรวน ก็เหมือนใบไม้ กิ่งไม้ต้องลมสะบัดไปมา แต่ต้นกับรากจะไม่เคลื่อนไหว จิตใจเราเมื่อโดนกระทบ อย่าเอาไปไว้ที่ใบหรือกิ่ง หรือที่หัว หากแต่ให้กลับสู่ลำต้นและราก คือสติภายใน ลำต้นคือกาย รากคือจุดใต้สะดือ หายใจลึกๆเพื่อดึงตัวเองกลับสู่ราก แล้วเราจะต้านทานพายุอารมณ์ได้
• หมาเห่าคนกินหมา : ความคิดของสรรพสัตว์ ล้วนเป็นคลื่นพลังงานที่ส่งถึงกัน
ภาพจาก https://pantip.com
ความคิด ความรู้สึกของคน เป็นคลื่นพลังงาน ถ้าคิดดี รู้สึกดีๆ บริเวณพื้นที่นั้นจะเย็นสบาย ผ่อนคลาย แต่ถ้าพื้นที่นั้นเต็มไปด้วยผู้คนที่คิดร้าย โมโหร้าย อาฆาตพยาบาท แม้คนไม่อยู่แล้ว หลายปีผ่านไป คลื่นนั้นยังดำรงอยู่ เป็นที่มาของความรู้สึกว่า ที่นี้อึดอัดยังไงชอบกล
เราจึงต้องหมั่นตรวจสอบและเท่าทันความคิด ความรู้สึกของตัวเองที่ส่งคลื่นพลังไปยังผู้อื่นและสิ่งรอบตัว อย่างหมายังสัมผัสได้ว่าใครชอบกินเนื้อหมา หมามันมีเซนซ์ได้อย่างไร ก็เพราะมันจูนคลื่นตรงนี้ได้ เราต้องดูอย่างหมานะ ฝึกให้มีจิตประณีต เราจะรับรู้และส่งคลื่นพลังอย่างนี้ได้ และมันจะช่วยยกระดับการเรียนรู้ของเราได้มาก
• รวงข้าวที่สุกงอม ย่อมน้อมลงคารวะพื้นดิน : ความกตัญญูอันลึกซึ้ง
ภาพจาก https://pixabay.com/
อันนี้ก็เหมือนกับคนที่แตกฉานในวิชาความรู้ หรือวิชาชีวิต ย่อมอ่อนน้อมอยู่เสมอ และมีความกตัญญูเป็นที่ตั้ง กตัญญูนี้มีความหมายลึกซึ้ง อย่างน้อยสามระดับ คือกตัญญูทั้งต่อผู้คนที่อุปถัมภ์ค้ำชูเขามาโดยตรง กตัญญูโดยอ้อม เช่น ประชาชนที่เสียภาษีหรือตกทุกข์ได้ยากเพื่อเป็นฐานให้เขาเติบโตขึ้น กตัญญูนี้รวมถึงต่อบรรพบุรุษที่ฝังร่างในผืนมาตุภูมิเพื่อให้คนรุ่นเขามีชีวิตที่สุขสบายในวันนี้ และยังรวมถึงสิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่ให้คุณประโยชน์แก่ตัวเราอีกด้วย
ไม่มีความเห็น