ช่วงสายๆลงจากบอลลูนกลับไปโรงแรม เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปชมพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่(Goreme National Park) ทำให้มีโอกาสเห็นบรรยากาศเมืองคัปปาโดเกียในช่วงสายๆอีกครั้งแบบภาคพื้นดิน ต้องใช้คำว่ายิ่งชมยิ่งเห็นความสวยงามของเมืองปล่องไฟนางฟ้า (Fairy Chimney)
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเมเป็นสถานที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ สร้างโดยชาวคริสต์ที่หลบหนีการเข่นฆ่าคนต่างศาสนาของทหารออตโตมัน และสร้างโบสถ์ไว้มากมายถึง 365 แห่งจนทำให้เกิดโบสถ์ถ้ำให้พวกเราได้มาเยือน ภายในมีภาพวาดเฟรสโก (Frescoes) ซึ่งเป็นเทคนิคการวาดภาพแบบจิตรกรต้องปาดปูนเปียกบางๆลงบนผนังทีละน้อย แล้วจึงเขียนสีก่อนที่ปูนจะแห้งทำให้สีติดทนทาน และสดใส ภาพเหล่านี้จะอยู่บนผนังและเพดานถ้ำที่ได้วาดไว้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 ได้แต่ชมและเก็บความงามไว้ในความทรงจำด้วยห้ามถ่ายภาพภายในโบสถ์ถ้ำ การเดินชมพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งต้องเดินๆขึ้นๆลง แต่ด้วยความสวยงามจะทำให้เราเพลิดเพลินลืมความเหนื่อยจากการเดินได้เลยค่ะ
ด้วยภูมิประเทศของคัปปาโดเกียที่มีแท่งหินสารพัดรูปทรงที่ใช้เวลากว่าสิบล้านปีโดยการกัดกร่อนทางธรรมชาติ ทำให้มีเอกลักษณ์หนึ่งเดียวใดในโลก ปี ค.ศ.1985 ยูเนสโกจึงได้ขึ้นทะเบียนคัปปาโดเกีย เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งแรกของประเทศตุรกี ครูนกมองว่าเป็นเมืองต้องห้ามพลาดหากเราไปตุรกีค่ะ
เพราะทุกถิ่นที่มีเรื่องเล่าและตำนานการมีพิพิธภัณฑ์ ทำให้สถานที่ตรงนั้น มีมนต์ขลัง มี “ราก” และมี “บทเรียน” ให้เรียนรู้ -
ชื่นชมครับ