การเดินทางช่วงนี้ต้องบอกว่าชีวิตขาขึ้นเพราะขึ้นเขาตลอดเส้นทางตั้งแต่บ้านพระแม่มารี สู่อาณาจักรโบราณเอเฟซุสและสุดท้ายปลายทางของวันนี้คือ Hierapolis-Pamukkale ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมเมื่อปี ค.ศ. 1988ปราสาทปุยฝ้าย ที่เมืองปามุคคาเล่ (Pamukkale)ซึ่งชื่อนี้แปลรวมๆว่าปราสาทปุยฝ้าย (Cotton Castle) คำว่า Pamuk แปลว่า ฝ้าย คำว่า kale คือปราสาท สอดคล้องกับภูมิประเทศที่เป็นเนินเขาสูงที่มองเห็นพื้นที่สีขาวปกคลุมจากระยะไกลทำให้ดูสว่าง สะอาด นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ก็ดูมีสีสันบางก็สวมใส่ชุดว่ายน้ำเพื่อไปแช่น้ำแร่ บางก็มาแบบชุดผจญภัย และบางก็มาชุดไทย...กลุ่มท่องเที่ยวของครูนกนี้เอง
ครูนกเดินเก็บภาพพร้อมสัมผัสน้ำแร่อุ่นบนลานสีขาวโดยเป้าหมายหลักของคนที่มาที่ปราสาทปุยฝ้ายคือแช่น้ำแร่ เพื่อการบำบัด รักษาโรคไขข้ออักเสบ โรคหัวใจ และอีกหลากหลายโรคที่ใช้วิธีการวารีบำบัดที่สำคัญตอนเดินเที่ยวต้องระวังนะคะพยายามเลี่ยงน้ำที่มีพื้นสีเขียวเพราะจะเจอตะไคร่น้ำอาจจะลื่นให้ได้บำบัดกันยาวนานได้ค่ะ
จากนั้นมุ่งหน้าเดินแบบทำเวลาไปที่เฮียราโพลิสา (Hierapolis) เมืองแห่งความศักดิ์สิทธิ์ มีประวัติศาสตร์ยาวนานผ่านความรุ่งโรจน์ ผ่านการทดสอบของระบบธรรมชาติคือแผ่นดินไหว ช่วงที่เดินไปจะผ่านหลุมฝังศพมากมาย และครูนกได้ไปที่โรงละครขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางเฮียราโพลิส สภาพของโรงละครที่นี่สมบูรณ์มากทำให้ความเหนื่อยจากการเดินหายไปเลยค่ะ ความยิ่งใหญ่ของสถานที่ทำให้เรารับรู้ได้ถึงความมุ่งมั่น ความอดทน และความช่างคิดของผู้คนในยุคนั้นที่ทำให้สุขภาพกายแข็งแรง มีดนตรีในหัวใจ และมีการเมืองการปกครองที่เป็นระบบให้ได้ศึกษา สิ่งที่ครูนกได้เรียนรู้ในวันนี้ดูเหมือนแค่จุดเริ่มต้นให้ตนเองสงสัย อยากรู้อะไรอีกมากมายเกี่ยวกับอารยธรรมโรมัน ครั้งนี้เป็นครั้งที่เดินชมกันเอง ไกด์ครูโซเนียไม่ได้มาด้วยทำให้ความรู้ของลูกศิษย์คนนี้ดูกระท่อนกระแท่นพร้อมด้วยคำถามอีกมากมาย สรุปไกด์ท้องถิ่นมีความสำคัญในการเดินทางเช่นกัน
อากาศช่วงนี้ที่นี่ไม่หนาวนะคะครูนก สังเกตจากชุดที่ใส่ ดูเหมือนอากาศร้อนใกล้เคียงในเมืองไทยเลยค่ะ