“ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า
มีใจประเสริฐที่สุด สำเร็จแล้วแต่ใจ
ถ้าบุคคลมีใจอันโทษประทุษร้ายแล้ว
กล่าวอยู่ก็ตาม ทำอยู่ก็ตาม ทุกข์ย่อมไปตามบุคคลนั้น
เพราะทุจริต ๓ อย่างนั้น
เหมือนล้อหมุนไปตามรอยเท้าโคที่กำลังเดินไปอยู่
แต่ถ้าบุคคลมีใจผ่องใส กล่าวอยู่ก็ตามทำอยู่ก็ตาม
สุขย่อมไปตามบุคคลนั้น เพราะสุจริต ๓ อย่าง
เหมือนเงามีปรกติไปตาม”
หากเราจะพิจารณารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า เราจะพบว่าล้อหลังจะต้องหมุนไปตามล้อหน้า จากแนวคิดบทตั้งข้างต้นจะพบว่า เรือนรถที่เทียมด้วยโค ล้อของเรือนรถจะหมุนไปตามรอยเท้าของโค อันนี้คือรูปธรรมที่เราสามารถพิจารณาเห็นได้ ส่วนในทางนามธรรมแสดงให้เห็นว่า การกระทำของคนทั้งทางกายและทางวาจา ขึ้นอยู่กับใจเป็นสำคัญ การที่เราจะดูว่า คนนี้มีนิสัยใจคออย่างไร ก็ให้ดูที่นัยของการกระทำและคำที่พูด ก็จะรู้จักใจของเขาเป็นอย่างดี
บทเรียนนี้ นอกจากสอนให้รู้จักคนแล้ว ยังสอนให้ฝึกใจอีกด้วย นั้นหมายความว่า เมื่อทราบว่าการกระทำและคำที่พูดคือภาคแสดงของใจ ต้องการให้การกระทำและคำที่พูดมีนัยที่ดี ก็ต้องตั้งเจตนาดีในใจไว้ก่อน เพราะเจตนาที่ดีคือจุดเริ่มต้นของการกระทำที่ดีและคำพูดที่ดี
จากนั้นก็จะมีสิ่งสะท้อนกลับที่เป็นสิ่งที่ดีๆ คืนมา เหมือนกับเราขว้างลูกบอลสีขาวไปบนฝาผนังสะอาด ลูกบอลขาวก็จะสะท้อนกลับคืนมาที่เราทั้งนี้แล้วแต่น้ำหนักของแรงที่เราส่ง ในทางตรงกันข้าม ถ้าใจซ่อนเร้นเจตนาที่ไม่สวยงามอยู่ภายใน ผลที่สะท้อนกลับมาก็คือทุกข์ทั้งหลาย ดังนั้น ท่านจึงกล่าวว่า ใจหมอง ทุกข์จะติดตามเขาไปเหมือนล้อหมุนไปตามรอยเท้าโค แต่ถ้าใจบริสุทธิ์ สุขย่อมติดตามเขาเหมือนเงาตามตัว ฉะนั้น
อาจารย์ครับ
ผมติดตามอ่านของอาจารย์ตลอดครับ แต่บันทึกนี้ ฟอนท์ เล็กไปครับ อ่านไม่ได้ (กดตัวใหญ่แล้ว)
ฝากอาจารย์ดูหน่อยครับ....