วันนี้..ผมพบปฏิทินเก่าซึ่งเป็นแบบตั้งโต๊ะ ที่ผมสะสมไว้ในห้องสมุด มีอยู่หลายชุด ในส่วนที่สะดุดตาเป็นของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
หน้าปก..หรือชื่อชุดปฏิทินเขียนว่า “ก้าวตามรอยพ่อ ก้าวสู่ความสุขที่ยั่งยืน” ภายในเล่ม หรือในแต่ละหน้า จัดทำอย่างพิถีพิถันทั้งเรื่องและภาพ..
วัตถุประสงค์ของ กฟผ.ก็เพื่อให้คนไทยรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและเข้าถึงพระอัจฉริยภาพของ “พ่อหลวง” รัชกาลที่ ๙ ที่พระองค์ใช้หลักการทรงงาน เพื่อพสกนิกรชาวไทยอย่างแท้จริง
โดยเฉพาะ “การเสียสละและรู้รักสามัคคี” นับเป็นหนึ่งในหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กฟผ.จึงตระหนักในจุดนี้ ที่จะช่วยเหลือสังคมอย่างสร้างสรรค์ จึงน้อมนำพระราชดำรัสฯมาจัดวางไว้อย่างงดงาม..ในปฏิทิน
ผมอ่านจนจบ อ่านครบทุกหน้า..จึงขอหยิบยกมาไว้ในบันทึกนี้..
“...การใช้จ่าย โดยประหยัดนั้น จะเป็นหลักประกันความสมบูรณ์พูนสุขของผู้ประหยัดเองและครอบครัว ช่วยป้องกันความขาดแคลนในวันข้างหน้า การประหยัดดังกล่าวนี้จะมีผลดีไม่เฉพาะแก่ผู้ที่ประหยัดเท่านั้น ยังจะเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติด้วย..”
กระแสพระราชดำรัส พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ วันพฤหัสบดีที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๒
ซึ่งตอนนั้นผมยังไม่เกิดเลย พ่อพูดไว้เกือบ ๖๐ ปีมาแล้ว ผมคิดว่า..หากจะเริ่มประหยัดอย่างจริงจังได้ตั้งแต่วันนี้..ก็คงยังไม่สายเกินไป..
แต่ก่อนหน้านี้..ในองค์กรของผมที่สังกัด สพฐ. ผมรณรงค์เรื่องการประหยัดไฟฟ้ามานานแล้วเหมือนกัน
และรู้สึกไม่เห็นด้วยกับต้นสังกัด..ที่มักจะเจียดเงินเหลือจ่ายปลายงบประมาณมาให้โรงเรียนทั่วประเทศ..เป็นการทำงานที่สวนทางกับการประหยัดและเพาะเชื้อให้โรงเรียน(บางโรง)ฟุ่มเฟือย...
หลายท่านอาจไม่เข้าใจ..ผมอธิบายได้ดังนี้ คือ..สพฐ.จัดสรรเงินอุดหนุนให้โรงเรียนตามจำนวนนักเรียน เรียกว่าเงินรายหัว เงินจำนวนนี้ใช้ได้สารพัด ไม่รวมถึงค่าหนังสือ เสื้อผ้า อุปกรณ์ และทัศนศึกษา
โรงเรียนจะนำเงินอุดหนุนรายหัว..ไปใช้พัฒนาวิชาการ พัฒนาบุคลากร ฯลฯ รวมถึงค่าสาธารณูปโภค ไฟฟ้าและประปา..
หากโรงเรียนทำแผนปฏิบัติการฯ สำหรับบริหารจัดการงบประมาณ ยังไงก็พอใช้ แต่ก็มีข้อมูลว่าหลายโรงเรียนเงินอุดหนุนไม่พอใช้ และไม่พอจ่ายค่าไฟ จนทำให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค..ออกอาการไม่พอใจการทำงานของ สพฐ.
สาเหตุหลักๆ ที่เงินอุดหนุนของโรงเรียนไม่พอจ่ายค่าไฟฟ้า เท่าที่ผมสังเกต พบว่า นโยบายประหยัดไฟฟ้าไม่ได้ผล และโรงเรียนใช้เงินไปเพื่อสร้างฯและซื้อครุภัณฑ์จนเกินความจำเป็น ตลอดจนใช้ไฟฟ้าเพื่ออำนวยความสะดวกแก่บุคลากรจนเกินควร
เดือนกรกฎาคมจึงเริ่มมีกระแสจากผู้บริหารบางคน ให้บอกต่อๆกันไปว่า อย่ารีบจ่ายค่าไฟฟ้า เพราะเดี๋ยว สพฐ.ก็จะส่งงบประมาณมาช่วย แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
จึงเท่ากับว่า..สพฐ. หน่วยงานการศึกษาของชาติ ไม่ได้ฝึกวินัยการเงินการคลังให้แก่โรงเรียนเลย มิหนำซ้ำ..ยังละเลยเรื่องการประหยัดพลังงานของชาติอีกด้วย
ผมจึงเป็นคนหนึ่ง ที่หงุดหงิดมากกับนโยบายโรงเรียนประชารัฐและโรงเรียนสุจริต..มันเหมือนเปลี่ยนแต่ชื่อ คิดโครงการกันไปเรื่อยๆ แต่เนื้อในช่างไร้แก่นสาร
ใครจะว่าอย่างไร?ก็แล้วแต่ ผมจะใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัด..แต่เมื่อถึงเวลาเราก็ต้องจ่ายค่าไฟฟ้าให้เขา ฝึกความซื่อสัตย์ โปร่งใส ตรงเวลา และตรงไปตรงมาดีที่สุด..
ผมอ่านพระราชดำรัสมาจนถึงหน้าสุดท้ายของปฏิทิน ..”..ควรจะปลูกต้นไม้ลงในใจคนเสียก่อน แล้วคนเหล่านั้นก็จะพากันปลูกต้นไม้ลงบนแผ่นดิน และรักษาต้นไม้ด้วยตนเอง..”
ผมเข้าใจแล้ว..พ่อไม่ได้หมายถึงต้นไม้ ที่เป็นต้นไม้จริงๆ..พ่อบอกเราให้เข้าใจถึงความแตกต่างของบุคคล ทุกอย่างมีใจเป็นที่ตั้ง ทุกอย่างสำคัญที่ใจ..
หากคนเรายังไม่คิดที่จะทำดีด้วยหัวใจ ไม่คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ คิดเห็นแต่ประโยชน์สุขส่วนตัว ก็คงยากที่จะคิดเสียสละเพื่อสังคมและบ้านเมือง
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๑๓ กันยายน ๒๕๖๑
เห็นด้วยค่ะท่าน ผอ.