ศาสตร์พระราชา เป็นสุดยอดความรู้ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 แห่งราชอาณาจักรไทย พระองค์ทรงคิดค้น พัฒนา และสั่งสมความรู้ที่เป็นประโยชน์และครอบคลุมถึงในทุก ๆ เรื่อง ทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการดำรงชีวิต วัฒนธรรม การศึกษา ด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม พระราชดำรัส โครงการพัฒนาตามแนวพระราชดำริ พระบรมราโชวาท หลักการทรงงาน รวมทั้งพระราชจริยวัตรที่งดงามของพระองค์ ความกตัญญูต่อสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ล้วนเป็นแบบอย่างที่ควรค่าแก่การนำไปปฏิบัติตามทั้งสิ้น และความรู้ที่งดงามนี้ รวมเรียกว่า “ศาสตร์พระราชา”
หากใครนำศาสตร์พระราชาไปปฏิบัติก็จะเป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเอง คนรอบข้าง สังคม ตลอดจนประเทศชาติได้อย่างเห็นชัดแจ้ง
ในความหมายของศาสตร์พระราชา ถือได้ว่าเป็นคำที่ยิ่งใหญ่ เป็นเสมือนตัวแทนพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรที่มาสถิตอยู่เบื้องหน้าประชาชนชาวไทย เหมือนประหนึ่งพระองค์ยังคงมีพระชนมชีพอยู่และเป็นมิ่งขวัญของปวงประชาชาวไทยอยู่ตลอดเวลา เชื่อว่าชาวไทยทุกคนมีความรู้สึกเช่นเดียวกัน สำหรับคำว่า “ศาสตร์พระราชา” มีนักวิชาการหลายท่านได้ให้คำจำกัดความไว้หลายลักษณะ แต่ในที่นี้ขอให้ความหมายคำว่า “ศาสตร์พระราชา” ดังนี้
ศาสตร์พระราชา คือ หลักความรู้ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรที่เกิดจากการกลั่นกรองผ่านกระบวนการคิดตามธรรมชาติ มีการพัฒนาความคิดโดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง มีความทันสมัย ล้ำลึก สามารถนำไปประยุกต์ใช้แก้ปัญหาได้ในทุกสถานการณ์ ทุกพื้นที่ ทุกระดับ และนำไปสู่การพัฒนาได้อย่างยั่งยืน
วิธีการของศาสตร์พระราชามีอะไรบ้าง
ศาสตร์พระราชามีวิธีการที่นำไปปฏิบัติ 4 อย่าง ด้วยกัน คือ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา และประยุกต์ใช้ ปัจจัย 4 อย่าง ที่มาของคำว่า เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา เป็นศาสตร์ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรทรงพระราชทานให้แก่ข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ วิธีการของการเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา และประยุกต์ใช้จะเป็นวิธีที่มีความเชื่อมโยงกันอย่างลงตัว
1. เข้าใจ
การทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ประชาชนชาวไทยเห็นอยู่เสมอ ทุกครั้งที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปยังพื้นที่ต่าง ๆ จะมีแผนที่ กล้องถ่ายรูป สมุดบันทึก ดินสอสำหรับบันทึก ในการทรงงานด้วยทุกครั้ง เหตุผลก็คือ พระองค์ต้องศึกษาและมีข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจน พระองค์ต้องการที่จะเข้าใจถึง ภูมิประเทศ ข้อมูลทางกายภาพ พิกัดในแผนที่กับสภาพความเป็นจริง พระองค์ศึกษาและจดบันทึกข้อมูลอย่างรอบคอบ เป็นการแสดงให้เห็นถึงทำการสิ่งใดต้องรอบรู้และรู้รอบ วิเคราะห์และสังเคราะห์หาสาเหตุของปัญหา แล้วจึงมีพระราชวินิจฉัยแก้ไขปัญหา ด้วยความรู้ความเข้าใจ ก่อนพระราชทานช่วยเหลือประชาชนอยู่เสมอ
การเข้าใจจำเป็นยิ่งที่จะต้องมีข้อมูลเชิงประจักษ์ ข้อมูลที่มีอยู่แล้ว ข้อมูลที่เกิดจากการวิเคราะห์วิจัย หรือเป็นข้อมูลที่เกิดจากการทดลองจนได้ผลจริง มาเป็นข้อมูลเพื่อช่วยในการ “เข้าใจ” ตามศาสตร์พระราชา”
ที่สำคัญการเข้าใจตามความหมายของศาสตร์พระราชานั้น จะต้องเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่เข้าใจอยู่เพียงฝ่ายเดียว การแก้ปัญหาจะไม่สำเร็จ เมื่อมีการเข้าใจทั้งสองฝ่ายตรงกันย่อมทำให้เกิดการพัฒนาได้ง่ายและสำเร็จผล
สรุปขั้นตอนของการเข้าใจ ประกอบด้วยข้อมูล 4 ประการ ดังนี้
1. ข้อมูลเชิงประจักษ์
2. ข้อมูลที่มีอยู่แล้ว
3. ข้อมูลที่มาจากการวิเคราะห์และวิจัย
4. ข้อมูลที่มาจากการทดลองจนได้ผลจริง
2. เข้าถึง
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระสหายแห่งสายบุรี เป็นชาวปัตตานี มีชื่อว่า “วาเด็ง ปูเต๊ะ” เมื่อครั้งเสด็จจังหวัดปัตตานี พระองค์ตรัสให้นายวาเด็ง ปูเต๊ะ ซึ่งเป็นชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่งเข้าเฝ้า เพื่อถามข้อมูลเกี่ยวกับการสร้างฝาย ในการช่วยเหลือเรื่องน้ำให้แก่ประชาชนในพื้นที่ใช้ทำการเกษตร นายวาเด็ง ปูเต๊ะ รีบมาเข้าเฝ้า โดยนุ่งโสร่งตัวเดียวไม่ทันได้สวมเสื้อ พระองค์ตรัสถามข้อมูลต่าง ๆ ด้วยภาษามลายู อย่างใกล้ชิดและไม่ถือพระองค์ ทำให้ได้ข้อมูล ข้อเท็จจริง ความเดือดร้อนของประชาชนจริง ๆ จากนายวาเด็ง ปูเต๊ะ ซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่ การสอบถาม และให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมในการทำงาน เป็นวิธีการหารือร่วมกัน ชาวบ้านได้ในสิ่งที่ต้องการ พระองค์ก็แก้ไขปัญหาได้ตรงตามความต้องการ ทำให้เกิดประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ซึ่งเป็นหลักการ “เข้าถึง” อย่างง่าย ๆ ตามหลักศาสตร์พระราชานั่นเอง
การ “เข้าถึง” จะต้องรู้ถึงปัญหาที่เกิด รู้ถึงวัฒนธรรม สังคม ความเป็นอยู่ เข้าถึงประชาชน อย่างเช่นพระองค์ทรงปฏิบัติให้เห็นในครั้งนี้
สรุปขั้นตอนของการเข้าถึง ประกอบด้วยหลัก 3 ประการ ดังนี้
1. ระเบิดจากข้างใน
2. เข้าใจกลุ่มเป้าหมาย
3.สร้างปัญญา
3. พัฒนา
การทำการใดก็ตามเมื่อมีความ “เข้าใจ และ เข้าถึง” ซึ่งย่อมมีข้อมูลครบถ้วนถูกต้องแล้ว สิ่งที่ต้องทำตามลำดับต่อไปตาม ศาสตร์พระราชา นั่นคือ “การพัฒนา” เพราะหากมีทั้ง 2 สิ่ง คือ เข้าใจ เข้าถึง แต่ไม่มีการพัฒนาก็ไม่เกิดประโยชน์ สิ่งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระราชทานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริให้แก่ประชาชนชาวไทยนานัปการ เป็นโครงการพัฒนาด้านต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหามากกว่า 4000 โครงการ ตลอด 70 ปี ที่พระองค์ทรงครองราชย์ เป็นการพัฒนาบ้านเมืองอย่างเห็นได้ชัดเจน
สรุปขั้นตอนของการพัฒนา ประกอบด้วยหลัก 3 ประการ ดังนี้
1. เริ่มต้นด้วยตนเอง
2.พึ่งพาตนเอง
3.ต้นแบบเผยแพร่ความรู้
4. ประยุกต์ใช้
การปฏิบัติการใดโดยใช้ศาสตร์พระราชาจะต้องปฏิบัติด้วยใจรัก มีความเข้าใจ และเข้าถึงข้อมูล ศาสตร์พระราชาเป็นศาสตร์ที่ทันสมัย สามารถใช้เทคโนโลยีในการปฏิบัติได้อย่างเปิดกว้าง มีความยืดหยุ่น สามารถปรับใช้ได้ทุกสถานการณ์ ทุกพื้นที่ ภูมิภาค และทั่วโลก
สรุปการประยุกต์ใช้ ตามหลักศาสตร์พระราชา สามารถปฏิบัติได้ดังนี้
1. ใช้เทคโนโลยี อินเทอร์เน็ต ในการเข้าถึงข้อมูล
2. ปรับตัวตามสภาพ บุคคล พื้นที่ และสถานการณ์
3. ทำด้วยความรักความเข้าใจ
4. ทำด้วยความยืดหยุ่น
5. ไม่ยึดติดตำรา
กำลังเรียนรู้ ศาสตร์พระราชา ในด้านการพัฒนาการเกษตร และน้อมนำ แนวคิด ทฤษฎีใหม่ การทำให้บุคลากรด้านการเกษตร พออยู่ พอกิน พอใช้ พึ่งตนเองได้ และการผสมผสานเทคโนโลยี เพื่อนำไปสู่ การเกษตรเพื่อพึ่งตนเอง
ศาสตร์พระราชาเป็นความรู้ที่พ่อมอบให้คนไทยทั้งชาตินำไปปฏิบัติค่ะ ใครทำจะเป็นอุดมมงคลชีวิตที่สุดค่ะ