ผมไม่ค่อยถนัดงานออกแบบดีไซด์อะไรเลย ยิ่งต้องใช้โปรแกรมกราฟฟิกแต่งภาพ หรือจัดทำโปสเตอร์ยิ่งแล้วใหญ่ ทำได้แค่อธิบาย-เล่าเจตนารมณ์ให้ทีมงานได้รับรู้ เพื่อให้ทีมงานได้ไปแปลงเป็นสื่อดังที่อยากจะได้
ในช่วงการจัดกิจกรรม “มมส คืนเหย้าบอกเล่าเก้าสิบ ครั้งที่ 1” เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2561 ผมอยากออกแบบสื่อประชาสัมพันธ์ว่าด้วยเรื่อง “ศิษย์เก่าคืนเหย้า” ด้วยตนเอง แต่ก็ทำไม่ได้ พอทำไม่ได้ก็วิเคราะห์ว่าจะสื่อสารอะไรดีเป็นระยะๆ เพื่อมิให้กระแสกิจกรรมที่จะจัดขึ้นมีสถานะเป็นประหนึ่ง “ไฟไหม้ฟาง”
ในที่สุดก็ตัดสินใจทำในสิ่งที่ตนเองถนัด ด้วยการเขียนกลอนสั้นๆ แบบมือสมัครเล่นโพสสื่อสารเป็นช่วงๆ เพื่อมิให้ข่าวสารหลบเร้นจากจางไปตามวันเวลา ซึ่งก็ได้ผลอยู่มาก เพราะเมื่อโพสออกไปแล้วก็มีศิษย์เก่า หรือแม้แต่ศิษย์ปัจจุบันเข้ามาสนทนาถามทักถึงกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง
ใช่ครับ-ยิ่งโพสก็ยิ่งเกิดกระแสแพร่หลาย เสมือนจาก “ปากสู่ปาก” ต่อติดวาทกรรม “บอกเล่าเก้าสิบได้เป็นอย่างดีเยี่ยม”
เรียกได้ว่า ยิ่งเขียนกลอนสื่อสารไป ยิ่งมีคนเข้ามาถามรายละเอียด จับจองที่นั่ง จับจองเสื้อ เส้นทางการเดินทางมายังสถานที่จัดงาน ถามลึกเข้ามากระทั่งมีใครมาบ้าง หรือถ้าไม่ใช่อดีตผู้นำนิสิต หรือนักกิจกรรมจะเข้าร่วมงานได้ไหม ซึ่งผมก็ตอบอย่างจริงใจว่า “ได้”
เมื่อลมฝน
เพรียกคนให้คืนถิ่น
ใกล้-ไกล หัวใจยังได้ยิน
หรือสิ้นแล้วความทรงจำ
แน่นอนครับ – ถึงแม้งานศิษย์คืนเหย้าที่จัดขึ้นจะถูกปั้นแต่งจากสายกิจกรรมนอกหลักสูตรก็เถอะ แต่ผมและทีมงานก็มิได้จำกัดกรอบอยู่แต่เฉพาะอดีตผู้นำนิสิตเท่านั้น ตรงกันข้าม คือการเปิดกว้างรองรับทุกคนอย่างเสมอภาค ขอเพียงเป็นศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส) หรือไม่ใช่ศิษย์เก่า หากประสงค์อยากเข้าร่วม – เราก็ยินดี ...
หรือในบางบทที่เขียนย้ำว่าผมเชื่อและศรัทธาว่าคนทุกคนมีตัวตน คนทุกคนมีเรื่องเล่าและตำนานเป็นของตนเอง และคนทุกคนไม่มีชนชั้นใดๆ เราต่างเป็นพี่น้องร่วมสถาบันเดียวกัน ดังนั้นการคืนเหย้าครั้งนี้คือการมาบันทึกประวัติศาสตร์ชีวิตของตนเอง ประมาณว่า...
เพราะทุกคนมีเรื่องเล่า
สุขเศร้าเคล้าความฝัน
เพราะเราใช้นิยามเดียวกัน
จึงย้อนคืนย้อนวันมาสบตาฯ
และนี่คือส่วนหนึ่งของบทกลอนสั้นๆ แบบมือสมัครเล่นที่ผมเขียนขึ้น เพื่อใช้เป็นสื่อ หรือสะพานแห่งการเชื่อมประสานข้อมูลเพื่อให้ผู้คนรู้สึกว่า “งานนี้จัดขึ้นจริง” หรือ “เราจริงจังและจริงใจกับการกลับมาของแต่ละคนมาก”
กลับบ้านกันดีไหม
กลับมาฟังเสียงหัวใจเธอและฉัน
ว่าที่ห่างและหายหลายร้อยวัน
แท้จริงนั้นยังผูกพัน มิผันแปร
แท้จริงนั้นยังรักมั่น มิผันแปร
แท้จริงนั้น เธอและฉันเป็นหนึ่งเดียว
ใช่ไหม
คือลมหายใจแห่งความคิดถึง
คือเรื่องราวอันติดตรึง
ที่สุดจึง "กลับมา"
รักและคิดถึงจึงกลับมา
หรือแม้แต่การเขียนถามทักผู้คนที่อยู่ระหว่างการเดินทางก็มีเหมือนกัน
ฟ้าฝนท่ามเส้นทางอันห่างไกล
เดินทางด้วยใจไม่ไหวหวั่น
ค่อยมา-ค่อยไป ก็แล้วกัน
สู่การสบตาฝัน-เสวนาใจ
ใจถึงใจกันนะคะ
ว่าแต่ … ศิษย์เก่าอยู่ดีกินดีกันมากนะคะ
สวัสดีครับ พี่หมอ ธิ
ดูๆ แล้วศิษย์เก่าที่กลับมาก็เบิกบานแช่มชื่นกันถ้วนหน้า สงสัย “อยู่ดีกินดี-มีอันจะกิน” กันจริงๆ หรือเพราะสุขใจที่ได้กลับมาพบปะกันก็อาจเป็นได้ 555
แต่งานนี้เราจัด “ฟรี” ไม่เก็บค่าใช้จ่ายใดๆ กระนั้นก็มีพี่ๆ บริจาคเงินสะสมไว้ให้เป็นประโยชน์ต่อศิษย์ปัจจุบันเหมือนกัน ครับ