พระธรรมเทศนาเรื่อง "โพชฌงคปริตร" ตอนที่ ๒ (สัจจาธิษฐาน)


            ....บทที่ ๒ รองลงไป

             เอกสฺมี สมเย นาโถ      โมคฺคลฺลานญฺจ กสฺสปํ      คิลาเน ทุกขิเต ทิสฺวา     ดพชฺฌงฺเค สตฺต เทสยิ     เต จ ตํ อภินนฺทิตฺวา โรคา มุจฺจึสุ ตงฺขเณ     เอเตน สจฺจวชฺเชน    โสตฺถิ เต โหตุ สพฺพทา.

           เอกสฺมึ สมเย ในสัมัยอันหนึ่ง นาโถ พระโลกนาถเจ้า ทรงทอดพระเหตรเ็น พระโมคคัลลานะ และพระกัสสะอาพาธจึงซึ่งความเวทนาแล้วทรงแสดงโพชฌงค์ทั้ง ๗ ประการ ท่านทั้ง ๒ คือ พระโมคคัลลานะกับพระกัสสปะยินดีภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า โรคก็หายไปในขณะนั้น ด้วยอำนาจความกล่าวสัตย์อันนี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่านในกาลทุกเมื่อ

              บทที่ ๓ ต่อไป 

              เอกทา ธมฺมราชาปิ     เคลญฺเญนาภิปีฬิโต      จุนฺทตฺะเถเรน ตญฺเญว      ภณาเปตฺวาน สาทรํ      สมฺโมทิตฺวา จ อาพาธา     ตมฺหา วุฎฐาสิ ฐานโส     เอเตน สจฺจวชฺเชน โสตฺถิ      เต โหตุ สพฺพทา.

             เอกทา ครั้งหนึ่ง ธมฺมราชาปิ แม้พระธรรมราชาคือพระพุทธเจ้าผุ้เป็นเจ้าของธรรม เคลญฺเญาภิปีฬิโต ผุ้อันอาพาธเบียดเบียนแล้ว จุนฺทตฺเถเรน ภญฺเญวา ภณาเปตฺวาน ทรงรับสั่งให้พระจุนทเถระแสดงซึ่งโพชฌงค์นั้นแหละ พระองค์ทรงสดับโพชฌงค์เช่นนั้นแล้ว ร่าเริงบันเทิงพระทัย อาพาธก็หายไปโดยฐานะอันนั้น เอเตน สจฺจวชฺเชน โสตฺถิ เต โหตุ สพฺพทา ด้วยอำนาจความสัตย์อันนี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่านทุกเมื่อ

              ปหีนา เต จ เาพาธา      ติณฺณนฺนมฺปี มเหสินํ      มคฺคาหตกิลสา ว ปตฺตานุปฺปตฺติะมฺมมตํ     เอเตน สจฺจวชฺเชน      โสตฺถิ เต โหตุ สพฺพาท.

             ปหีนา เต จ อาพาธา อาพาธทั้งหลายเหล่านั้น ติณณนฺนมฺป มเหสินํ มคฺคาหตกิเลสา ว ปตฺตานุปฺปตฺติธมฺมมตํ อันเท่านผู้แสวงหาซึ่ง คุณอันยิ่งใหญ่ทั้ง ๓ ท่านละไ้แล้ว ถึงซึ่งความไม่เกิดเป็นธรรมดา ดุจกิเลสอันมรรคบำบัดแล้ว หรืออันมรรคกำจัดแล้ว ด้วยอำนาจสัจจวาจานีของความสวัสดีจงมีแก่ท่านทักเมื่อ

           นี่แปลมคธภาษาเป็นสยาภาษาฟังเพียงแค่นี้ ท่านผู้แปลบาลีออกฟังเข้าใจแล้ว แต่ว่าผุ้ไม่ได้เรียนอรรถแปลยังไงก็ไม่เข้าใจ ต้องอรรถาธิบายลงไปอีชั้นหนึ่ง ในบทต้นว่า พระอังคุลิมาลเถรเจ้าท่านเป็นผุ้กรทำบาปหบาบช้ามากนั้ ก่อนบวชในพรธรรมวินัยของพระศาสดา ฆ่ามนุษย์เสีย ๙๙๙ ชั้นต้นก็ทำดีมา ได้เล่าเรียนศึกษาวิชาจวนจะสำเร็จแล้ว ถูกอาจารย์ลงโทษ จะทำลายชีวิตเสีย เกิดต้องทำกรรมหยาบช้าลามก เศร้าโศกเสียใจเหมือนกัน ฆ่ามนุษย์เกือบ ๙๙๙ คน พระทศพลเสด็จไปทรมานอังคุลิมาลโจรนั้นละพยศร้าย กลับกลายบวชเป็นพระภิษุในพระพุทธศษสนา ได้สำเร็จเป็นพระอรหัต์ ตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทหาน ชาวบ้านชาวช่องกลัวกันนัก ขึ้นชื่อว่าอังคุลิมาลโจรละก็ซ่อนตัวซ่อนเนื้อกันทีเดียว กลัวจะทำลายชีวิตเสีย กลัวนักกลัวหน้า กลัวย่ิงกว่าเสือ ย่ิงกว่าแรดไปอีก

           เพราะเหตุว่า อังคุลิมาลโจรผุ้นี้เป็นร้ายสำคัญ ถ้าว่าจะฆ่าใครแล้วไม่กลัวใครทั้งนั้น ฆ่าแล้วตัดเาอองคุลีไปร้อย จะไปเรียนวิชาเป็นเข้าโลกเมื่อจำนนฤทุธิ์พรบรมศาสดา เข้ายอมบวชในพระธรรมวินัยของพระสษสดาแล้ว บวชแล้วไปบิณฑบาต หญิงท้องแก่ท้องอ่อนไม่เข้าใจ พอได้ยินข่าวว่าพระองคุลิมาลมาละก็ซ่อนเนื้อซ่อนตัว วิ่งซุกวิ่งซ่อนกัน ได้ข่าวว่าหญิงท้องแ่ลอดช่องรั่ว ลูกทะลักออกมาที่เดีย ด้วยกลัวพระองคุลิมาล คราวนี้ท่านไปในที่สมควร หญิงที่กำลัีงจะคลอดบุตรอยู่นั้นหนีไม่พ้น ไปไม่ได้ ก็ร้องให้องคุลิมาลช่วย

          พระองคุลิมาลเป็นพระอรหันต์แล้ว สงสารหญิงที่ำดลังคลอดบุตรนั้นก็กล่าวคำสัตย์คำจริงขึ้นว่า

          ยโตหํ ภิคินิ ว่า น้องหยิง กาลใดเมื่อได้เกิดแล้วโดยชาติเป็นอรยะ ไม่มีความแกล้งปลงสัตว์จากชิวิตเลบย ด้วยความกล่าวสัตย์อันี้ของความสวัสดีจงมีแก่ท่าน ขอความสวัีสดีจงมีแก่ครรภ์ของท่านขาดคำเท่านั้น หญิงนั้นก็คลอดบุตรผลุดที่เดียว

           นี่ยกข้อไหน ให้จำไว้เป็นตำรับตำรา เป็นภิกษุก็ดี เป็นอุบาสกอุบาสิกก็ดีในพระธรรมวินัยของพระศาสดาในศาสนราของพระพุทธเจ้า นี้เป็นคำของพระอรหันต์ พระองคุลิมาลท่านเป็นพระอรหันต์เสียแล้ ท่านจะกล่าวถ้อยคำว่ ตั้งแต่ท่านเกิดมา ไมได้ฆ่าสัตว์เลยนะ ไม่ได้มีใจแกล้งฆ่าสัตว์เลยนะท่านกล่าวไม่ได้(เพราะ) ท่านเป็นคนร้ายมา เพ่ิงกลับมาเป็นคนดีเมื่อได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้วเมื่อเกิดเป็นพระอรหัต์แล้ว ท่านจึุงได้ชีวคัดว่า จำเดิมแต่เราเกิดแล้วโดยชาติเป็นริยะ ไม่มีความแกล้ง(คือเจตนา) ปลงสัตว์จากชีวติเลย นี้ควมเจริงของท่าน ท่านยกเอาความจริงอันนี้แหละขึ้นเชิด ที่ท่านเป็นผู้ประเสริฐ เป็นอริยบุคคลในธรรมวินัยของพระศาสดา ขอความจริงอันี พอขาดคำของท่านเท่านั้น ลูกคลอดทันที นี่ความสัตย์ยกความจริงขึ้นพูด

           ไม่เพีงแต่พระองคุลิมาลเท่านั้นที่ยกความจริงขึ้นพูด หญิแพศยาทำฤทธิ์ทำเดชได้ ยกเความจริงขึ้นพุเหมือนกัน หญิงแพศยาคนหนึ่ง พระเจ้าแผ่นดินยกพยุหเสนาไปพักอยู่ในน้ำใหย่ ว่ายข้ามก็จะไม่พ้น น้ำไหลเชี่ยวเป็นฟองไหลหลปราดที่เดียว เมื่อเขาตั้งพลับพลาให้พักอยุ่ที่คันแม่น้ำใหญ่เช่นนั้น ท่านทรงดำริว่า แม่น้ำใหญ่ไหลเชี่ยวขนาดนี จะมีใครผุ้ใดผุ้หนึ่งอาจสามารถจะทำให้ นำ้ไหล กลับได้บ้าง ทรงดำริดังนี้ รับสั่งแ่มหาดเล็กเด็กขายของพระองค์ มหาดเล็กเด็กขายของพระองค์ก็ไปเที่ยวป่าวร้องหาว่า ผุ้ใดใครผู้หนึ่งอาจสามารถทไใ้น้ำในแม่น้ำนี้ไหลกบับขึนได้บ้าง

           หญิงแพศยาคนหนึ่งรับที่เดียว่า ฉันเอง จะทำให้น้ำไหลกลับได้ เพราะนางเป็นแพศยาก็จริง มั่นใจ่า ชายคนใด ไม่ว่าชั้นสูง ขั้นกลาง ชั้นต่ำ ให้เงินเพียงค่าบาทหนึ่ง ปฏิบัติเพียงเท่านั้ ให้เงินค่า ๒ บาทปฏิบัติเพียงเท่านี้ ๓ บาทปฏิบัติเพียงเท่านีั้ พอแก่ค่าของเงินเท่านั้นเหมือนกัน ไม่ได้ขาตกบกพร่อง ไม่ว่าชั้นสูง ขั้นกลาง ชั้นต่ำ ไม่เลือกที่รักมักที่ชัก ทำไปตามห้าที่ของตัว ความสัตย์มีอย่างนี้ นางเมื่อราชบุรุษพาไปเผ้าพระเจ้าแผ่นดินพระเจ้าแผ่นดินทรงรับสั่งว่า เจ้าหรือ าจจะทำให้นำ้ไหลกลับได้ พะย่ะค่ะ หม่อมฉันอาจสามารถจะทำให้น้ำไหลกลับได้ เจ้าจะต้องการอะไร ธูปเที่ยนดอกไม่จะหาให้ ถ้าเจ้าทำน้ำให้ไหลกลับได้ ตามคำกล่าวของเจ้าแล้ว เราจะรางวัลให้หนักมือที่เดียว ถ้าว่าเจ้าทำน้ำให้ไหลกลับไม่ได้ จเ้าจะมีโทษหนักที่เดียว

           นางจุดธูปเทียนตั้งสัตยาธิษฐานหันหน้าไปทางด้านแม่น้ำ ยกเอาความสัตย์นั่นเองอธิษฐานว่า

          เตชะปุญญาภินิหารของสัตย์ความจริงของหม่อนฉันได้ สั่งสมอมบมมาตั้งแต่เป็นหญิงแพศยา ได้ปฏิบัติชายผุ้ใดผู้หนึ่ง ที่มาหาข้าพเจ้า ชข้าเจ้าปฏิบัติโดยควรค่าแก่บาทหนึ่ง ควาแก่ ๒ บาท ควรแก่ ๓ ยาท ตามหน้าที่ ความจริงทำอยู่ดังนี้ ไม่ได้เคลื่อนคลาดไปแต่อย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าว่า ความสัตย์จริงอันนี้ของหม่อนฉันจริงดังหม่อมฉันอธิษฐานดังนี้แล้ว ขออกนาจความสัตย์นี้ จงบันดาลให้น้ำไหลกลับยโดยฉับพลันเถิด

           พออธิษฐานขาดคำเท่านั้น น้ำไหลกบับอู้ ไหลลงเชีี่ยวเท่าใด ก็ไหลขึ้นเขี่ยวเท่านั้น เหมือนกัน พอกันที่เดียว พรเจ้าแผ่นดินเห็นอัศจรรย์เช่นนั้นก็ให้เคร่องรางัลแ่หญิงแพศยานั้นอย่างพอใจ ให้เป็นนายหญิงแพศยาต่อไป ลแ้วก็ให้บ้านส่วนสำหรับพักอาศัยอยู่ ไม่ขาตกบกพร่องใดๆ ละ เป็นสุขสำราญเบิกบานใจที่เดียหญิงแพศยาผู้นั้น

            นี้ความสัตย์โดยความชั่วยังเอาใช้ได้ สวนพระองคุลิมาลเถรเจ้านี้ ท่านยกสัตย์ที่ได้บรรละพรุอรหันต์ขึ้นอธิษฐาน หญิงคลอดบุตรไม่ออก พอขาดคำหญิงคลอดบุตรผลุดออกไป อัศจรรย์อย่างนี้ น้่ใช้ความสัตย์อย่างนี้ติดขัดเข้าแล้ว อย่าเที่ยวไใช้เรื่องเลอะๆ เหลวๆ บนผีบนเจ้า นั่นไม่ได้ยินได้ ฟังธรรมขอพระพุทธเจ้าพระอรหันต์เลย พวกนั้นไม่ได้ฟังธรรมของสัตบุรุษเลย ความเห็นจึงได้เลอะเทอะเหลวไหลเช่นนั้น ไม่ถุกลักฐาน(ไม่)ถูกทางพุทธศาสนา ถ้าว่ารู้จักหลักทางพระพุทธศาสราแล้ว ต้องยกความขึ้นพูดความสัตย์ความจริง นั้นเป็นข้อสำคัญ ถ้าความบริสุทธิ์ของศีลมีอยู่ ก็ต้องยกความบริสุทธิ์นั่นแหละขึ้นพูด หรือความบริสุทธ์ของสมาธิมีอยู ก็ยกความบริสุทธิ์ของสมมาธิขึ้นพูด ขึ้อธิษฐา หรือแม้ว่าความจริงของปัญญามีอยุ่ก็ยกความจริงของปัญญานั้นขึ้นอธิษฐาน หรือความสัตย์ความจริงความดีอันใดที่ทำไว้แน่นอนในใจของตัว ให้ยกเอาความดีอันน้นแหละขึ้นอธิษฐานตั้งอกตั้งใจบรรลุ (ผ่านพ้น) ความติดขัดทุกสิ่งทุกประการ ให้รู้จักหลักฐานดังนี้...

           "หลักและวิธีเจริญสมถะและวิปัสสนากัมมัฎฐานเบื้องต้นถึงธรรมกาย"

          

           

หมายเลขบันทึก: 648971เขียนเมื่อ 17 กรกฎาคม 2018 10:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 กรกฎาคม 2018 10:27 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท