เรียนรู้สังคมไทยจากการจัดงานมหกรรมการจัดการความรู้แห่งชาติ ครั้งที่ ๓


ผมได้ความรู้เกี่ยวกับสังคมไทยในเรื่องความไม่ซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา

เรียนรู้สังคมไทยจากการจัดงานมหกรรมการจัดการความรู้แห่งชาติ ครั้งที่ ๓

        เรา AAR การจัดงานมหกรรมการจัดการความรู้แห่งชาติ ครั้งที่ ๓ เมื่อเย็นวันที่ ๑ ธค. ๔๙ อันเป็นวันแรกของงาน     ผมได้ความรู้เกี่ยวกับสังคมไทยในเรื่องความไม่ซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา     ดังนี้
     ๑. มีคนโทรศัพท์มาอ้างว่าจะมาขอพบคนโน้นคนนี้     จะขอเข้าไปในงานโดยไม่ลงทะเบียนจ่ายเงิน     เมื่อตอบว่าคนนั้นพูดเสร็จแล้ว ก็ถามว่าในงานมีนิทรรศการอะไรบ้าง
     ๒. สคส. เชิญผู้ใหญ่ของกรมที่เราเชิญมาเป็นวิทยากรมาร่วมงาน     ก็มีผู้อ้างว่าเป็นผู้ติดตามอีก ๒ - ๓ คน     ทั้งๆ ที่มีวิทยากรของกรมมาแล้วหลายคน
     ๓. มาที่งานโดยหวังเข้าฟรี (รู้อยู่แล้วว่าเราเก็บค่าลงทะเบียน) ๒ คน     มาอ้างว่าติดต่อไม่ได้เพราะ เว็บไซต์ ของ สคส. ไม่ดี     เมื่อรู้ว่าค่าลงทะเบียนคนละ ๔,๐๐๐ บาท ก็ขอลงทะเบียนคนเดียว เข้า ๒ คน     เมื่อคนของ สคส. ไม่ยอมก็ออกไป     หรือบางคนก็ยอมลงทะเบียน  

       นอกจากนั้น ยังมีกรณีโต้แย้งในรายที่ สคส. ยอมเชิญมาเป็นวิทยากรเพิ่ม โดยมีข้อตกลงว่า สคส. จ่ายค่าเดินทางโดยรถไฟ ไม่ใช่เครื่องบิน     เมื่อมาถึงงานก็มาอ้างว่าตนเป็นผู้บริหารต้องได้นั่งเครื่องบิน     เรื่องนี้ผมขอชี้แจงวิธีคิดของ สคส. ซึ่งไม่ตรงกับราชการดังนี้     สคส. เชิญคนที่ สคส. เห็นฝีมือ ว่าจะเป็นวิทยากรที่ชูโรงในการประชุม    เราก็จะให้ความยืดหยุ่นสูง     แต่ในหน่วยราชการมีอำนาจภายใน ต้องการเอาใจนาย ไม่ให้รู้สึกว่าข้ามหน้านาย ก็ขอให้มาเป็นวิทยากรด้วย     สคส. ก็ยอมในระดับที่พอทน    แต่ไม่ใช่ในระดับเดียวกับคนที่มีฝีมือระดับที่ สคส. ถือเป็น "ดาว"     สคส. สัมพันธ์กับภาคีด้วย "ซี" หรือ "ตำแหน่ง" ในเรื่อง KM ตามที่ สคส. เห็นฝีมือ     คนที่ซีราชการสูง แต่ สคส. ไม่เห็นฝีมือด้าน KM (แม้ท่านจะมี)   สคส. ก็ ถือว่า "ซี" ต่ำ     นี่คือวิธีคิดของ สคส. ครับ     ซึ่งถ้าไปทำความไม่พอใจให้ท่านผู้ใด ผมก็ขออภัย     แต่ถ้าจะทำ KM ให้ได้ดีต้องยอมรับความจริงว่าในบางเรื่องคนที่อาวุโสน้อยกว่า ตำแหน่งต่ำกว่า กลับมีคุณค่ามากกว่า ครับ

        งานที่มีคนเข้าร่วมประชุมมากมีเรื่องจุกจิกเยอะมากครับ    และก็มีคนที่อาศัยลูกชุลมุนเข้างานฟรี     เข้ามาอาศัยงานกินอาหารฟรี     เข้ามาเป็นมิจฉาชีพขโมยสิ่งของ  ฯลฯ อยู่ในสังคมของเราด้วย
        ปีหน้าเราจะไม่จัดงานที่ซับซ้อนอย่างนี้ครับ    ปีนี้เราได้บทเรียนเยอะ    ปีหน้าเราจะปรับให้ดีกว่านี้ แต่ไม่ซับซ้อนและลงทุนมากอย่างนี้

วิจารณ์ พานิช
๑ ธค. ๔๙

หมายเลขบันทึก: 64754เขียนเมื่อ 1 ธันวาคม 2006 22:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:34 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)
บ้านเราปรากฏการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นให้เห็นบ่อยๆ เราไม่สามารถสร้างสำนึกที่ถูกต้องให้เกิดขึ้นได้ เราพูดถึงการสร้างคุณธรรมจริยธรรมวินัยกันบ่อยมากๆ แต่พฤติกรรรมเช่นว่าก็ยังมีดาษดื่นทั่วไป น่ากลุ้มนะครับ

           เรียนท่านอาจารย์ แสดงว่างานนี้เป็นงานที่มีคนสนใจมากและเป็นประโยชน์ แต่คนเหล่านั้นอาจยังไม่เห็นคุณค่าจึงไม่กล้าลงทุนลงทะเบียน ครั้งหน้าถ้ามีหน่วยงานหรือองค์กรต่าง ๆ ช่วยกันสนับสนุน จัดงานใหญ่ ๆ  ผู้สนใจหลาย ๆ ระดับ(ประชาชน นักศึกษา นักเรียน นักวิชาการ นักปฏิบัติการ)จะได้มีโอกาศเข้าฟังและมีการเผยแพร่ต่อไป

                                               จรัสศรี จุฑาจินดาเขต

        เห็นด้วยกับสิ่งที่ค้นพบจาก AAR เป็นปรากฏการณ์ที่เห็นบ่อยๆในสังคมบ้านเรา แต่เชื่อว่าถ้าพวกเราไม่นิ่งเฉย และมองว่าต้องช่วยกันแก้ไขแลกเปลี่ยนเรียนรู้ชี้ให้เห็นพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์บ่อยๆ สักวันเราก็จะได้สมาชิกของสังคมที่มีกระบวนทัศน์ใหม่ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เห็นใน generation นี้ แต่ก็ยังมีความหวังในรุ่นต่อๆไป

ผมอยากให้ความเห็นเหมือนกัน แต่ให้ความเห็นก็เป็นเพียงการให้ความเห็นที่พูดซ้ำไปซ้ำมา อย่างไรก็ตาม ขอเป็นกำลังใจให้ท่านอาจารย์ครับผม

   น่าเห็นใจครับ  ที่ยังมีคนที่มีมิจฉาทิฐิเป็นเจ้าเรือน  แต่มีตำแหน่งหน้าที่ในระดับที่สูง  อำนาจอวิชชานำพาให้เกิดพฤติกรรมที่น่าสมเพชได้มากมาย .. ก็ได้แต่หวังว่า การจัดการความรู้ที่ถูกต้องและพอดี จะช่วยให้สังคมค่อยๆปลอดจากคนเช่นนี้ได้สักวันครับ

เรียนอาจารย์วิจารณ์ที่เคารพอย่างสูง ผมขอแสดงความเห็นใจเป็นยิ่งครับ พบบ่อยมากในสังคมเราจริงๆครับที่มีการ 'มั่ว' และ 'เบ่ง' ครับ

แต่ยังไงผมต้องเรียนว่า สำหรับผมเองผมรู้สึกประทับใจในการประชุมครั้งนี้มาก ได้อะไรดีๆมาเพียบจริงๆครับและยังได้มีโอกาสพูดปะกับ blogger ท่านต่างๆที่ทำงาน R2R ด้วยครับ อาทิ พี่เหม่ย อาจารย์พรพรต และคุณชายขอบ ซึ่งหาค่าไม่ได้เลยครับ

ผมและทีมงานจาก มน. เป็นคนเข้าร่วมงานรู้สึกกันแต่เพียงว่า "งานนี้ยิ่งใหญ่มากครับ" ไม่ใช่งานใหญ่ที่มีผู้คนมากมาย (เท่านั้น) นะครับ แต่ยิ่งใหญ่ในฐานะที่ได้สร้างประโยชน์ให้อย่างมหาศาลกับสังคมไทย ที่ตัวผมเองและทีมงานไม่เคยได้พบเห็นจากที่ไหน ๆ เป็นผลงานที่เกิดจากความตั้งใจ จากใจ ของแกนหลักประมาณ 10 คน พวกเรารู้สึกว่าได้ประโยชน์จากงานมากและรู้สึกว่าอยากจะขอขอบคุณและมีส่วนช่วยเป็นกำลังใจให้กับทุกคนด้วยครับ โอกาสหน้าถ้ามีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่พวกเราพอจะช่วยลดปัญหาอุปสรรคได้ก็จะยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่ครับ

   อีกรอบครับ สนับสนุนท่าน ผศ.ดร. วิบูลย์ วัฒนาธร และ ท่าน อัครินทร์ นิมมานนิตย์ 
   ขอเพิ่มเติมว่าผมยอมรับว่าอย่างน้อย 5 ประเด็นที่ผมได้รับ และมีรายละเอียดมากมายอยู่ในนั้นได้แก่ ..

  1. ได้สร้าง เสริม เติมพลัง กระชับความสัมพันธ์ ความรู้สึกที่ดี กับเพื่อนร่วมแนวคิด-อุดมการณ์
  2. ได้ต่อยอดความรู้ ความคิดจากสิ่งที่ได้เห็น ได้ฟัง ได้แลกเปลี่ยน
  3. ได้ตัวอย่าง แบบอย่างทั้งที่เป็นความสำเร็จ ความล้มเหลว ความถูกต้อง ความผิดพลาด มาปรับใช้พัฒนาตน พัฒนางาน
  4. ได้รับการเสริมพลังโดยอัตโนมัติในการทำหน้าที่ต่อไปด้วยความหวัง ความเชื่อว่า เราไม่โดดเดี่ยว และมีความสำเร็จรออยู่เบื้องหน้า
  5. ได้เพิ่มความเข้มข้นในศรัทธาที่มีต่อผู้ใหญ่ที่เราเคารพนับถือยิ่งขึ้น

     แต่ละข้อมีรายละเอียดอย่างไร คงไว้ค่อยว่าไปเป็นฉากๆ ใน Blog ของผมเอง ต่อไปครับ

ได้เข้าร่วมงานนี้ด้วย ประเด็นต่าง ๆ น่าสนใจมาก เสียดายที่ไม่สามารถแบ่งภาคได้  พอเข้าห้องหนึ่ง ทำให้พลาดโอกาสในอีกหลาย ๆ ห้อง

การจัดประชุมที่มีกลุ่มเป้าหมายจำนวนมาก ย่อมมีปัญหาสารพัน  แต่เป็นบทเรียนที่ดีสำหรับการจัดประชุมครั้งต่อไป ... แต่ต้องชมความเป็นมืออาชีพในการจัดเวทีใหญ่เช่นนี้...เป็นหนึ่งตัวอย่างที่ดีในการบริหารจัดการประชุมค่ะ...

วิดีทัศน์ในวันเปิดงานน่าสนใจมาก..ไม่ทราบว่าจะหาได้ที่ไหน...อยากให้เพื่อนและผู้บริหารในหน่วยงานได้มีโอกาสได้ดูบ้าง  ...เผื่อจะเปิดโลกทัศน์ ..เพราะปัจจุบัน KM ในหน่วยงานยังไม่สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ 

งานนี้จัดได้ยิ่งใหญ่จริง ๆ คะ ขอชมเชยทีมงานสคส.ด้วยใจจริงคะ มีความรู้อยู่ทุกแห่ง เสียดายที่ไม่มีโอกาสเข้าร่วมได้ ปัญหาที่เกิดขึ้นเล็กน้อยมากคะ ถ้าเปรียบเทียบกับความสำเร็จที่เกิดขึ้น ขอบคุณมากนะคะที่สร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้แก่สังคมไทย
สุวรรณา ล่องประเสริฐ
ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ได้เข้าร่วมงานนี้ ทั้งๆที่เปรียบแล้วยังมีความรู้ ความเข้าใจกระบวนการจัด KM น้อยมาก เนื่องจากมีหน้าที่ต้องจัดการให้กลุ่มเป้าหมายกศน.ที่ต้องการยกระดับการศึกษาโดยวิธีประเมินเทียบระดับได้มีการช่วยเหลือแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในระยะสั้นๆ ให้สามารถจัดระบบองค์ความรู้ที่มีอยู่ในตัวและนำออกมาเพื่อขอรับการประเมินให้ผ่าน พบว่ามีคนมาชี้ว่าเป็นการจัดKM และให้นำผู้ขอรับการประเมินฯไปนำเสนอผลการทำKM จึงได้มีโอกาสเข้าร่วมงาน ต้องขอชื่นชมทีมงานของสคส.ที่สามารถจัดงานได้ยิ่งใหญ่ แต่ในวัฒนธรรมสังคมไทย (ที่ยังไม่ถูกจัดการความรู้) ก็จะเจอปัญหาอย่างที่ ท่านอ.วิจารณ์ได้นำเสนอข้างต้น ซึ่งมุมมองของดิฉันถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรให้ผ่านไป ควรช่วยออกมานำเสนอและแก้ไข จะขออาสาช่วยด้วยอีกคน ซึ่งเป็นที่น่าเสียดาย ดิฉันได้เรียนรู้จากงานนี้ได้น้อยนิดถ้าเทียบงานที่มีองค์ความรู้ที่นำเสนอมากมาย เนื่องจากต้องทำหน้าที่นำเสนอด้วยจึงมีโอกาสไปแสวงหาองค์ความรู้ใส่ตัวน้อยไป จึงขอฝากท่านอาจารย์ว่า ให้จัดน้อยห้องแต่จัดการเวลาให้มีประสิทธิ์ภาพ ผู้เข้าร่วมงานจะได้ไม่รู้สึกเสียดายในห้องที่ไม่ได้เข้าไปเรียนรู้ ลักษณะรักพี่เสียดายน้อง ที่สุดแล้วก็ยังชื่นชมและให้กำลังใจท่านอาจารย์และทีมงาน
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท