ให้ลูกเรียนห้องกิ๊ฟหวังดี แต่กลายเป็นทำร้ายลูกตัวเอง


เป็นความอึดอัด(ผม) ที่ลูกเรียนห้องกิ๊ฟ ห้องกิ๊ฟ คือ ห้องที่พิเศษที่เสียเงินเพิ่ม เพื่อให้นักเรียนได้เรียนวิชาการเพิ่มตามที่นักเรียนเลือก เช่น ลูกผมเรียนกิ๊ฟ วิทยาศาสตร์ ก็ได้ถูกให้เรียนเพิ่มในรายวิชา วิทยาศาสตร์เพิ่มจากห้องเรียนปรกติ 2- 3 วิชา กล่าวง่ายคือ ง่ายๆ คือ ในโรงเรียนก็อาจมีห้องกิ๊ฟ 3 ห้อง เป็นห้องกิ๊ฟวิทยาศาสตร์/คณิตศาสตร์/ภาษา ที่ต้องเสียเงินเพิ่ม (เพื่อทำลายตัวเอง) ความคิดส่วนตัว เห็นว่า การมีห้องกิ๊ฟ ทำให้หลักสูตร หรือ ระบบการศึกษา พัง ไม่มีความเป็นมาตราฐาน จากที่เห็น ห้องกิ๊ฟ 3 ห้อง (3 หลักสูตร) + ห้องปรกติ ไม่ใช้แค่ 2 มาตรฐาน (Double standard) มีมากถึง 4 มาตรฐาน (Fourth standard) ชั้นเรียนเดียวกันโรงเรียนเดียวกัน

****** ทำไมกระทรวงผู้รับผิดชอบถึงปล่อยให้เป็นเช่นนี้ได้ครับ ???? มิน่าสังคมเลยต้องแบ่งชั้นมาตรฐานขนาดนี้ แม้ระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานยังเป็นเช่นนี้ (ย่ำชั้นเรียนเดียวกันโรงเรียนเดียวกัน) แสดง ให้เห็นชัด และปลูกฝังให้ นักเรียนเห็นสังคมแบบไม่เท่าเทียมเป็นเรื่องธรรมดา แต่มีอึกอัดคือ ความไม่เท่าเทียม ที่กล่าวข้างต้นว่า "....ที่ต้องเสียเงินเพิ่ม (เพื่อทำลายตัวเอง)..." อย่างไร ? 

            ผมได้มีโอกาส เข้าร่วมปฐมนิเทศน์ นักเรียนในโรงเรียนครั้งหนึ่ง ผอ. หลุดปาก ในการแสดง(อวด) นักเรียนในโรงเรียนว่ามีเกรตสูงสุดในแต่ระดับชั้น กล่าวว่า "....นักเรียนที่ได้ในแต่ระชั้นสูงถึง ...... เป็นนักเรียนที่เก่งมาก ไม่ใช้ห้อง กี๊ฟ แต่เป็นห้องธรรมดา ห้องกี๊ฟยังสู้ไม่ได้เลย......" ผมถึงกับอึ้ง....ไปเลย หลังจากการประชุมผมขอพบ ผอ. แต่ฝ่ายวิชาการให้พบแทน....... 

..........คุณคง งง งง ว่าทำไมผมอี้ง งั้นขออธิบายก่อนสำหรับผู้ที่ไม่เข้าใจน่ะครับ ที่ผมอึ่งก็เพราะ การที่ลูกเราเรียนห้องกี๊ฟ นั้นหมายถึงลูกผมต้องเรียนอีก 2-3 วิชาเพิ่มจากมาตรฐานปรกติ นั้นหมายถึงว่า ลูกของผมต้องเรียนหนักกว่า สอบมากกว่า เครียดมากกว่า นักเรียนหลักสูตรปรกติ แล้วจะให้ลูกผมมีระดับคะแนน สูงกว่าห้องปรกติได้อย่างไร เรียนเยาะกว่า สอบเยาะกว่า เหนื่อยกว่า ขยันกว่า แต่ถูกเอามาเทียบกับนักเรียนที่เรียนปรกติ แล้วดูถูกอีกว่า เรียนไม่เก่งเท่าชั้นเรียนปรกติอีกต่างหาก.......จริงหรือไม่ครับ
.......ในวันนั้น ผมขอเข้าพบ ผอ. แต่ ฝ่ายวิชาการให้พบแทน ผมก็เลยชี้แจงไปตามที่กล่าวข้างต้น ท่านฝ่ายวิชาการ กล่าวว่า ได้เคยเรียน ชี้แจงต่อ ผู้ปกครอง อาจารย์ และ ผอ. แล้วว่า การที่เลือกเรียนในห้องพิเศษนี้ต้องเรียนหนัก กว่ามาตรฐาน(ห้องปรกติ) ผู้ที่เรียนห้องกี๊ฟนี้จะให้มีระดับคะแนนสูงเทียบเท่ากับห้องปรกติไม่ได้อยู่แล้ว ตามตรรกะวิทยา เรียนหนักกว่า มากวิชากว่า จะได้คะแนนสูงเท่าเป็นไปไม่ได้ กล่าวคือ คะแนนที่ได้มาไม่สามารถเทียบกันได้อยู่แล้ว คนล่ะสเกล (คนล่ะไม้วัด) แต่ให้เราต้องมองที่ตัว นักเรียน ว่าได้อะไร กล่าวคือได้เรียนมากขึ้นรู้มากขึ้น รอบรู้มากขึ้น นั้นเอง........ผมเห็นด้วย ผมก็ขอให้ท่าน ดังนี้ 

ประการแรก----- วิชาการ ไปชี้แจงต่อ ผอ. และ ผู้ปกครอง ทำความเข้าใจอีก ไม่เช่นนั้นในการประชุมผู้ปกครอง นร. กี๊ฟ ก็จะถูกดูถูกใช้ห้องประชุม ส่วนผู้ปกครอง ห้องกี๊ฟ ก็ไม่เข้าใจสถานะลูกตัวเอง ก็ได้แต่โวยวายลูกตัวเองว่าทำไมได้คะแนนน้อย ไม่เก่งเท่าเด็กเรียนธรรมดา 

ประการที่สอง---- ใบแสดงผลการเรียน ให้แสดงผลการเรียน แจงให้ชัดว่าเป็นผลการเรียนของนักเรียนห้องกี๊ฟ ( ต้องคิดอีกมาตรฐาน) 

ประการที่สาม-----ใบแสดงผลการเรียน สามารถแยกรายวิชาการเรียนปรกติในหลักสูตรปรกติ การวิชาเรียนเสริมเพิ่มของห้องกี๊ฟ ผู้พิจารณาใบแสดงผลการเรียนจะได้พิจารณาอย่างเป็นธรรมขึ้นเพราะห้องนี้ได้เรียนมากกว่า จะคิดระดับคะแนนเฉลี่ยเพียงด้านเดียวไม่ได้ ******* และที่อึดอัดเพิ่ม

 ++++++ ผมตั้งข้อสังเกตุ(คิด) ว่า ---- ถ้าลูกผมสอบไม่ผ่านในวิชาเรียนเสริม(เพิ่มจากการเรียนหลักสูตรปรกติ) ที่ไม่ใช้วิชาเรียนในหลักสูตรปรกติ(มาตรฐานระบบการเรียนชั้นปีนี้) ลูกของผมควรจบได้ตามมาตรฐานไม่จะเป็นต้องแก้รายวิชานี้ (เพิ่มจากการเรียนหลักสูตรปรกติ) 

++++++ถ้าให้ดี.....ในรายวิชาที่เรียนเสริม(เพิ่มจากการเรียนหลักสูตรปรกติ) ก็ไม่ควรนำมาคิดเกรต .... ให้แสดงว่าผ่านหรือไม่ผ่านก็พอ เพื่อความเป็นธรรมว่า ลูกของผมได้เรียนผ่านมาตรฐานปรกติแล้ว โยแยกเป็นรายการต่างหาก หรืออาจเป็นใบแสดงผลการเรียนเฉพาะอีกใบ เพื่อให้ผู้พิจารณาได้ดูแล้วทราบถึงความเป็นห้องกี๊ฟ (นักเรียน Fourth standard) 

++++++ล่าสุด อึดอัดถึงกับงุดหงิด.....ได้มีโรงเรียนที่ถือว่าโรงเรียนดัง ได้เปิดรับสมัครสอบ เพิ่มคัดเลือกเข้าเรียนต่อ โดยกำหนดเกรตผู้เข้าสอบต้องเรียนได้เกรตถึงรวม 3.5 ขึ้นไป(ประมาณการ) และวิชาวิทยาศาสตร์ 3.0 (ประมาณการ) ขึ้นไป ถึงจะสามารถสมัครสอบ ลูกของผมเฉลี่ยรวมได้ แต่ในรายวิชาวิทยศาสตร์ไม่ถึง(ขาดไปนิดเดียว) ก็ถูกตัดสิทธิไม่ได้สมัครสอบ ทั้งๆ ที่ o-net/a-net สูงมาก ยิ่งทำให้ผม งุดงิดว่าผู้ออกระเบียบในการกำหนดคุณลักษณ์ผู้มีสิทธิเข้าสอบนั้น ไม่ได้รู้เลยว่า ประเทศไทยนี้ ไม่มีความเป็นธรรมอยู่แล้ว โดยไม่ได้มีมาตรฐานเดียว มีถึง Fourth standard (อย่างน้อย) ใช้ไม้บันทัดวัดเซ็นติเมตร มาวัดเป็นนิ้ว คนล่ะไม้บันทัด คนล่ะมาตรฐานชัดๆ ได้มีการกำหนดระดับคะแนนที่ใช้ระดับคะแนนของ นร. ที่เรียนในหลักสูตรธรรมดา มาเป็นตัวตั้ง เป็นเกณฑ์


-------- ลูกผมจะถึงได้ไงครับ.......... อย่างที่กล่าวข้างต้องลูกผมเรียนห้องกี๊ฟ ฝ่ายวิชาการเอง ก็แจ้งให้ทราบชัดๆ ว่า ระดับคะแนนของผู้เรียนห้องกี๊ฟอาจจะมีระดับเฉลี่ยที่ต่ำกว่าห้องเรียนในมาตรฐานปรกติ เพราะเรียนเยาะกว่า หนักกว่า ยากกว่า (เครียดกว่าเยาะ) จะมีระดับคะแนนเทียบเท่าได้อย่างไร

 ++++++แล้วงุดงิดเพิ่มอีกเมื่อรู้ว่า โรงเรียน...เห็นว่าผู้เรียนในระบบปรกติ (เรียนน้อยกว่าห้องกี๊ฟ) ฝ่ายวิชาการ ร่วมกับสมาคมผู้ปกครอง นำงบประมาณ จัดการเรียนเสริมกับนักเรียนปรกติ ฟรี (ไม่คิดเกรต) ในทุกๆวัน นร. ที่เรียนในหลักสูตรปรกติ ได้ทั้งวิชาการเพิ่ม ได้ความรู้เพิ่ม ไม่ต้องสอบเพิ่ม ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม ดัง นร. กี๊ฟ.......... 

สรุป.....ผมเลยให้ลูกผม เลือกเรียนห้องปรกติดีกว่า ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มแล้ว ยังไม่ต้องเรียนเยาะ (เครียดน้อยลง) ไม่ต้องถูกดูถูกว่าเรียนเฉลี่ยต่ำกว่าห้องเรียนปรกติ (ซึ่งเทียบวัดไม่ได้คนล่ะไม้บันทัด) แถมยังมีให้เรียนเสริมจากโรงเรียนโดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่มอีกด้วย ในปีการศึกษาหน้าก็น่าจะมีผมการเรียนที่ดีแน่นนอน.........เป็น ดังคำกล่าวที่ว่า เป็นหัวหมาดีกว่าหัวเสือ หัวเสือดีกว่าหางมังกร นั้นเอง.........

*****ระบบการศึกษาของไทย แม้ในโรงเรียนเดียวกัน ชั้นปีเดียวกัน ยังมีหลายมาตรฐาน สู่สังคมจะสามารถหามาตรฐานตรงไหน เริ่มจากระบบการศึกษา......ไปสู่ระบบ................. ขอถามใครรับผิดชอบ และเราจะมองหามตราฐานได้จากที่ใด......*****

หมายเลขบันทึก: 646383เขียนเมื่อ 10 เมษายน 2018 20:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 เมษายน 2018 20:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท