ยามเย็นที่ฝนพรำเปียกฉ่ำเสื้อบางๆจนเนื้อตัวหนาวสั่น ลมตะวันออกต้นปีพัดมาครั้งแล้วครั้งเล่าปะทะใบหน้าทำเอาชาสนิท สายตาที่กร้านโลกมองทอดไป สบตายิ้มมุมปากเบาๆไม่ปริปากเอื้อนเอ่ยใดๆสักคำ มันมีคุณค่ากว่าร้อยล้านคำที่คนอื่นกล่าวมา
ท้องทุ่งนากลายเป็นสีเหลืองทอง ว่าวนก ว่าวจุฬาเสียงแอกร้องไพเราะระรื่นหู เด็กๆไล่จับปลาปู ชายเฒ่ายืนจูงวัวตัวโตบนคันนาสีเขียวหญ้าดก สีเขียวสี่เหลี่ยมล้อมรอบสีทองผืนใหญ่
ภูเขาชรายืนตระหง่านมานานหลายร้อยล้านปีไม่มีเอะอะร้องไห้สักคำ แต่ก่อนเคยมีคนใจดำระเบิดหายไปเสียซีกนึง รอบๆก็ขุดหน้าดินไปขาย
คนเฒ่าคนแก่มีแต่ล้มหายตายจาก ที่อยู่ทุกวันนับเหลือน้อยทีเดียว วัยรุ่นวัยเด็กรีบตายไล่ๆผู้เฒ่าเหล่านั้น ยาสารพัดสารพันที่สรรหามาทำลายตัวเองด้วยเมื่อหมดคำจะเตือนจะบอก ให้ความตายเป็นคำตอบคงดีที่สุดแล้ว
สีดำของคืนค่ำเข้ามาโอบกอด เพื่อนผู้ร่วมทางสัญจรหลับไหลเงียบสนิทกว่าจะถึงที่หมาย ความตายน้อยๆที่ใกล้ชิดสนิมสนมกับเรายิ้มหัวเราะระรื่นกว่าจะตื่นมันกลืนเราไปทั้งตัว
เสียงหมู่ดาวร้องโหยหวนเรียกหา ดาวหลงฟ้าแตกกระจายหลงทิศลับหาย ความมืดมนที่ไม่รู้จะหมายจิตวิญญานที่เคยตายฟื้นขึ้นมาอีกครานึง
ซากศพที่เคยฝังอยู่ในสุสานตัวอักษรถึงคราวที่ต้องปลุกขึ้นมาให้หลอกหลอนชีวิตอีกครา
-----------------------
นายหัว
ณ จังหวัดตรัง
7 มกราคม 2561
ไม่มีความเห็น