๖๖๘. ชีวิตขาขึ้น..ไม่เหมือนน้ำ ไม่ต้องรีบตักก็ได้


“หลานเรียนอยู่ ป.๒ ยังท่องสูตรคูณไม่ได้เลย โรงเรียนก็มีกิจกรรมบ่อย ประเมินอะไรกันก็ไม่รู้ เด็กไม่ค่อยได้เรียน วิ่งเล่นกันให้ลั่นไปหมด กิจกรรมก็น่าจะมีแค่ปีใหม่ วันพ่อวันแม่ก็พอ..แต่โรงเรียนนี้เห็นมีกันทั้งปี..”

               ผมไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะได้อาคารเรียนหลังใหม่ง่ายๆ พอได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือแล้ว รู้สึกตื่นเต้นดีใจ แต่ก็ต้องรอบคอบระมัดระวัง ในการบริหารจัดการ..ด้านการก่อสร้าง..

            ตามแบบแปลนอาคารเรียน..มี ๒ ชั้น ชั้นบนมี ๓ ห้องเรียน ใต้ถุนโล่ง..สิ่งสำคัญที่น่าเป็นห่วงคือ อาคารนี้ไม่มีห้องน้ำห้องส้วม ทั้งของครูและนักเรียน..ยุ่งล่ะสิ

            คิดว่าต้องยุ่งไว้ก่อน เพราะมันจำเป็นจริงๆ ต้องมีควบคู่กับอาคาร แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องยาก..เพราะชีวิตผมช่วงนี้..ขาขึ้น..

            รางวัลชีวิตและการงาน..ก็ได้พานพบ ประสบสัมผัสอย่างต่อเนื่อง คิดว่าอยากได้ก็คงต้องได้ ใช้ความดีแลกเอา..ใช้ความอดทนและรอคอย คิดไว้เสมอว่าทำเพื่อส่วนรวม..ยังไงก็จบได้

            ยังจำภาพงานวันเด็กได้ดี ที่มีห้างร้านและผู้ปกครองนำอาคารคาวหวานมาเลี้ยงอย่างมากมาย..เจ้าของฟาร์มไก่ในหมู่บ้าน นำไก่ทอดกับข้าวเหนียวร้อนๆมาเลี้ยงเป็นปีที่ ๒ พอเสร็จงานวันเด็ก เจ้าของฟาร์มก็โทรมาหาผม บอกจะขอเป็นประธานผ้าป่า พาพี่น้องมาทอดในเดือนมีนาคม ๒๕๖๑

            จุดประสงค์ก็เพื่อพัฒนาเสาธง..ผมก็เลยบอกว่า เสาธงปูกระเบื้องเรียบร้อยดี ยังไม่มีร่องรอยชำรุดทรุดโทรมแต่อย่างใด ขอเปลี่ยนเป็นทำห้องน้ำห้องส้วมได้ไหม? เขาตอบว่า..ได้..ผมก็เลยเชิญคณะกรรมการสถานศึกษาประชุมปรึกษาหารือ..

            เป็นการประชุมนัดพิเศษจริงๆ..คือคุยเรื่องผ้าป่าการศึกษาเป็นเรื่องหลัก ผมถือโอกาสเชิญผู้ปกครอง ๓ ท่าน ที่เป็นข้าราชการและแม่บ้าน..พักอยู่ในตลาด ย้ายลูกจาก โรงเรียนใหญ่มาอยู่โรงเรียนเล็ก..ผมเห็นศักยภาพแล้ว ต้องให้มามีส่วนร่วมในงานนี้..

            ที่ประชุมฯกำหนดวันที่ ๑๗ มีนาคม เป็นวันทอดผ้าป่า..เลี้ยงพระเพล กับข้าวเลี้ยงพระและคนที่มาร่วมงาน คณะกรรมการและผู้ปกครอง จะรวมตัวกันทำมาจากบ้าน แตกต่างกันไป โรงเรียนไม่ต้องทำครัว..

            ประทับใจอีกครั้ง ที่ผู้ปกครองที่เข้าร่วมประชุม บอกรายการอาหารที่จะนำมาเลี้ยงพระและจำนวนซองผ้าป่ามากมาย..ที่ต้องการรับไปช่วยแจกญาติพี่น้อง ผมยอมรับในหัวจิตหัวใจ และแรงศรัทธาของผู้ปกครองกลุ่มนี้จริงๆ

            ก่อนกลับ..ยังขอบคุณทางโรงเรียน..ที่ช่วยดูแลลูกเขา ให้เรียนดีขึ้น ไม่งอแง อยากมาโรงเรียน..และทิ้งท้ายให้ทราบว่า..ปีหน้า..จะมีเด็กย้ายมาอีกเยอะ...

            ผมไม่ได้พูดอะไร ใจก็คิดว่า..อนาคตจะเป็นอย่างไรไม่รู้ ไม่มีอะไรแน่นอน จำนวนครูก็ขึ้นอยู่กับ “คุณภาพ” และ “คุณภาพ” ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนครู เวลาในปัจจุบันสำคัญที่สุด คือ ทำหน้าที่ เพื่อหน้าที่..อย่าเพิ่งดีใจว่าใครจะย้ายมาเรียน..

            วันรุ่งขึ้น..ผู้ปกครองที่มาร่วมประชุม มาที่โรงเรียนอีกครั้ง พร้อมเพื่อนบ้านที่มีลูกสาวเรียนอยู่ ป.๒ โรงเรียนในตลาด ที่เป็นโรงเรียนใหญ่ ศักดิ์ศรีโรงเรียนดีศรีตำบลและเป็นโรงเรียนรางวัลพระราชทาน...

            ผมเห็นเดินชมบริเวณและชมห้องเรียนเป็นที่เรียบร้อย ผมก็เลยไปนั่งคุยด้วยพักนึง จึงรู้ว่า..เขายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะย้ายมา เพียงแค่มาดูโรงเรียน เห็นใครต่อใครคุยนักคุยหนา ว่าสอนดีมีความร่มรื่นสะอาดตา..มาเห็นแล้ว..ก็รู้สึกว่า..ใช่เลย..

            ผมเลยต้องถามว่า..คิดอะไรมากกว่านั้นไหม มีไรคับอกคับใจหรือเปล่า ผู้ปกครองมีสีหน้าเศร้าๆ เล่าว่า..ลูกถูกตีบ่อย เวลาทำเขตสิ่งแวดล้อม หรือทำเวรห้องไม่เรียบร้อย..เด็กจะถูกตีทุกคน..

            ครูไม่ค่อยสอน ให้งาน ให้การบ้านเยอะๆ เด็กทำไม่ค่อยไหว..(ก็คงเป็นเพราะมีครูหลายคน สอนเวียนกัน..จึงทำให้ครูแต่ละคน อัดงานให้เด็กเต็มที่ อันนี้ผมคิดเอง ไม่ได้บอกผู้ปกครองแต่อย่างใด..)

            ตกเย็น..ผมเข้าตลาด เข้าร้านโชว์ห่วยที่ใหญ่ที่สุดของอำเภอ เจ้าของร้านมีลูกมีหลานเรียนระดับประถมฯ ๓ คน เข้ามาทักทายผม..”หนองผือ มีเด็กเยอะแล้ว คงไม่รับย้ายแล้วมั้ง?” เป็นคำหยอกล้อแบบทีเล่นทีจริง แต่ก็น่าสนใจ...

            “รับสิครับ...แต่หนองผืออยู่ไกล จะไปได้หรือ?”  “กำลังคิดกันอยู่เนี่ย จะเอายังไงกันดี...”  “มีไรเหรอ”   ผมถาม

            “หลานเรียนอยู่ ป.๒ ยังท่องสูตรคูณไม่ได้เลย โรงเรียนก็มีกิจกรรมบ่อย ประเมินอะไรกันก็ไม่รู้ เด็กไม่ค่อยได้เรียน วิ่งเล่นกันให้ลั่นไปหมด กิจกรรมก็น่าจะมีแค่ปีใหม่ วันพ่อวันแม่ก็พอ..แต่โรงเรียนนี้เห็นมีกันทั้งปี..”

            ผมซื้อของเสร็จก็เดินออกมาจากร้าน เข้าใจความรู้สึกของผู้ปกครองดี ผมไม่ได้พูดอะไรแต่ก็มาคิดอีกที..อยู่โรงเรียนเล็กๆ เด็กน้อยมันก็ดีอย่างนี้แหละ กิจกรรมน้อย ได้สอนเด็กรายบุคคล ไม่ต้องดีเด่นเป็นต้นแบบ..ก็สามารถนั่งอยู่ในหัวใจผู้ปกครองได้เหมือนกัน

            เตือนตัวเอง ยังไงก็อย่าเหลิง..ชีวิตขาขึ้น อย่าฉวยโอกาส..โดยการทับถมผู้อื่น แต่ต้องรู้จักพอดีและพอเพียง..เด็กมากน้อยแค่ไหนก็สอนได้ ดีหมด...

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

๕  กุมภาพันธ์  ๒๕๖๑

 

 

           

 

หมายเลขบันทึก: 644502เขียนเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2018 22:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2018 22:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท