นั่งคุยในกลุ่มสหายรุ่นน้อง เช้าวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๐ คนหนึ่งเอ่ยถึงสภาพที่คนในหน่วยงานราชการสร้างความรักองค์กรโดยใช้ความเกลียดองค์กรอื่น คนกลุ่มอื่น เป็นเครื่องมือสร้างความรักความสามัคคีกลมเกลียวภายในองค์กรของตน หรือภายในชาติ ฟังแล้วนึกถึงฮิตเล่อร์ แต่นั่นเป็นกรณีสุดขั้ว ในกรณีมนุษย์ธรรมดาๆ ผมก็เห็นมาตั้งแต่เริ่มทำงาน ว่ามีคนที่ส่วนตัวเป็นคนดี แต่ใช้ความดีของตนข่มหรือตำหนิคนอื่นหรือกลุ่มอื่น ไม่ถึงกับเกลียดคนอื่น แต่ก็ตำหนิ ผลคือสร้างความเป็นศัตรู
ผมกลับมาใคร่ครวญที่บ้าน ว่าแบบฝึกหัดชีวิตอย่างหนึ่งคือการยึดมั่นในความดี ยกย่องคนดี หมั่นฝึกตนให้ทำความดี แต่ไม่เอาความดีของตนไปทับถมคนอื่น หรือชวนคนคอเดียวกันให้เกลียดคนกลุ่มอื่นที่คิดต่างประพฤติต่าง ซึ่งผมไม่ค่อยเห็นในสังคมไทย
ผมตีความว่า การศึกษาแบบคับแคบ ที่สอนเด็กให้คิดเหมือนๆ กันหมด มีแบบอย่างตายตัว (prototype) ให้เด็กเชื่อตามทำตาม จะนำไปสู่จิตใจที่ไม่เปิดกว้างยอมรับความแตกต่าง ยากที่จะฝึกใจให้ “รักโดยไม่เกลียด”
วิจารณ์ พานิช
๒ ม.ค. ๖๑
ไม่มีความเห็น