.....หนังสืออนุญาติให้ผมเข้ามาเยี่ยมเพื่อนทหารต่างแดนที่ผมได้ช่วยชีวิตรเอาไว่นี้ได้ตลอดเวลาอีกด้วย
ต่อมา อาการของเพื่อนทหารต่างแดนผู้นี้ ค่อยทุเลาลงตามลำดับ ผมได้เข้าไปเยี่ยมเขาอีกหลายครั้ง ครั้งหนึ่งเขาบอกผมว่าเขาได้รับจดหมายตอบจากทางบ้านแล้ว ทำให้เขามีกำลังใจดีขึ้นมาก และรู้สึกสบายใจที่ทุกคนทางบ้านอยู่เย็นเป็นสุข เขาตอบจดหมายไปให้น้องสาวช่วยดูแลพ่อแม่แทนเขาให้ดีด้วย สงครามเลิกเมื่อไหร่หากเขาไม่ตายก่อนขาจะกลับมาตอบแทนบุนคุณต่อทุกคนและจะหาซื้อของไปฝากทุกคนเยอะ ๆ เขาบอกอีกว่าเขาได้เล่าเรื่องที่ผมช่วยชีวิตรเขาไว้อย่างไร เมื่อเขากลับบ้านเกิดเมื่องนอนแล้ว เขาจะชักเชวนให้ผมไปเที่ยวบ้านเขาโดยจะไม่ให้ผมต้องออกค่าใช้จ่ายใด ๆ จะดูแลให้ผมอิ่มหน่าสำราญตลอดที่อยู่ที่บ้านเขาทุกมื้อทุกวันไม่ให้ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย เขากับน้องสาวจะเป็นผู้พาไปเที่ยวตามที่ต่าง ๆ ทุกวัน ซึ่งผมก็ได้แต่กล่าวขอบคุณเขาไปและตอบแบ่งรับแบ่งสู้ไว้เพื่อไม่ให้เขาเสียน้ำใจ เนื่องจากผมรู้ดีว่าคงไม่มีปัญญาหาค่าเครื่องบินไปหาเขาได้หรอก เนื่องจากคาเครื่องบินมันแพง
อีก 6 เดือนต่อมา ผมก็ได้รับข่าวว่าเขาเดินได้แล้ว และเขากำลังจะถูกส่งตัวกลับไปพักพื้นที่ประเทศญี่ปุ่น ก่อนไปเขาได้ขอเป็นเพื่อนตายต่างแดนกับผมแลัวเราได้สัญญาต่อกันว่าจะไม่ลืมกัน จะไปเยี่ยมซึ่งกันและกันให้ได้ เขาให้ตำบลที่อยุ่ของเขาไว้แก่ผม ส่วนผมก็ให้ที่อยุ่และรูปถ่ายของผมไว้กับเขาเช่นกันแล้วเราก็ขอให้ทหารญี่ปุ่นคนหนึ่งเพื่อนเขาถ่ายรูปคู่กันไว้ด้วยแล้วอัดออกมาถือไว้คนละรูป พอเขาไปถึงญี่ปุ่นเขาก็จดหมายมาบอกผมว่าถึงเรียบร้อยแล้ว พ่อแม่เขาและน้องสาวเขาฝากขอบคุณผมอย่างยกใหญ่มาด้วยพร้อมมีรูปถ่ายใบใหม่ของเขากับพ่อแม่และน้องสาวมาให้ดูด้วย ภาพชุดใหม่นี้น้องสาวของเขาโต ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมจนเกือบเป็นสาวแล้ว หน้าตาก็เปลี่ยนไปทางสวยขึ้นกว่าเดิมเขายังหยอกล้อผมอีกว่า น้องสาวเขาชมว่าผมหน้าตาหล่อดีและยังบอกต่อไปอีกว่า เขาจะไม่รังเกียจเลยหากผมจะมาเป็นน้องเขย ว่าเข้าไปนั่น จริงหรือเปล่า เพื่อน ......( โปรดรออ่านต่อตอนต่อไป )