'ผมถามต่อ
'รู้ครับ 'เขาตอบ
'ผมเพิ่งบอกพวกเขาไป 'เมล์หน้าผมก็จะได้รับจดหมายตอบจากพวกเขา " เขากล่าวต่อมาอย่างหวังเต็มเปี่ยม
'ผมยินดีด้วย'
'แต่ผมซิไม่แน่ใจนักว่าจะได้อ่านจดหมายพวกเขาหรือเปล่า'เขาพูดเศร้า ๆ
'ทำไมจึงพูดยังงั้น'
'เพราะผมเจ็บแผลมากเจ็บทั่วตัวไปหมดแล้ว และหายใจขัด ๆ มากขึ้น'
'ผมอาจไม่รอดคืนนี้ก็ได้'เขากล่าวต่อไปอีกด้วยเสียงเครื่อ ๆ และหยุดสอึกติด ๆ กัน 2-3 ครั้งจนผิดสังเกตุ ใบหน้าซีดเซียวลงอย่างเห็นได้ชัด ผมเอื้อมมือไปกดกริ่งฉุกเฉินข้างหัวเตียงเรียกพยาบาลเข้ามาดูอาการคนเจ็บ พยาบาลเข้ามาจับชีพจรดูแล้วก็บอกผมว่าชีพจรเขาเต้นอ่อนมาก เธอจัดแจงใส่สายอ๊อคซิเจนให้คนป่วยโดยไม่ชักช้าก่อนจะออกไปตามหมอเวรเข้ามาตรวจ เมื่อหมอเข้ามา ผมก็ออกไปนั่งรอข้างนอกต่อมา เมื่อเหมอดออกมาแล้ว จึงเข้าไปดูเขาอีกที เห็นเขานอนหลับตาหายใจระรวยอยู่ ก็เอื้อมมือไปจับแขนเขาบีบเบา ๆ เขาลืมตาขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเป็นผมเขาก็ยิ้มเล็กน้อย บอกว่า "หมอฉีดยาบำรุงหัวใจและยาแก้ปวดให้ ตอนนี้ค่อยยังชั่วขึ้นแล้ว" "สงสารคุณจัง" ผมเอ่ยเบา ๆ เขาบีบมือผมเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ แล้วเราก็ได้แต่มองดูกันและไม่ได้พูดอะไรต่อกันอีก จนดึกพอสมควรผมจึงลาเขากลับวัดระมังที่ผมอยู่กับอาจารย ผมบอกเขาว่าพรุ่งนี้เช้าจะมาเยี่ยมเขาอีก
รุ่งชึ้น ผมมาเยี่ยมเขาแต่เช้าตามตั้งใจโดยซื้อน้ำเต้าหู้กับปลาท่องโก๋มาฝากเขา แต่เมื่อโผล่ไปที่เตียงนอนของเขา กลับเห็นเป็นคนอื่นมานอนอยู่แทน ผมใจหายวาบ มือไม้แทบไม่มีแรงถือถุงน้ำเต้าฮู้ กรากเข้าไปถามพยาบาลเวรว่าเกิดอะไรกับเขาหรือ พยาบาลเวรบอกว่า "เมื่อคืนเขาเจ็บหนัก ทหารเสนารักษ์ของญี่ปุ่นมารับตัวไปดูแลเองแล้ว" แล้วหล่อนยังบอกอีกว่า"หัวหน้าใหญ่ของทหารญี่ปุ่นอยากพบคนที่ช่วยชีวิตรทหารของเขาเพื่อแสดงความขอบคุณในนามของกองทัพพระเจ้าจักรพรรดิ์" แล้วเธอก็เอากระดาษที่ทหารญี่ปุ่นฝากไว้มาให้ผม
ไม่มีความเห็น