อารัมภบท
(ก่อนอื่นต้องชี้แจงว่าเป็นข้อมูลที่นั่งคำนวณเอง ตัวเลขในที่นี้ไม่สามารถอ้างอิงอย่างอื่น นอกจากอ้างอิงความคิดของผมเองที่เกิดชั่วขณะที่จะตัดสินใจใช้บริการรถเกี่ยวข้าว นะครับ )
ค่ารถเกี่ยวข้าว
ค่าเกี่ยว 650 ต่อไร่(ถ้ามีน้ำในนามากกน่อย ก็จะขอขึ้นราคาประมาณ680-700 /ไร่)
ต้นทุนค่ารถเกี่ยว(เจ้าของจริง 500 ส่วนที่เกินคือโสหุ้ย=100-180/ไร่)
วิธีคิดคือสมมติให้ 1 ไร่มีผลผลิต 80 ถัง (ไม่ถึง 1 ตันต่อไร่)
ซึ่งเป็นผลผลิตเฉลี่ย (ค่อนข้างสูง) จะได้ 10,000 x 0.8 =8,000 บาท (ราคาหน้าลาน ณ 10-11-60 ประมาณ10 บาท/ตัน)
ต้นทุนคงที่โดยเฉลี่ย 4,500 บาทต่อไร่
(ค่าไถ-ปั่น, เมล์ดพันธุ์, ปุ๋ย,ยาเคมี,ค่าจ้างหว่าน-ใส่ปุ๋ย-ฉีดยา น้ำมันเชื้อเพลิงรวมไปถึงค่าเช่านา (กรณีเช่า)
ดังนั้น 8,000 -4,500 = กำไร 3,500 /ไร่
ค่าโสหุ้ยเฉลี่ย 160 /ไร่
=3,500 -160 =3,340 บาท/ไร่
ดังนั้น ทำ 10 ไร่ ได้ 33,400 บาท
แต่ต้องจ่ายค่าโสหุ้ยถึง 1,600 บาท
คือหากเราหา นวัตกรรมการเก็บเกี่ยวแล้วสีเป็นเมล็ดคล้ายรถเกี่ยวใหญ่ เพียงแต่ย่อส่วนลงมา พอที่รวมกลุ่มกันซื้อเพื่อผลิตข้าวของพวกเรา
สมมุติว่าหากทำได้ที่ต้นทุนค่าเกี่ยวคงที่ 500 บาท/ไร่
จากทำนา 10 ไร่ ก็จะเหลือ 1,600 บาท
สมมุติฐาน***
และสมมุติว่าพวกเรามีกลุ่มทำนาข้าวพันธุ์เฉพาะของเรา ประมาณ 10 คน มีที่นาคนละ 10 ไร่
กลุ่มนี้ก็จะมี เงินที่ไม่ต้องจ่ายค่าโสหุ้ยนี้ 16,000 บาท
และสมมุติอีกว่าเครื่องเกี่ยวมูลค่า 50,000 จากส่วนเกินออมรวมได้ 16,000 ก็เก็บออมเพิ่มคนละ 3,400 *10 =34,000
34,000+16,000= 50,000 บาท
กลุ่มเราก็น่าจะมีเครื่องเกี่ยวขนาดเล็กได้ (เครื่องเกี่ยวนวดข้าวขนาดเล็ก มือสองจากญี่ปุ่นแบบล้อตีนตะขาบ ราคาประมาณ 50,000 -60,000 ส่วนราคามือแรกที่นำเข้าราคาประมาณ 180,000- 210,000 บาท)
ข้อคิดเห็นเพิ่มเติม
1.สำหรับหากเป็นกลุ่ม ไม่เกิน 100 ไร่ ก็จะใช้เวลา 10 กว่าวันก็เสร็จทั้งหมด ( ประมาณ 5 ไร่/วัน จำนวน 2 คันลงพร้อม ๆ กัน)
2.มีข้อเสียบางประการ เช่นไม่สามารถทราบมูลค่าของอายุหรือการเสื่อมของอะไหล่อุปกรณ์
(ทั้งระบบสายพาน-ไฮดรอลิกหรือระบบผสม )ทำให้ไม่สามารถคำนวณความคุ้มค่าได้ใกล้เคียงความเป็นจริง (จนกว่าจะทดลองใช้เอง เพียงแต่เงินลงทุนไม่น่าลองเลย ...)
***อรรถาธิบายความน่าจะเป็น***
การระดมหุ้น*** เบื้องต้น-หากได้รถเกี่ยวนวดพร้อมราคาประมาณ 50,000 - ไม่เกิน 120,000 บาท หากรวมกันในลักษณะถือหุ้นคนละ 6,000-12,000 หาก 10 คน 12,000*10 =120,000(กรณีจำกัดจำนวนสมาชิกในกลุ่ม 10 -20 คน)
ผลตอบแทน***
1.ผลตอบแทนทางด้านความคุ้มค่าการลงทุน โดยมีปันผลจากการดำเนินการ (ปันผลก็น่าจะประมาณ 5 – 8%ต่อฤดูกาล หากถือ10,000 ปันผล 500 บาทที่5%
และเฉลี่ยคืนจากจำนวนไร่ที่เก็บเกี่ยว ไร่ละ 50 บาท หากมี 10 ไร่ ก็จะได้เฉลี่ยกำไรคืนปลายปี 500 บาท) รวมถือหุ้น 10,000 บาท ที่นา 10 ไร่ ปันผล 5 %ก็จะได้รับปันผล 500 บาท เฉลี่ยคืน 500 บาท =1,000 บาท ซึ่งหากเป็นปัจจุบัน มักจะเป็นค่าใช้จ่ายมากกว่า แต่วิธีการนี้โดยที่หุ้นยังคงอยู่เหมือนเดิม(หากมีความจำเป็นออกจากกลุ่มก็สามารถขายหุ้นได้)
2.ผลตอบแทนทางด้านคุณค่าทางการร่วมกัน
ตัดระบบค่านายหน้า รักษาคุณภาพข้าว (กรณีรวมกลุ่มทำพันธุ์ข้าวเฉพาะของกลุ่มจะเกี่ยวนวดสีของสมาชิกในกลุ่มก่อนการปนเปื้อนก็ลดลง จัดการปลายทางการเพื่อบริโภค หรือเพื่อจำหน่ายสี คัด แพ็ค อย่างเป็นระบบ และสามารถสร้างแบรนด์ในกลุ่มนี้เฉพาะได้ และสิ่งสำคัญคือการสร้างวัฒนธรรมการทำนาที่ในต้นทุนที่แท้จริง ขายได้ราคาที่ยุติธรรม (ราคาตลาดที่แท้จริง) หรือกำจัดระบบการแข่งขันกันในด้านปริมาณของผลผลิตเพราะนั่นเท่ากับเปิดโอกาส หรือช่องให้ความเห็นแก่ตัวเข้ามาจนกลายเป็นเสียมากกว่าจะได้
การทำกำไร***
คิดค่าบริการ 500 บาท/ไร่ (ไม่รวมค่าขน) สมมุติว่า 100 ไร่ ก็=50,000 (จำกัดความสามารถของรถนวดเกี่ยวไว้ที่ประมาณ 500ไร่/ปี/คัน) =500*500=250,000 บาท/ปี
ต้นทุนจ่าย
คำนวณโดยประมาณการ 70% (ประกอบด้วยค่าจ้างคนขับรถเก็บเกี่ยวนวดข้าวเล็ก 1 -2 คน ,ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง, ค่าเช่ารถขนย้าย รวมไปถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าซ่อมบำรุง, ค่าอาหาร-น้ำ ฯลฯ)
ก็จะจ่ายประมาณ 175,000 บาท/ปี
ดังนั้น คำนวณโดยประมาณการเหลือกำไรปีละ 75,000บาท/ปี *4ปี = 300,000 บาท
หากคำนวณจุดคุ้มทุนจากการรวมกลุ่มลงทุน ก็จะประมาณการคุมค่าในปีที่ 3-4
(ใช้วิธีการรวมกลุ่มซื้อ-ขายทำบัญชีกลาง ใช้วิธีการเทียบเคียงสหกรณ์ก็ได้)
***
ไม่มีความเห็น