เอหิภิกขุอุปสัมปทา


               ครั้นเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรมจักรกัปวัตนสูตร ลำดับนั้น พระผุ้มีพรภาคทรงเปล่งพระอุทานนี้ว่า "(เจริญทั้งหลาย โกณฑัญญะ ได้รู้แล้วหนอ ผุ้เจริญทั้งหาย โกณฑัญญะได้รู้แล้วหนอ" ดังนั้น คำว่า "อัญญาโกณฑัญญะ" นี้จึงได้เป็นชื่อของท่านพระโกณฑัญญะนั่นแล

              ครั้งนั้น ท่านพระอัญญาโกณฑัญญะได้เห็นธรรมแล้ว บรรลุธรรมแล้ว รู้แจ้งธรรมแล้วหยั่งลงสูธรรมแล้ว ข้ามความสงสัยแล้ว ปราศจากความแคลงใจถึงความเป็นผุ้แกล้วกฃ้า ไม่ต้องเชื้อผุ้อื่น๑ ในคำสอนของพระศาสดา ได้กรบทูลพระผุ้มีพระภาคดังนี้ว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์พึงได้การบรรพชา พึงได้การอุปสมบทในสำนักของพระผู้มีพระภาค" (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาฯ เล่ม ๔ หน้า ๒๕)

           เอหิภิกาขุอุปสัมปทา เป็นชื่อเรียกวิธีบรรพชาอุปสบทเป็นพระภิกษุในสมัยพุทธกาลยุคต้นๆ โดยพระพุทธเจ้าทรงประทานให้ด้วยพระองค์เอง..คำตรัสขึ้นต้นว่า เอหิภิกขุ.. จึงเรียการอุปสมบทวิธีนี้ว่า เอหิภิกขุอุปสัมปทา เรียกผุ้ได้รับการอุปสมบทว่า เอหิภิกขุ

           พระอัญญาโกณฑัญญะมหาเถระเป็นท่านแรกที่อุปสมบทด้วยวิธีนี้ ท่านจึงเป็นปฐมสาวกหรือเป็นปฐมเถระในพระพุทธศาสนา การบวชด้วยวิธีนี้มีต่อมาอีกหลายท่าน อาทิ

            พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า "เธอจงมาเป็นภิกษุเถิ" แล้วตรัสต่อไปว่า "ธรรมอันเากล่าดีแล้ว เธอจงประฑฤติพรหมจรรย์เพื่อทำที่สุดแห่งทุกข์โดยชอบเถิด พระวาจานั้น ได้เป็นการอุปสมบทของท่านพระอัญญาโกณฑัญญะนั้น

              ว่าด้วยภิกษุภัททวัคคีย์ เรื่องทรงแสดงธรรมโปรดภัททวัคคีย์ ๓๐ คน

               ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ กรุงพาราณสี ตามพระอัธยาศัยแล้วได้เสด็จจาริกไปทางตำบลอุรุเวลา เสด็จหลีกจากทาง เข้าไปยังไพรสณฑ์แห่งหนึ่งครั้งเสด็จถึงไพสณฑ์แห่งนั้นแล้ว ได้ประทับนั่งอยุ่ ณ ควงไม้ต้นหนึ่ง สมัยนั้น สหายภัททวัคคีย์ประมาณ ๒๐ คนพร้อมภรรยาบำเรอกันในไพรสนฑ์แห่งนั้น สหายคนหนึ่งไม่มีภรรยา พวกสหายจึงนำหญิงเเพศยามาเพื่อประโยชน์แก่เขา ต่อมา หญิงแพศยาได้ขโมยของหนีไป ขณะพวกเขาเผอเรอมัวบำเรอกัน สหายเหล่านั้นเมือจะช่วยเหลือเขา จึงเที่ยวตามหาญิงแพศยาจนไปถึงไพรสณฑ์แห่งนั้น ได้เป็นพระผุ้มีพระภาคประทับนั่งอยู่ ณ ควงไมต้นหนึ่ง ครั้นแเห้ฯแล้วจึงเข้าไปเผ้าพระผุ้มีพระภาคประทับนั่งอยู่ ณ คววไม้ต้นหนึ่ง ครั้งเห้ฯแล้วจึงเข้าไปเฝ้าพระผุ้มีพระภาคถึงที่ประับ ครั้งถึงแล้วได้กราบทูลพระผุ้มีพระภาคดังนี้ว่า "พระองค์ทรงเห็นหยิงคนหนึ่งบ้างไหม พระพุทธเจ้าข้า"                      พระผู้มีพระภาคทรงย้อนถาว่า "กุมารทั้งหลาย พวกเธอมีควาต้องการหญิงไปทำไม"

                สหายภัททวัคคีย์กราบทูลว่า "ข้าแต่พรองค์ผุ้เจริญ พวกข้าพระองค์เป็นสหายภัททวัคคีย์มีประมาณ ๓๐ คนในตำบลนี้ พร้อมภรรยาบำเรอกันในไพรสณฑ์แห่งนี้ สหายคนหนึ่งไม่มีภรรยา พวกข้าพระองค์จึงได้นำหญิงแพศยามาเพื่อประโยชน์แก่เขา ต่อมา หญิงแพศยาได้ขโมยของหนีไป  ขณะพวกข้าพระองค์ เผอเรอมัวบำเรอกัน เพราะเหตุนั้น พงกข้าพะองค์เป็นสหายกัน เื่อจะช่วยเหลือเขา จึงเที่ยวตามหญิงแพศาจนมาถึงไพรสณฑ์แห่งนี้ พระพุทธเจ้าข้า" 

                พระผุ้มีพระภาคได้ตรัสว่า "กุมารทั้งหลาย พวกเธอจะสำคัญความข้อนั้นอย่างไรการที่พวกเธอจะแสดงหาหญิงหรือแสดงหาตน อย่างไหนจะประเสริฐกว่ากัน" 

                "การที่พวกข้าพระองคแสวงหาตนนี่แหละ ประเสริฐกว่ พระพุทธเจ้าข้า" 

                 "กุมารทั้งหลาย ถ้าอย่างนั้นพวกเธอจงนั่งลง เราจักแสดงธรรมแก่พวกเธอ" 

                  สหายภัททวัคคีย์เหล่านั้นทูลรับว่า "ดีละ พระพุทธเจ้าข้า" ถวายอภิวาทพระ(ุีพระภาคแล้วนั่ง ณ ที่สมควร

                  พระผุ้มีพระภาคได้ตรัสอนุปุพพิกถา คื อทรงประกาศ ๑. ทานกถา ๒. ศีลกถา ๓. สัคคกถา ๔. กามาทีนวกถา ๕. เนกขัมมานิสังสกถา แก่พวกเขา

                  เมื่อทรงราบว่าพวกเขามีจิตควร อ่อน ปราศจากนิวรณ์ เบิกบาน ผ่องใส จึงทรงประกาศสามุกกังสิกธรรเทศนาของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย คือ ทุกข์ สมุทัย นะโรธ มรรค ธรรมจักษธดันปราศจากธุลีปราศจากมลทิน ได้เกิดแก่พวกเขา ณ ที่นั่งนั้นว่า "สิ่งใดสิ้งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรมดา สิ่งนั้นทั้งปวงมีความดับไปเป็นธรมดา" เปรียบเหมือนผ้าขาวสะอาดควรรับน้ำย้อมได้เป้นอย่างดีพวกเขาได้เห็นธรรมแล้ว๑ บรรลุธรรมแล้ว รู้แจ้งธรรมแล้ว หยั่งลงสู่ธรรมแล้วข้ามความสงสัยแล้ว ปราศจากความแคลงใจ ถึงความเป้นผุ้แกล้วกล้า ไมต้องเชื่อผู้อื่นในคำสอนของพระศษสดา ได้กราบทุลพระผุ้มีพระภาคดังนี้ว่า "พระพุทธเจ้าข้าพวกข้าพระองค์พึงได้การบรรพชา พึงได้การอุปสมบทในสำนักของพระผู้มีพระภาค" 

                   พระผู้มีพระภาคตรัสว่ "พวกเธอจงมาเป็นภิกษุเถิด" แล้วตรัสต่อไปว่า "ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว พวกเธอจงมาเป็นภิษุเถิด" แล้วตรัสต่อไปว่า "ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว พวกเธอจงประพฤติพรหมจรรย์เพื่อทำที่สุดทุกขโดยชอบเถิด" พระวาจานั้น ได้เป้ฯการอุปสมบทของท่านเหล่านั้น 

                   ภัททวัคคิยวัตถุ จบ 

                    ภาณวารที่ ๒ จบ (พระวินัยปิฎก มหาวรรค [ ๑. มหาขันธกะ ] ๑๐.ภัททวัคคิยวัตถุ

                 เมื่อมีผู้มาขอบวชมากขึ้นพระพุทธองค์จึงได้ทรงเลิกวิธีอุปสมบทแบบนี้ และทรงเปลี่ยนวิธีให่เป็น ติสรณคมนูปสัมปทา และเป็น ญัตติจตุตถกรรมวาจา ซึ่งใช้มาจนปัจจุบัน....

ทรงแสดงธรรมจักรกัปวัตนสูตร


โปรภัทวัคคีย์


หมายเลขบันทึก: 640543เขียนเมื่อ 6 พฤศจิกายน 2017 09:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 พฤศจิกายน 2017 09:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท