***...บันทึกแห่งความทรงจำ ครั้งหนึ่งในชีวิต กับงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ตอนที่ 4 : ก้าวใหม่ ...แห่งความหวังที่แสนบีบคั้นหัวใจ...***


ดารามาทำงานจิตอาสา กันเยอะมาก และใช้สถานที่ของโรงแรมรัตนโกสินทร์เป็นที่วางอุปกรณ์ และเป็นจุดผ่านเพื่อขนย้ายผู้ป่วยไปส่งโรงพยาบาล ชื่นชมจริงๆ

เดินทอดน่องกลับสู่เส้นทางเดิมอย่างเหนื่อยล้า...พบเจอเพื่อนใหม่ 2 คน บนถนนสายเดียวกัน  จึงพูดคุยและชักชวนกันว่า  จะไปลัดเลาะบริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวงด้วยกัน  เผื่อจะมีโอกาสได้เข้าไปด้านใน  เพื่อนรุ่นน้องที่มาด้วยกันตั้งแต่แรกขอแยกตัวกลับที่พักในเวลาประมาณ  21.15  น.

ตัดสินใจโทรศัพท์หาเพื่อนคนหนึ่งที่เดินทางมาจากสงขลาฯ เขากล่าวว่านั่งอยู่ตรงบริเวณช้างสามเศียร  ซึ่งมีโอกาสจะได้เข้าไปกราบถวายอาลัยด้านใน    ความยินดีฉายแว่บเข้าครอบคลุมหัวใจ   ความหวังเริ่มก่อตัว...น่าจะติดตามเข้าไปด้วยได้กระมัง   เมื่อเกิดพลังใจขึ้นมา  พลังกายก็เริ่มกลับคืน  จึงมุ่งมั่นจะไปหาเพื่อนให้ได้  แต่เพื่อนใหม่ 2 คน เปลี่ยนใจจะไปหาเพื่อนที่เป็นอาสาสมัครอยู่ใกล้วัดปนัดดา ตนเองจึงดั้นด้นฝ่าฝูงชนอีกหลายพันคนที่ยังตกค้างรอถวายดอกไม้จันทน์  อยู่ตรงบริเวณพระเมรุมาศจำลองที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (เดิม)   อย่างยากลำบาก   โทรศัพท์ติดต่อเพื่อนอีก 2-3 ครั้ง แต่เสียงอึกทึก จับใจความได้ไม่ชัด  จึงยึดมั่นในคำสุดท้ายที่ให้ไปรอที่ลอบบี้ โรงแรมรัตนโกสินทร์   เดินไป-มาระหว่างทางไปสี่แยกคอกวัว  กับอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยถึง 2 รอบ  อย่างเดียวดาย  เพราะมีการปิดกั้นถนน    กว่าจะข้ามไปฝั่งตรงข้ามได้แทบจะหมดพลัง เวลาล่วงเลยไปถึง 22.10 น.                



ลัดเลาะถนน เพื่อหาทางไปยังโรงแรมรัตนโกสินทร์  อย่างยากลำบาก  เจอะเจอแถวของประชาชนที่ตั้งรอการเคลื่อนไปยังมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ที่คดเคี้ยวยาวกว่า 1 กิโลเมตร  เพื่อนโทรศัพท์มาบอกว่า  ทุกคนสงบนิ่งหมดแล้วรอพิธีการถวายพระเพลิง  หากในหลวงฯเสด็จกลับจึงจะเคลื่อนที่ได้   บอกเพื่อนว่า ไม่ต้องห่วง  ถ้าเข้าไปได้จริงก็ไปกับคณะฯเขาเถิด  แค่ตั้งใจจะพบหน้าเพื่อน ส่วนเรื่องที่จะได้เข้าไปด้านในนั้นเป็นเรื่องที่ต้องรอปาฏิหาริย์ 


ขอทางฝูงชนแทรกกายเข้ามายืนมองยอดพระเมรุมาศที่เห็นอยู่ลิบๆ ด้านหน้าอย่างสุขใจ ร่วมร้องเพลงความฝันอันสูงสุดกับประชาชนชาวไทย อย่างเต็มเสียงจนจบเพลง  มองเห็นจุดหมายปลายทางอยู่ด้านขวามือ แต่อาสาสมัครที่ดูแลความเป็นระเบียบ ยืนขวางอยู่กับแผงกั้นที่ตั้งกันไว้หลายระดับ  แม้จะเอ่ยปากขอเข้าไปด้านในโรงแรมฯ เขาก็ไม่อนุญาต  อ้างว่ามีคนมารอคิวหลายชั่วโมง เป็นแถวยาวเหยียด…สร้างความงุนงงว่าแถวไหน-ไปไหนกัน  เพราะมองไม่ออก                            
ยืนเบียดเสียดอยู่ท่ามกลางฝูงชนสัก 10 นาที  มีคนเดินเข้ามา 2 คน แล้วขอเข้าไปด้านในบ้าง เขาก็ไม่อนุญาตเหมือนเดิม  แต่สักครู่ถามว่า พักอยู่ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์หรือ ทั้ง 2 ตอบว่าใช่  เขาจึงหันมาถามตนเองบ้างว่าพักอยู่ที่โรงแรมนี่เหรอ   ตัดสินใจพยักหน้าบอกเบาๆว่านัดเพื่อนไว้ที่ลอบบี้   พอเดินผ่านที่กั้น 2 ชั้นไปถึงบันไดทางขึ้นด้านนอก เห็นคนนั่งตรงบันได 2 ขั้น   ส่วนขั้นที่  3-4 ไม่มีใครนั่ง  จึงหย่อนตัวนั่งลงขั้นที่ 3 เพื่อมองหาเพื่อนว่าอยู่ตรงไหน  ทันใดก็มีเสียงแผดก้องราวกับโกรธแค้นกันมาสัก 10 ชาติของสาวไทยวัยน่าจะ 50 ต้นๆ ที่นั่งอยู่บนบันไดขั้นที่ 2 ว่า                  
                     “ นั่งตรงนี้ไม่ได้นะ   ห้ามนั่ง ”                     
ตอบไปว่า   “ กำลังมองหาเพื่อนด้านตรงข้าม  นัดกันที่ลอบบี้ “                  
                     “ เข้าไปเลย  แล้วห้ามออกมานะ  ”                 
 … นี่หล่อนเป็นเจ้าชีวิตคนหรือไง  ทั้งน้ำเสียงและกิริยา ช่างหยาบคายนัก…                  
เปิดประตูเดินเข้าไปด้านใน   มองเห็นคนนั่งพื้นติดประตูกระจกจำนวน 2 แถว  ทั้งสองด้าน  เห็นที่ว่างอยู่ด้านหลัง จึงหย่อนกายลง  ทันใดก็มีเสียงของหนุ่มใหญ่ที่นั่งอยู่ด้านหน้าบอกด้วยเสียงเข้มว่า….
                      “ ห้ามนั่งตรงนี้นะ  นั่งไม่ได้นะ “          …เฮ้อ…เจ้าที่เขาแรงจริงๆ… 



เดินเข้าไปด้านใน  ทิ้งห่างจากแถวทั้ง 2  มาระยะหนึ่ง  มองซ้าย-ขวา เห็นมีคนนั่งอยู่ 2-3 คน  ท่าทางคงเป็นคนนอกเหมือนเรา  ตรงนี้คงนั่งได้สักที  หลังจากนั่งพักเท้าที่เปียกแฉะที่ใช้เดินไป-มา สัก 2 กิโลเมตร  ตั้งแต่เวลา 15.00 น. -22.30 น.  ได้ยินเสียงหญิงสาวข้างๆที่มากับลูกชายวัย 11 ขวบ กล่าวชักชวนลูกชายให้ไปถ่ายรูปกับดาราที่มาเป็นอาสาสมัครให้กับมูลนิธิร่วมกตัญญู แต่ลูกชายเธออิดออด ตนเองจึงมองตาม…โห..คนนี้เอง เชอรี่ เข็มอัปสร  ดาราที่ตนชื่นชอบ จึงอาสาพาไปเอง  งานนี้มีดารามาทำงานจิตอาสา กันเยอะมาก และใช้สถานที่ของโรงแรมรัตนโกสินทร์เป็นที่วางอุปกรณ์ และเป็นจุดผ่านเพื่อขนย้ายผู้ป่วยไปส่งโรงพยาบาล   ชื่นชมจริงๆ กับน้ำใจของเหล่าอาสาสมัครและความใจกว้างของเจ้าของโรงแรมรัตนโกสินทร์   

ณ ที่นี้  เป็นจุดเริ่มต้นที่ได้เพื่อนใหม่เพิ่มมาอีก 2 สาว   ชื่อพจน์ซึ่งมีลูกชายวัย 11 ขวบและหนุ่ย  พจน์บอกว่าเพิ่งรู้จักพี่หนุ่ยเหมือนกัน เพราะพักที่เดียวกัน   พี่หนุ่ยมาถึงเมื่อเช้านี้เองแต่โชคดีมาก เดินลัดเลาะไปเรื่อยๆ และได้เข้าไปชมริ้วขบวนด้านในด้วย …หัวใจพองโตขึ้นมาในบัดดล  ความหวังที่จะได้เข้าไปด้านในมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ก่อตัวขึ้นมาล้นอก  จึงบอกกับหนุ่ยว่า  พี่พรขอเกาะบุญของเธอเข้าไปคืนนี้หน่อยนะ   พี่พรเชื่อว่า…คืนนี้เราต้องได้เข้าไปแน่นอน        
         
      …ขอขอบคุณผู้เข้ามาเยี่ยมชมทุกท่านนะคะ…

หมายเลขบันทึก: 640417เขียนเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2017 22:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 พฤศจิกายน 2017 12:23 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท