เดินทอดน่องกลับสู่เส้นทางเดิมอย่างเหนื่อยล้า...พบเจอเพื่อนใหม่ 2 คน บนถนนสายเดียวกัน จึงพูดคุยและชักชวนกันว่า จะไปลัดเลาะบริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวงด้วยกัน เผื่อจะมีโอกาสได้เข้าไปด้านใน เพื่อนรุ่นน้องที่มาด้วยกันตั้งแต่แรกขอแยกตัวกลับที่พักในเวลาประมาณ 21.15 น.
ตัดสินใจโทรศัพท์หาเพื่อนคนหนึ่งที่เดินทางมาจากสงขลาฯ เขากล่าวว่านั่งอยู่ตรงบริเวณช้างสามเศียร ซึ่งมีโอกาสจะได้เข้าไปกราบถวายอาลัยด้านใน ความยินดีฉายแว่บเข้าครอบคลุมหัวใจ ความหวังเริ่มก่อตัว...น่าจะติดตามเข้าไปด้วยได้กระมัง เมื่อเกิดพลังใจขึ้นมา พลังกายก็เริ่มกลับคืน จึงมุ่งมั่นจะไปหาเพื่อนให้ได้ แต่เพื่อนใหม่ 2 คน เปลี่ยนใจจะไปหาเพื่อนที่เป็นอาสาสมัครอยู่ใกล้วัดปนัดดา ตนเองจึงดั้นด้นฝ่าฝูงชนอีกหลายพันคนที่ยังตกค้างรอถวายดอกไม้จันทน์ อยู่ตรงบริเวณพระเมรุมาศจำลองที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (เดิม) อย่างยากลำบาก โทรศัพท์ติดต่อเพื่อนอีก 2-3 ครั้ง แต่เสียงอึกทึก จับใจความได้ไม่ชัด จึงยึดมั่นในคำสุดท้ายที่ให้ไปรอที่ลอบบี้ โรงแรมรัตนโกสินทร์ เดินไป-มาระหว่างทางไปสี่แยกคอกวัว กับอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยถึง 2 รอบ อย่างเดียวดาย เพราะมีการปิดกั้นถนน กว่าจะข้ามไปฝั่งตรงข้ามได้แทบจะหมดพลัง เวลาล่วงเลยไปถึง 22.10 น.
ลัดเลาะถนน เพื่อหาทางไปยังโรงแรมรัตนโกสินทร์ อย่างยากลำบาก เจอะเจอแถวของประชาชนที่ตั้งรอการเคลื่อนไปยังมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ที่คดเคี้ยวยาวกว่า 1 กิโลเมตร เพื่อนโทรศัพท์มาบอกว่า ทุกคนสงบนิ่งหมดแล้วรอพิธีการถวายพระเพลิง หากในหลวงฯเสด็จกลับจึงจะเคลื่อนที่ได้ บอกเพื่อนว่า ไม่ต้องห่วง ถ้าเข้าไปได้จริงก็ไปกับคณะฯเขาเถิด แค่ตั้งใจจะพบหน้าเพื่อน ส่วนเรื่องที่จะได้เข้าไปด้านในนั้นเป็นเรื่องที่ต้องรอปาฏิหาริย์
ขอทางฝูงชนแทรกกายเข้ามายืนมองยอดพระเมรุมาศที่เห็นอยู่ลิบๆ ด้านหน้าอย่างสุขใจ ร่วมร้องเพลงความฝันอันสูงสุดกับประชาชนชาวไทย อย่างเต็มเสียงจนจบเพลง มองเห็นจุดหมายปลายทางอยู่ด้านขวามือ แต่อาสาสมัครที่ดูแลความเป็นระเบียบ ยืนขวางอยู่กับแผงกั้นที่ตั้งกันไว้หลายระดับ แม้จะเอ่ยปากขอเข้าไปด้านในโรงแรมฯ เขาก็ไม่อนุญาต อ้างว่ามีคนมารอคิวหลายชั่วโมง เป็นแถวยาวเหยียด…สร้างความงุนงงว่าแถวไหน-ไปไหนกัน เพราะมองไม่ออก
ยืนเบียดเสียดอยู่ท่ามกลางฝูงชนสัก 10 นาที มีคนเดินเข้ามา 2 คน แล้วขอเข้าไปด้านในบ้าง เขาก็ไม่อนุญาตเหมือนเดิม แต่สักครู่ถามว่า พักอยู่ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์หรือ ทั้ง 2 ตอบว่าใช่ เขาจึงหันมาถามตนเองบ้างว่าพักอยู่ที่โรงแรมนี่เหรอ ตัดสินใจพยักหน้าบอกเบาๆว่านัดเพื่อนไว้ที่ลอบบี้ พอเดินผ่านที่กั้น 2 ชั้นไปถึงบันไดทางขึ้นด้านนอก เห็นคนนั่งตรงบันได 2 ขั้น ส่วนขั้นที่ 3-4 ไม่มีใครนั่ง จึงหย่อนตัวนั่งลงขั้นที่ 3 เพื่อมองหาเพื่อนว่าอยู่ตรงไหน ทันใดก็มีเสียงแผดก้องราวกับโกรธแค้นกันมาสัก 10 ชาติของสาวไทยวัยน่าจะ 50 ต้นๆ ที่นั่งอยู่บนบันไดขั้นที่ 2 ว่า
“ นั่งตรงนี้ไม่ได้นะ ห้ามนั่ง ”
ตอบไปว่า “ กำลังมองหาเพื่อนด้านตรงข้าม นัดกันที่ลอบบี้ “
“ เข้าไปเลย แล้วห้ามออกมานะ ”
… นี่หล่อนเป็นเจ้าชีวิตคนหรือไง ทั้งน้ำเสียงและกิริยา ช่างหยาบคายนัก…
เปิดประตูเดินเข้าไปด้านใน มองเห็นคนนั่งพื้นติดประตูกระจกจำนวน 2 แถว ทั้งสองด้าน เห็นที่ว่างอยู่ด้านหลัง จึงหย่อนกายลง ทันใดก็มีเสียงของหนุ่มใหญ่ที่นั่งอยู่ด้านหน้าบอกด้วยเสียงเข้มว่า….
“ ห้ามนั่งตรงนี้นะ นั่งไม่ได้นะ “ …เฮ้อ…เจ้าที่เขาแรงจริงๆ…
เดินเข้าไปด้านใน ทิ้งห่างจากแถวทั้ง 2 มาระยะหนึ่ง มองซ้าย-ขวา เห็นมีคนนั่งอยู่ 2-3 คน ท่าทางคงเป็นคนนอกเหมือนเรา ตรงนี้คงนั่งได้สักที หลังจากนั่งพักเท้าที่เปียกแฉะที่ใช้เดินไป-มา สัก 2 กิโลเมตร ตั้งแต่เวลา 15.00 น. -22.30 น. ได้ยินเสียงหญิงสาวข้างๆที่มากับลูกชายวัย 11 ขวบ กล่าวชักชวนลูกชายให้ไปถ่ายรูปกับดาราที่มาเป็นอาสาสมัครให้กับมูลนิธิร่วมกตัญญู แต่ลูกชายเธออิดออด ตนเองจึงมองตาม…โห..คนนี้เอง เชอรี่ เข็มอัปสร ดาราที่ตนชื่นชอบ จึงอาสาพาไปเอง งานนี้มีดารามาทำงานจิตอาสา กันเยอะมาก และใช้สถานที่ของโรงแรมรัตนโกสินทร์เป็นที่วางอุปกรณ์ และเป็นจุดผ่านเพื่อขนย้ายผู้ป่วยไปส่งโรงพยาบาล ชื่นชมจริงๆ กับน้ำใจของเหล่าอาสาสมัครและความใจกว้างของเจ้าของโรงแรมรัตนโกสินทร์
ณ ที่นี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่ได้เพื่อนใหม่เพิ่มมาอีก 2 สาว ชื่อพจน์ซึ่งมีลูกชายวัย 11 ขวบและหนุ่ย พจน์บอกว่าเพิ่งรู้จักพี่หนุ่ยเหมือนกัน เพราะพักที่เดียวกัน พี่หนุ่ยมาถึงเมื่อเช้านี้เองแต่โชคดีมาก เดินลัดเลาะไปเรื่อยๆ และได้เข้าไปชมริ้วขบวนด้านในด้วย …หัวใจพองโตขึ้นมาในบัดดล ความหวังที่จะได้เข้าไปด้านในมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ก่อตัวขึ้นมาล้นอก จึงบอกกับหนุ่ยว่า พี่พรขอเกาะบุญของเธอเข้าไปคืนนี้หน่อยนะ พี่พรเชื่อว่า…คืนนี้เราต้องได้เข้าไปแน่นอน
…ขอขอบคุณผู้เข้ามาเยี่ยมชมทุกท่านนะคะ…
ไม่มีความเห็น