ความน่าเป็นห่วงของสังคมไทย

ตัวชี้วัดหนึ่งที่ดูแล้วน่าเป็นห่วงในสภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองของสังคมไทย 

คือ จำนวนผู้ว่างงานที่สูงขึ้นอย่างน่าใจหายกล่าวได้ว่า ผู้ว่างงานมีจำนวนมาก และมีการสะสมมากขึ้นเรื่อยๆในแต่ละปี

จากประสบการณ์ที่ทำงานเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล (HR) พบว่า ในการรับสมัครตำแหน่งลูกจ้าง พนักงานราชการหรือพนักงานจ้างตามภารกิจของหน่วยงานราชการต่างๆ ผู้มาสมัครงานส่วนใหญ่มีวุฒิปริญญาตรี ทั้งๆที่คุณวุฒิให้สมัครนั้น รับวุฒิ ปวช./ปวส./ปวท. และจะได้รับเงินเดือนในระดับนี้เท่านั้น ผู้สมัครเหล่านี้ยินยอมที่จะได้รับเงินเดือนในระดับนี้ ขอเพียงให้มีงานทำ

ตัวอย่าง รับสมัครตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าพนักงานธุรการ คุณวุฒิ ปวช.เงินเดือน 9,400 บาท

ผู้ที่มาสมัคร พบว่ามีหลา่กหลายสาขาที่มาสมัคร เช่น วิศวกรรมเคมี เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ การจัดการอุตสาหกรรม รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ ชีวะวิทยา ครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ พลศึกษา การจัดการท่องเที่ยว การโรงแรม พืชศาสตร์ การตลาด บริหารธุรกิจ เป็นต้น

คำถามที่เกิดขึ้น คือ  

- หลายสาขาอาชีพที่แต่ละมหาลัยเปิดหลักสูตรสอน มันตอบโจทย์สังคม ตอบโจทย์โลก มีที่รองรับหรือไม่? 

- สาเหตุของการว่างงานที่มันเพิ่มขึ้นๆ มันมาจากอะไร?  

- เราจะจัดการกับการว่างงานในประเทศไทยอย่างไร? 

- จะทำอย่างไรกับนักศึกษาที่กำลังจะจบใหม่ที่มีจำนวนมาก?  

- เราจะบอกเด็กที่จะเรียนต่อ จะเข้ามหาลัย ให้เขาวางแผนชีวิตอย่างไร?

นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่ง ทุกท่านคงได้เห็นภาพปรากฎการณ์ดิ้นรนขนานใหญ่ของสังคมไทยแล้ว 

กับการสอบท้องถิ่น ในวันที่ 24 กันยายน 2560 ที่ผ่านมา ทีมียอดผู้สมัครเกือบ 7 แสนราย สอบกันยกประเทศบานตะไทกันเลยทีเดียวเชียว

ฝากถึงหลานๆนะจ๊ะ ชีวิตในปัจจุบันมันไม่ง่ายสบายๆแล้วหนูเอ๋ย 

อย่าอยู่สโลว์ไลฟ์แดกสตาร์บัคอัปเฟสโชว์เพื่อนบายๆไปวันๆนะจ๊ะ อนาคตมันไม่แน่ไม่นอนนะลูกจ้าลูก

25/09/2560

[ยายธี]

คงจะ..ต้องถามผู้ออกแบบ..(นัก การเมืองประเทศ ไทย....เพราะ อะไร..จึงเป็นแบบนี้.)...ตาบอดคลำช้าง..อิอิ

[ดร. จันทวรรณ ปิยะวัฒน์]

ย่ำแย่แล้วค่ะ