35. คุรุที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือตัวตนภายในของเธอ
ถาม ผมได้ยินมาจากทุกฝ่ายว่าอิสรภาพจากความต้องการและความลำเอียง คือเงื่อนไขแรกของการบรรลุธรรม
แต่ผมพบว่าเงื่อนไขนั้นไม่สามารถเติมเต็มได้
ความไม่รู้ตัวตนแท้จริงทำให้เกิดความต้องการ และความต้องการทำให้ระยะเวลาของความไม่รู้ยาวนานออกไปอีก
ช่างเป็นวัฎจักรที่โหดร้ายอะไรเช่นนี้
ตอบ มันไม่มีเงื่อนไขให้เติมเต็มหรอก
ไม่มีอะไรต้องทำ ไม่มีอะไรต้องลด ละ เลิก
แค่มองและจดจำ สิ่งใดก็ตามที่ถูกรู้ ไม่ใช่เธอ และไม่ใช่ของเธอ
มันมีอยู่ตรงนั้น ในพื้นที่กว้างใหญ่ของความรู้ตัว แต่เธอไม่ใช่ทั้งพื้นที่กว้างใหญ่นั้น และไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่ในนั้น และไม่ใช่แม้ผู้ที่รู้ว่ามีพื้นที่นั้น
มันเป็นแค่ความคิดของเธอว่าเธอต้องทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ ทำให้เธอเข้าไปพัวพันอยู่กับผลของความพยายามของเธอ – เหตุจูงใจ ความต้องการ การประสบความล้มเหลว ความรู้สึกผิดหวัง – ทั้งหมดนี้ฉุดรั้งเธอไว้
แค่มองดูทุกสิ่งที่เกิดขึ้น และรู้ว่าเธออยู่เหนือสิ่งเหล่านั้น
ถาม หมายความว่าผมควรต้องละเว้นจากการกระทำใดๆ อย่างนั้นหรือ?
ตอบ เธอละเว้นการกระทำไม่ได้ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
ถ้าเธอหยุดการกระทำในทันทีทันใด เธอจะพังแน่
ถาม การบรรลุธรรมคือการที่สิ่งถูกรู้และผู้รู้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวหรือเปล่าครับ?
ตอบ ทั้งสิ่งถูกรู้และผู้รู้ต่างก็เป็นแค่ความคิดในใจ และถ้อยคำที่แสดงถึงมัน
ไม่มีตัวตนอยู่ทั้งในสิ่งถูกรู้และผู้รู้
ตัวตนที่แท้ไม่ใช่ทั้งสิ่งถูกรู้และผู้รู้ ไม่ได้อยู่ระหว่างสิ่งถูกรู้และผู้รู้ ไม่ได้อยู่เหนือสิ่งถูกรู้และผู้รู้
การมองหาตัวตนที่แท้ในระดับของใจเป็นสิ่งเปล่าประโยชน์
จงหยุดการแสวงหา แล้วมอง – มันอยู่ที่นี่ และเดี๋ยวนี้ – มันคือสภาวะ “ฉันเป็น” ที่เธอรู้จักเป็นอย่างดี
ทั้งหมดที่ต้องทำคือหยุดนำตัวของเธอเข้าไปอยู่ภายในพื้นที่ของความรู้ตัว
ยกเว้นว่าเธอได้พิจารณาเรื่องเหล่านี้อย่างระมัดระวัง การได้มาฟังฉันแค่ครั้งเดียวนั้นไม่พอ
จงลืมประสบการณ์และความสำเร็จของเธอในอดีต ยืนอยู่อย่างเปลือยเปล่า เปิดรับพายุและลมฝนของชีวิต แล้วเธอจะมีโอกาสบรรลุธรรม
ถาม การอุทิศตน (bhakti) เป็นสิ่งสำคัญในคำสอนของท่านหรือเปล่า?
ตอบ เวลาเธอป่วย เธอไปหาหมอที่จะบอกว่าเธอเป็นอะไร และวิธีการรักษาคืออะไร
ถ้าเธอมั่นใจในหมอ ทุกอย่างจะง่ายมาก เธอกินยา ทำตามคำสั่งว่าอะไรกินได้ อะไรแสลง แล้วเธอหายจากโรค
แต่ถ้าเธอไม่ไว้ใจหมอ เธอก็จะยังคงลองเสี่ยงดู หรือมิฉะนั้นเธอก็ไปเรียนแพทย์เสียเอง
ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด ความต้องการหายจากโรคคือสิ่งผลักดันเธอ ไม่ใช่หมอ
ถ้าไม่มีความไว้วางใจ ก็จะไม่มีความสงบ
มีบางคนที่เธอไว้วางใจเสมอ – อาจเป็นแม่ของเธอ หรือภรรยาของเธอ
ในบรรดาผู้คนทั้งหลายนี้ ผู้ที่รู้จักตัวตนแท้จริง ผู้ที่เป็นอิสระแล้ว คือผู้ที่ควรค่าแก่ความไว้วางใจมากที่สุด
แต่แค่ไว้วางใจยังไม่พอ เธอต้องมีความต้องการด้วย
ถ้าไม่มีความต้องการอิสรภาพ ความมั่นใจว่าเธอสามารถได้รับอิสรภาพก็จะไม่มีประโยชน์อะไร
ความต้องการและความมั่นใจต้องไปด้วยกัน
ยิ่งเธอมีความต้องการมาก เธอก็จะได้รับความช่วยเหลือง่ายขึ้น
แม้คุรุที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ก็ช่วยไม่ได้ ถ้าศิษย์ไม่กระหายที่จะเรียนรู้
ความกระหายและความมุ่งมั่น เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
ความมั่นใจจะมาพร้อมกับประสบการณ์
จงอุทิศตนแก่เป้าหมายของเธอ – แล้วความอุทิศตนต่อผู้ที่สามารถนำพาเธอก็จะตามมา
ถ้าความต้องการและความมั่นใจของเธอเข้มแข็ง มันจะทำงาน และนำเธอไปถึงเป้าหมาย เพราะเธอจะไม่ทำให้เกิดความล่าช้าโดยความลังเลและความประนีประนอม
คุรุที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือตัวตนภายในของเธอ
นี่คือความจริง ท่านคือครูสูงสุด
มีเพียงท่านเท่านั้นที่สามารถพาเธอไปถึงเป้าหมาย และมีเพียงท่านเท่านั้นที่จะพบเธอที่สุดปลายทาง
จงมอบความไว้วางใจให้ท่าน และเธอจะไม่ต้องการคุรุภายนอกอื่นใด
แต่เธอต้องมีความต้องการที่เข้มแข็งที่จะค้นหาท่าน และไม่ทำสิ่งใดที่จะทำให้เกิดอุปสรรคและความล่าช้า
และอย่าเสียพลังงานและเวลาไปกับความเสียใจ
จงเรียนรู้จากความผิดพลาดของเธอและอย่าให้มันเกิดซ้ำอีก
ถาม ผมจะขอถามคำถามส่วนตัวได้ไหมครับ?
ตอบ ได้สิ เชิญเลย
ถาม ผมเห็นท่านนั่งบนที่ปูลาดด้วยหนังละมั่ง
อย่างนี้จะไม่ค้านกับแนวคิดไม่ใช้ความรุนแรงหรือครับ?
ตอบ ตลอดชีวิตการงานที่ผ่านมา ฉันเป็นคนทำบุหรี่ ช่วยให้คนทำลายสุขภาพตัวเอง
และหน้าประตูบ้านของฉัน เทศบาลสร้างส้วมสาธารณะ ทำลายสุขภาพของฉัน
ในโลกที่เต็มไปด้วยความรุนแรงนี้ เราจะหลีกเลี่ยงความรุนแรงต่อผู้อื่นได้อย่างไร?
ถาม แน่นอนว่าเราควรหลีกเลี่ยงความรุนแรงที่พอจะหลีกเลี่ยงได้
แต่ในอินเดีย ยังมีผู้เป็นที่เคารพทางจิตวิญญาณ ซึ่งมีหนังเสือ หนังสิงโต และหนังละมั่ง ไว้ปูนั่ง
ตอบ อาจเป็นเพราะในสมัยโบราณไม่มีแผ่นพลาสติกไว้ปูนั่ง และหนังสัตว์นั้นดีที่สุดที่จะช่วยป้องกันความอับชื้น
โรครูมาติสซึมเป็นสิ่งไม่น่าพิสมัย แม้สำหรับนักบุญ
ดังนั้น การปูที่นั่งด้วยหนังสัตว์จึงเป็นธรรมเนียมที่เกิดจากความจำเป็นต้องนั่งสมาธิเป็นเวลานานๆ
เหมือนกับหนังสัตว์ที่นำมาขึงทำกลองที่ใช้ตีในวัด หนังละมั่งที่ใช้ปูนั่งจึงเป็นสิ่งที่ใช้กันสำหรับโยคี
พวกเราแทบไม่ได้สังเกตถึงเรื่องนี้
ถาม แต่สัตว์ต้องถูกฆ่า
ตอบ ฉันไม่เคยได้ยินว่าโยคีฆ่าเสือเพื่อเอาหนังมาใช้
ผู้ฆ่าไม่ใช่โยคี และโยคีไม่ใช่ผู้ฆ่า
ถาม ท่านน่าจะแสดงความไม่เห็นด้วยโดยการปฏิเสธที่จะนั่งบนหนังสัตว์ มิใช่หรือ?
ตอบ ช่างคิดได้นะ
ฉันปฏิเสธการมีอยู่ของจักรวาลทั้งมวล ทำไมจึงมาเน้นแค่หนังสัตว์เล่า
ถาม แล้วจักรวาลมีอะไรไม่ถูกต้องตรงไหนหรือ?
ตอบ การลืมตัวตนที่แท้ของ้ธอคือบาดแผลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มหันตภัยทั้งหมดหลั่งไหลออกมาจากตรงนี้
จงดูแลสิ่งสำคัญที่สุด แล้วสิ่งสำคัญรองลงมาจะดูแลตัวมันเอง
เธอไม่จำเป็นต้องจัดระเบียบให้กับห้องมืด
เพียงแค่เปิดหน้าต่างก่อนเป็นสิ่งแรก
ปล่อยให้แสงสว่างช่วยทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น
ดังนั้น เราจงเลื่อนการปรับปรุงคนอื่นออกไปก่อน จนกว่าเราได้เห็นตัวเราอย่างที่เราเป็น – และเปลี่ยนแปลง
ไม่จำเป็นต้องวนเวียนอยู่กับคำถามที่ไม่รู้จบ จงค้นหาตัวเอง แล้วทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางของมันเอง
ถาม การกระตุ้นให้กลับไปหาแหล่งตั้งต้นเป็นสิ่งหายากมาก
มันเป็นเรื่องธรรมชาติหรือเปล่า?
ตอบ การออกไปภายนอกเป็นสิ่งธรรมชาติในตอนแรก ภารกลับเข้าภายใน – เป็นสิ่งธรรมชาติในตอนจบ
แต่ในความเป็นจริง ทั้งสองอย่างเป็นหนึ่งเดียว เหมือนกับการเป็นหนึ่งเดียวของลมหายใจเข้าและออก
ถาม ร่างกายและผู้ที่อยู่อาศัยอยู่ในร่างกายเป็นหนึ่งเดียวกันหรือเปล่า?
ตอบ เหตุการณ์ในที่ว่างและเวลา – การเกิดและการตาย เหตุและผล – เหล่านี้อาจเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งเดียว แต่ร่างกายและตัวตนที่แท้ มีความเป็นจริงที่ต่างระดับกัน
ร่างกายมีอยู่ในเวลาและที่ว่าง เป็นของชั่วคราวและมีขีดจำกัด แต่ผู้ที่อาศัยอยู่ในร่างกายนั้นไร้กาลเวลา ไร้พื้นที่ เป็นนิรันดร์และแทรกอยู่ในทุกสิ่ง
การบอกว่าสองอย่างนี้เป็นสิ่งเดียวกัน เป็นความผิดพลาดใหญ่หลวง และเป็นสาเหตุของความทุกข์ไม่สิ้นสุด
เธออาจพูดว่า ใจและกาย เป็นหนึ่งเดียวกัน แต่กาย-ใจไม่ใช่ความเป็นจริงที่รองรับมัน
ถาม ไม่ว่าผู้อยู่อาศัยในร่างกายจะเป็นใคร เขาคือผู้ควบคุมร่างกาย ดังนั้นเขาควรต้องรับผิดชอบต่อร่างกาย
ตอบ มันมีพลังสากลที่ควบคุมและรับผิดชอบอยู่แล้ว
ถาม ถ้าอย่างนั้น ผมสามารถทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ แล้วโยนให้เป็นความผิดของพลังสากลได้ใช่ไหม? ง่ายจัง
ตอบ ใช่ ง่ายมาก
แค่เข้าถึงผู้ขับเคลื่อนที่อยู่เบื้องหลังสิ่งเคลื่อนทั้งปวง แล้วปล่อยทุกอย่างให้เป็นเรื่องของท่าน
ถ้าเธอไม่ลังเลหรือโกง นี่คือทางลัดสั้นที่สุดที่จะเข้าถึงความจริงแท้
จงยืนหยัดโดยไร้ความต้องการและความกลัว ปลดปล่อยการควบคุมทั้งหมดและความรับผิดชอบทั้งหมด
ถาม เป็นความบ้าคลั่งอะไรอย่างนั้น
ตอบ ใช่ ความบ้าคลั่งของพระเจ้า
มีอะไรผิดในการปล่อยวางมายาของการควบคุม และการรับผิดชอบจากอัตตาตัวตนอย่างนั้นหรือ?
ทั้งสองอย่างนี้เกิดขึ้นในใจเท่านั้น
แน่ละ ตราบใดที่เธอจินตนาการว่าตัวเธอควบคุมทุกอย่าง เธอควรจะจินตนาการด้วยว่าตัวเธอต้องรับผิดชอบทุกอย่างด้วย
เพราะสิ่งหนึ่งหมายรวมถึงอีกสิ่งหนึ่ง
ถาม สิ่งซึ่งเป็นสากลจะรับผิดชอบต่อสิ่งซึ่งจำเพาะเจาะจงได้อย่างไร?
ตอบ ทุกชีวิตบนโลกขึ้นอยู่กับดวงอาทิตย์
แต่เธอไม่สามารถกล่าวโทษดวงอาทิตย์ต่อทุกสิ่งที่เกิดขึ้น แม้ว่ามันคือสาเหตุสูงสุด
แสงเป็นสาเหตุของสีของดอกไม้ แต่มันไม่ได้ควบคุม หรือรับผืดชอบต่อสีของดอกไม้โดยตรง
มันแค่ทำให้สีของดอกไม้เป็นไปได้ เท่านั้นเอง
ถาม สื่งที่ผมไม่ชอบในเรื่องทั้งหมดนี้คือการเข้าไปหลบภัยในพลังสากล
ตอบ เธอไม่สามารถเถียงข้อเท็จจริงได้
ถาม ข้อเท็จจริงของใคร? ของผม หรือของท่าน?
ตอบ ของเธอน่ะสิ เธอไม่สามารถปฏิเสธข้อเท็จจริงของฉัน เพราะเธอไม่รู้จักมัน
ถึงแม้เธอจะสามารถรู้จักมันได้ เธอก็จะไม่ปฏิเสธมันอยู่อี
ปัญหาอยู่ตรงนี้
เธอคิดว่าจินตนาการของเธอเป็นข้อเท็จจริง และข้อเท็จจริงของฉันเป็นจินตนาการ
ฉันรู้แน่ชัดว่าทุกสิ่งเป็นหนึ่งเดียว
ความแตกต่างไม่สามารถแบ่งแยก
เธอต้องไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย หรือไม่ก็ต้องรับผิดชอบทุกสิ่ง
การจินตนาการว่าเธอควบคุม และรับผิดชอบต่อร่างกายเพียงร่างเดียว เป็นความผิดปกติของกาย-ใจ
ถาม แต่ถึงยังไงท่านก็ถูกจำกัดด้วยร่างกายของท่าน
ตอบ ก็เพียงแค่เฉพาะเรื่องราวที่เกี่ยวกับร่างกายเท่านั้น ซึ่งฉันไม่ได้รังเกียจอะไร
มันเหมือนเธอต้องอดทนต่อฤดูกาลของปี
มันมา มันไป – มันแทบไม่ส่งผลอะไรต่อฉัน
ในทำนองเดียวกัน กาย-ใจ มาแล้วก็ไป – ชีวิตแสวงหาการแสดงตัวอันใหม่ อย่างไม่สิ้นสุด
ถาม ตราบใดที่ท่านไม่นำความชั่วร้ายให้เป็นภาระของพระเจ้าผมก็พอใจแล้ว
เท่าที่ผมรู้ พระเจ้าอาจมีอยู่ แต่สำหรับผม พระเจ้าเป็นแค่แนวคิดที่ฉายออกมาจากใจของคน
พระเจ้าอาจเป็นจริงสำหรับท่าน แต่สำหรับผม สังคมเป็นจริงมากกว่าพระเจ้า เพราะผมเป็นสิ่งที่สังคมสร้างขึ้นและเป็นนักโทษของมัน
ค่านิยมของท่านคือปัญญาและความกรุณา ความเห็นแก่ตัวที่ชาญฉลาดของสังคม
ผมอยู่ในโลกที่แตกต่างจากท่าน
ตอบ ไม่มีอะไรบังคับคุณนี่
ถาม ไม่มีอะไรบังคับท่าน แต่ผมถูกบีบบังคับ
โลกของผมเป็นโลกแห่งความชั่วร้าย เต็มไปด้วยน้ำตา ความดิ้นรน และความเจ็บปวด
การพยายามอธิบายให้มันพ้นๆไปโดยใช้คำพูดฉลาดๆ โดยการพูดถึงทฤษฎีวิวัฒนาการ และกรรม เป็นแค่การเติมการสบประมาทลงบนบาดแผล
พระเจ้าแห่งโลกที่ชั่วร้าย เป็นพระเจ้าที่โหดร้าย
ตอบ เธอคือพระเจ้าของโลกของเธอ และเธอทั้งโง่เขลาและโหดร้าย
จงปล่อยให้พระเจ้าเป็นแค่แนวคิด – การสร้างสรรค์ของเธอ
ค้นหาว่าเธอคือใคร เธอมีชีวิตขึ้นมาได้อย่างไร ทำไมเธอจึงโหยหาความจริงแท้ ความดี และความงามในโลกที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย
เธอมาถกเถียงเรื่องมีหรือไม่มีพระเจ้า จะเกิดประโยชน์อะไร เมื่อเธอไม่รู้เลยว่าพระเจ้าคือใคร และเธอกำลังพูดถึงอะไร
พระเจ้าที่เกิดจากความกลัวและความหวัง ขึ้นรูปโดยความต้องการและจินตนาการ ย่อมไม่ใช่พลัง ไม่ใช่ใจ และไม่ใช่หัวใจของจักรวาล
ถาม ผมเห็นด้วยว่าโลกที่ผมอาศัยอยู่และพระเจ้าที่ผมเคารพนับถือล้วนเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นจากจินตนาการ
แต่ทั้งสองอย่างนี้ถูกสร้างขึ้นจากความต้องการได้อย่างไร?
ทำไมผมต้องจินตนาการโลกที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและพระเจ้าที่เฉยเมยเช่นนั้น?
ผมเป็นอะไร ทำไมผมจึงทรมานตัวเองอย่างโหดร้ายขนาดนั้น?
ท่านผู้บรรลุธรรมผ่านมาและบอกผมว่า “มันเป็นแค่ความฝัน เธอต้องตื่นขึ้นเสียที” แต่ท่านเองก็เป็นส่วนหนึ่งของความฝันของผมด้วยไม่ใช่หรือ?
ผมรู้สึกว่าตัวเองติดกับและไม่เห็นทางออก
ท่านบอกว่าท่านเป็นอิสระ
ท่านเป็นอิสระจากอะไร?
ได้โปรด อย่าป้อนคำพูดต่างๆให้ผม ช่วยทำให้ผมบรรลุ ช่วยให้ผมตื่นขึ้น เพราะท่านเท่านั้นที่เห็นว่าผมกำลังพลิกตัวกลับไปกลับมาอยู่ในความหลับไหล
ตอบ เมื่อฉันพูดว่าฉันเป็นอิสระ ฉันแค่พูดความจริง
ถ้าเธอเป็นผู้ใหญ่ เธอก็อิสระจากความเป็นเด็ก
ฉันเป็นอิสระจากการบรรยายทั้งปวง และการบ่งบอกทั้งปวง
สิ่งต่างๆที่เธอได้ยิน มองเห็น หรือคิดเกี่ยวกับมัน ฉันไม่ใช่สิ่งเหล่านั้น
ฉันเป็นอิสระจากความเป็นสิ่งที่แลเห็นหรือสิ่งที่คิดขึ้น
ถาม แต่ท่านก็มีร่างกาย และท่านขึ้นอยู่กับมัน
ตอบ เธอคิดเอาเองว่าความเห็นของเธอเท่านั้นที่ถูกต้อง
ฉันขอพูดซ้ำอีกครั้ง – ฉันไม่ใช่ ฉันไม่เคยใช่ และฉันจะไม่ใช่ร่างกาย
สำหรับฉัน นี่คือข้อเท็จจริง
ฉันเองก็เคยอยู่ภายใต้มายาว่ามีตัวฉันเกิดมา แต่คุรุของฉันทำให้ฉันเห็นว่าความเกิดและความตายเป็นเพียงแค่ความคิด – ความเกิดเป็นเพียงแค่ความคิดว่า “ฉันมีร่างกาย”
และความตาย เป็นแค่ความคิดว่า “ฉันสูญเสียร่างกายของฉัน”
ขณะนี้ เมื่อฉันรู้ว่าฉันไม่ใช่ร่างกาย ดังนั้นร่างกายอาจจะอยู่หรืออาจจะไม่อยู่ที่นั่น – มันจะต่างกันอย่างไร?
กายใจเป็นเหมือนห้อง
มันอยู่ที่นั่น แต่ฉันไม่จำเป็นต้องอาศัยอยู่ในนั้นตลอดเวลา
ถาม แต่มันก็มีร่างกาย และท่านก็ดูแลมัน
ตอบ พลังที่สร้างร่างกายต่างหากที่ดูแลมัน
ถาม เรากระโดดจากระดับหนึ่งไปอีกระดับหนึ่งตลอดเวลา
ตอบ มีแค่สองระดับให้พิจารณา – ข้อเท็จจริงซึ่งเป็นระดับทางกายภาพ – และแนวคิดซึ่งเป็นระดับทางใจ
ฉันอยู่เหนือทั้งสองระดับ
ไม่ว่าข้อเท็จจริงหรือแนวคิดของเธอ ล้วนไม่ใช่ของฉัน
สิ่งที่ฉันเห็นอยู่เหนือจากนั้น
ข้ามมาอยู่ด้านเดียวกับฉัน แล้วมองเห็นมันด้วยกัน
ถาม สิ่งที่ผมอยากพูดมันไม่ซับซ้อนเลย
ตราบใดที่ผมเชื่อว่า “ฉันเป็นร่างกาย” ผมต้องไม่พูดว่า “พระเจ้าจะดูแลร่างกายของฉัน”
พระเจ้าจะไม่ดูแลมัน พระองค์จะปล่อยให้มันอดหยาก ป่วย และตาย
ตอบ เธอจะคาดหวังอะไรอื่นจากร่างกายล่ะ?
ทำไมเธอจึงห่วงใยมันนัก?
เพราะเธอคิดว่าเธอคือร่างกาย เธอต้องการให้ไม่มีอะไรทำลายมันได้
เธอสามารถยืดอายุของมันไปได้มากโดยการฝึกปฏิบัติที่เหมาะสม แต่เพื่อประโยชน์สูงสุดอันใด?
ถาม การมีชีวิตยืนยาวและสุขภาพดีเป็นสิ่งที่ดี
มันทำให้เรามีโอกาสหลีกเลี่ยงความผิดพลาดของวัยเด็กและวัยรุ่น ความเครียดของวัยผู้ใหญ่ ความทุกข์ทรมานและความโง่ของวัยชรา
ตอบ ถ้าอย่างนั้นเธอก็มีชีวิตยืนยาวไปเถอะ
แต่เธอไม่ใช่ผู้ควบคุม
เธอจะกำหนดวันเกิดและวันตายของตัวเองได้ไหม?
เราไม่ได้พูดภาษาเดียวกัน
ภาษาของเธอเป็นการพูดให้เชื่อ ท้งหมดโยงอยู่กับการคาดคะเนและสมมติฐาน
เธอพูดอย่างมั่นใจถึงสิ่งซึ่งเธอไม่มีความมั่นใจในมัน
ถาม เพราะอย่างนั้น ผมจึงอยู่ที่นี่
ตอบ เธอไม่ได้อยู่ที่นี่ ฉันอยู่ที่นี่
เข้ามาสิ แต่เธอไม่เข้ามา
เธอต้องการให้ฉันมีชีวิตเหมือนเธอ รู้สึกแบบเดียวกับเธอ ใช้ภาษาของเธอ
ฉันทำไม่ได้ และนั่นไม่ช่วยอะไรเธอ
เธอต้องมาหาฉัน
ถ้อยคำเป็นเรื่องของใจ และใจมืดมัวและบิดเบี้ยว
ดังนั้นสิ่งสูงสุดจึงต้องอยู่เหนือถ้อยคำและข้ามมาอยู่ข้างเดียวกับฉัน
ถาม กรุณานำผมข้ามไปด้วย
ตอบ ฉันกำลังทำอย่างนั้น แต่เธอต่อต้าน
เธอทำให้ความคิดเห็นเป็นจริง ในขณะที่ความคิดเห็นคือความบิดเบี้ยวของความเป็นจริง
จงละทิ้งการสร้างความคิดเห็นทั้งหมด และอยู่กับความเงียบ และเอาใจใส่
จงจริงจังกับมัน แล้วทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดีสำหรับเธอ
ศรี นิสาร์กะทัตตะ มหาราช
“I AM THAT”
ไม่มีความเห็น