เข้าร่วมโครงการมาเกือบสองปี ประชุมส่วนกลางไปสี่ครั้ง รวมอบรมพัฒนาศักยภาพจากหลักสูตร Transformative coaching โดย นพ.วิธาน ฐานะวุฒฑ์ และ นพ.สกล สิงหะ ที่ระลึกรู้ตัวเมื่อไหร่ ใช้เมื่อนั้น ก็สุขเมื่อนั้น
ลืมตัวลืมใช้ก็จะทุกข์เล็ก ๆ แทรกพอรำคาญ สัดส่วนสุขน้อย ๆ ต่อเนื่องนานดีกว่า เหมือนเพลงลูกทุ่งของพี่เป้านะคะ รักน้อย ๆ แต่รักนาน ๆ (ถ้าไม่รู้จักพี่เป้า แปลว่าเป็นคนรุ่นใหม่แล้วค่ะ อิ อิ)
ล็อกวันเรียบร้อย เตรียมตัวจัดการงานอื่นให้แล้วสบายใจ เตรียมจัดสรรเวลาอย่างดีเพื่องานนี้ ไม่เพียงแค่เพื่อนอีก ๑๑ อำเภอที่เราจะเห็นความก้าวหน้า และให้เราเลือกวิธีการทำงานมาปรับใช้ปิดจุดอ่อนและเข้ากับบริบทเรา
เป็นทีมกลางเองด้วยที่ดึงดูดแต่แรกให้เราตอบรับเข้าร่วมโครงการนี้ ไม่ชอบพวก working hard ติดตามแต่ KPI เป็นใหญ่ในมิติเดียวของชีวิต
ชอบพี่ ๆ น้อง ๆ ที่ยังมองโลกสวยมีชีวิตชีวา โลกนี้มีหลายมิติให้เรามองอย่างสมดุล working smart ชีวิตสมดุล ... งานพอจะได้ผล คนเป็นสุขเรื่อย ๆ และนาน ๆ ดีกว่านะคะ
^_,^
^_,^
เช้าวันแรกที่มีทั้งพี่เพื่อนน้องเก่า และน้องใหม่ ๆ เข้าร่วมประชุม คุณหมอฝน นาบอน สร้างบรรยากาศอบอุ่นได้ดีมาก
แต่อาจจะให้เวลาทำความรู้จักกันน้อยไปนิด สำหรับบางคนที่ไม่ค่อยได้เข้าวง KM ที่ให้ความสำคัญการเติบโตข้างในของตัวเราไปด้วย หรือยังไม่มีทักษะพอที่จะปล่อยวาง ยังไม่สามารถจัดการอารมณ์ (เหมือน อ.วิธานพาทำ) การวางความรู้สึกที่คิดว่าตัวเองแบกงานหนักตลอดเวลาก่อนเข้าห้องประชุมนี้
เขียนมาเพื่อเสนอกิจกรรมแนว ๆ เติบโตข้างในอีกก็ได้นะคะ ชอบ ๆ ไม่ต้องไปวัดจริงจัง อิ อิ
ส่วนตัวเองแท้ ๆ ไม่มีปัญหา เคารพเวลาของทุกคน เห็นความสำคัญของเวลาสาธารณะที่เราจะใช้ร่วมกันอย่างมีคุณค่า เห็นทุกคนสำคัญ พร้อมจะเข้าหาและหาวิธีขุดเจออยู่แล้ว หากว่าสนใจเรื่องนั้น ๆ
เช่น ในเวลาจำกัด รู้ศักยภาพน้องมีนผ่านการทำงานในทีมเข้มแข็งของพี่บุศย์ ในกลุ่ม “complex” เอง (คุณหมอกล้วยตั้งชื่อกลุ่ม) ร่วมพูด ร่วมเสนอ คิดออกมาเป็นคำพูด จัดข้อความเป็นกลุ่ม ๆ เรียงต่อ ๆ กัน แล้ว
เย้ ๆ ๆ ... หา competency น้องมีนเจอ เชื่อว่าสามารถทำความเชื่อมโยงออกมาเป็นแผนภาพชัดเจนได้
ตามนั้น ... วันสุดท้ายได้ conceptual model ที่น่าสนใจ ใช้สื่อสารให้คนกลุ่มใหญ่ทั้งห้องฟัง เข้าใจได้ถึงการเสริมและสานพลังของ ๔ อำเภอทีมย่อย
^_,^
ค่อย ๆ ติดตามกันนะคะ จาก ๑๒ อำเภอทั่วประเทศ นอกจากรับรู้เนื้อหาแล้ว ผู้เขียนได้ของแถมเป็นการบริหารทีมทำงาน การบริหารความสัมพันธ์ การขยายเครือข่ายให้ยืนยงเดินต่อได้ อย่างไรบ้าง
ขอบคุณทีมจัดการทั่วไป ทีมการเงิน จาก สสจ.แพร่ ที่ช่วยให้การเดินทางราบรื่น อยู่ดีมีความสุขทั้ง ๓ วันนะคะ
ขอบคุณน้องแคท น้องอู๋ Note-taker สุดยอด ขอบคุณน้องโซ่ น้องโอ๋ อำนวยความสะดวก ประสานงานของสำนักทันตสาธารณสุขนะคะ
ขอบคุณ สสส. มูลนิธิทันตสาธารณสุข แหล่งทุนและการจัดการภาพรวมระดับประเทศ ที่เอื้อให้ปวงประชาฟันดี ด้วยการพึ่งพาตนเอง และพัฒนาการเข้าถึงบริการสุขภาพช่องปาก
^_,^
1. อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี
นำเสนอโดย ทพญ.ลักขณา อุ้ยจิรากุล
วิเคราะห์สถานการณ์
จากการสำรวจสภาวะทันตสุขภาพในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2
ในคลินิก NCD ศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี
จำนวน 300 ราย พบมีการสูญเสียฟัน รวมทั้งสิ้น 2,280 ซี่ เฉลี่ย 7.6 ซี่/คน
พบมีการสูญเสียฟันด้วยปัญหาปริทันต์ รวมทั้งสิ้น 1,495 ซี่ คิดเป็นร้อยละ 65.5
กลุ่มเป้าหมาย
ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 อายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปที่มารับการรักษาในคลินิกเบาหวานศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง (PCU)
จำนวน 415 คน และ รพ.สต.กลางใหญ่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี จำนวน 328 คน
วัตถุประสงค์
1. เพื่อประเมินความชุกของการเกิดสภาวะทันตสุขภาพในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2
2. เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างน้ำตาลเฉลี่ยสะสม และปัจจัยบ่งชี้ความเสี่ยงอื่นๆ ที่สัมพันธ์ต่อการเกิดสภาวะร่องลึกปริทันต์ในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2
รูปแบบการดำเนินงาน/ข้อเสนอเชิงนโยบาย
จากการศึกษา พบว่าปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับสภาวะร่องลึกปริทันต์อย่างน้อย 1 ส่วน ลึก<4 mm. ได้แก่
- ระยะเวลาที่เป็นเบาหวาน
- ระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสม HbA1C
- ระดับน้ำตาลFBSล่าสุด
- การมีตัวฟันผุ
- การมีคราบจุลินทรีย์
- การมีคราบจุลินทรีย์>2/3บนตัวฟัน
- การไม่แปรงฟันหรือแปรงบางวันหรือแปรงทุกวันน้อยวันละ1ครั้ง
ผลลัพธ์
จากการศึกษา พบว่าปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับสภาวะร่องลึกปริทันต์อย่างน้อย 1 ส่วน ลึก < 4 mm. ได้แก่
- ระยะเวลาที่เป็นเบาหวาน
- ระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสม HbA1C
- ระดับน้ำตาล FBS ล่าสุด
- การมีตัวฟันผุ
- การมีคราบจุลินทรีย์
- การมีคราบจุลินทรีย์>2/3บนตัวฟัน
- การไม่แปรงฟันหรือแปรงบางวันหรือแปรงทุกวันน้อยวันละ1ครั้ง
ปัญหาอุปสรรค
กลุ่มตัวอย่างที่นำมาศึกษามีทั้งกลุ่มวัยทำงานและกลุ่มผู้สูงอายุ
แผนการดำเนินงานต่อไป
การแปรงฟันมีผลต่อสภาวะโรคระดับน้ำตาลมีผลต่อสภาวะปริทันต์
นำข้อมูลสะท้อนกลับให้คนไข้ต่อไป
ข้อเสนอแนะจากที่ประชุม:
1. ควรเลือกกลุ่มเป้าหมายเฉพาะวัยทำงาน เพราะเมื่อนำมาวิเคราะห์ใหม่ปัจจัยอาจเปลี่ยนไปจากการศึกษานี้ และต้องระวังการคัดกลุ่มตัวอย่างที่เป็นวัยทำงานจากการศึกษานี้เป็นตัวแทนประชากรได้หรือไม่
2. ควรมีการเปรียบเทียบกลุ่มวัยทำงานที่เป็นโรคเบาหวานเทียบกับกลุ่มวัยทำงานที่ไม่มีโรคเบาหวานดูความแตกต่างของพฤติกรรมทั้ง 2 กลุ่ม
3. ควรต่อยอดไปถึงการทำ intervention ในกลุ่มนี้
4. ขยายการศึกษาในเรื่อง self care
5. น่าจะเขียนกรอบความคิดใหญ่ของโครงการนี้(งานวิจัยนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของกรอบแนวคิดโครงการใหญ่)
^_,^
2. อำเภอสระใคร จังหวัดหนองคาย
นำเสนอโดย ทพญ.ธิรัมภา ลุพรหมมา
วิเคราะห์สถานการณ์
สระใครมีต้นทุนทางสังคมในการทำงานกลุ่มเด็กปฐมวัย : มี อสม. ทำงานเชิงสร้างเครือข่ายของอำเภอมีแกนนำชุมชน แกนนำจึงคุ้นชินการทำงานเป็นเครือข่าย
ในการทำงานในกลุ่มวัยทำงานที่เป็นงานประจำคือ ตรวจคัดกรองเบาหวานความดัน บูรณาการกับ LTC
สระใครจึงเลือก อสม.เป็น change agent ในการดำเนินงาน
กลุ่มเป้าหมาย
แกนนำหมู่บ้านที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพช่องปากกลุ่มวัยทำงาน
วัตถุประสงค์
เพื่อพัฒนารูปแบบการสร้างเสริมสุขภาพช่องปากกลุ่มวัยทำงาน
(นอกสถานประกอบการ) โดยการมีส่วนร่วม
รูปแบบการดำเนินงาน/ข้อเสนอเชิงนโยบาย
ปี 2559
- สร้างแกนนำหมู่บ้านปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ใช้วิถีชุมชนเป็นตัวกำหนดปฏิทินการทำงาน
- ออกเยี่ยมหมู่บ้านร่วมกับทีม NCDs (ใช้บัตรคำ) เริ่มจากคนในชุมชนเล่าถึงบริบทของชุมชนหรือมาโชว์กิจกรรมให้ทีมหมอครอบครัวดู ใช้มาตรการ 3อ 2ส 1ฟ บูรณาการไปทั้งทีมหมอครอบครัว
- บูรณาการจัดมหกรรมเครือข่ายคนอำเภอสระใครสุขภาพดี
- การจัดการสิ่งแวดล้อม selfcare (ผปค.แปรงฟันให้ลูกหลาน ผู้ใหญ่แปรงฟันให้ตนเองเรื่องเล่าของชุมชนในการจัดกิจกรรมแปรงฟัน)
ปี 2560
- ขยายจาก 12 หมู่บ้านเป็น 22 หมู่บ้านเปลี่ยนบทบาท จนท.จากเป็นผู้สอน เป็นผู้เอื้อผ่านกิจกรรมการประเมินความสะอาดของการแปรงฟัน ออกเยี่ยมเสริมพลังแกนนำชุมชนทั้ง 22 หมู่บ้าน แกนนำฝึกทักษะการแปรงฟันให้ผู้ใส่ใจสุขภาพ (positiveapproach)
- ใช้แนวคิด บุคลากรเป็นต้นแบบ ค้นหาต้นแบบในชุมชน เสริมพลังจากสิ่งที่ปฏิบัติได้ขยายจากแกนนำสู่คนที่ใส่ใจสุขภาพ สร้างเสริมพลังกลุ่มของชุมชน
- แลกเปลี่ยนเรียนรู้วัยทำงานภาคอีสาน
15-16พ.ค.60
ผลลัพธ์
- มีแกนนำวัยทำงานอย่างน้อย 341 คน ครอบคลุมร้อยละ 50 ของหมู่บ้านทั้งหมดในแต่ละตำบล
- มีทักษะแปรงฟันสะอาดร้อยละ 80
- เพิ่มการเข้าถึงบริการทันตกรรมกลุ่มวัยทำงาน(นอกสถานประกอบการ) ร้อยละ 5 ขึ้นไป
Key success factor/ปัญหาอุปสรรค
สิ่งที่ได้เรียนรู้
- ส่วนใหญ่ อสม.และแกนนำชุมชนเสียสละ มีใจรักงานพัฒนาหมู่บ้าน มีความรอบรู้ คือ Critical Success factor
- อสม.มีทักษะฝึกแปรงฟันผู้ปกครองต่อยอดฝึกแปรงฟันให้ผู้ใหญ่ด้วยกัน
- แกนนำชุมชนมีความคุ้นเคยกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้การพัฒนาสุขภาพเพิ่มช่องทางของเครือข่ายแกนนำชุมชนติดต่อกันแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เช่น ฝึกการนำการออกกำลังกาย
- เสนอแนวคิดการพัฒนาโครงการในที่ประชุม คปสอ. รับฟังข้อเสนอแนะ สร้างการมีส่วนร่วมคิดตั้งแต่ผู้บริหาร กลุ่มงาน รพ.สต.และผู้ปฏิบัติทุกระดับ
- การสร้างทีมผู้เหนี่ยวนำ (Mentor)
- เลือกหมู่บ้านที่มีต้นทุนทางสังคมสูงสัมพันธภาพที่ดีของทีมแกนนำชุมชนด้วยกันและกับทีมหมอครอบครัวระดับตำบล เป็นปัจจัยให้ทำงานร่วมกันอย่างเป็นสุข
- พัฒนาสมรรถนะทีมผู้เหนี่ยวนำเสริมพลังระดับชุมชน สร้างแรงบันดาลใจ ระดมจิตใจเหนี่ยวนำแกนนำชุมชนให้รวมพลังใจพลังความรู้ กระตุ้นมองหาภูมิปัญญาทรัพยากรภายในมาช่วยดำเนินกิจกรรมของชุมชน
- สื่อสารยกตัวอย่างเชื่อมโยงกิจกรรมชัดเจน จะเกิดอะไรขึ้นหลังดำเนินกิจกรรม รู้ความก้าวหน้าและสามารถวัดผลลัพธ์ของกิจกรรมได้
- การขยายเครือข่ายเพิ่มจำนวนหมู่บ้านที่มีต้นทุนทางสังคมไม่สูงเท่ากับชุดแรก
ควรใช้กิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่สามารถดึง Tacit knowledge ผ่านทักษะการเล่าเรื่องที่ดีจากแกนนำชุมชนที่ผลการดำเนินกิจกรรมเข้มแข็ง
มีทักษะการโน้มน้าวใจและฝึกผู้ปกครอง จะช่วยพัฒนากิจกรรมชัดเจนขึ้น
แผนการดำเนินงานต่อไป
1. ประเมินความสะอาดการแปรงฟันของแกนนำกลุ่มเป้าหมาย
2. พัฒนาทีมหมอครอบครัวเป็น mentor (ผู้เหนี่ยวนำ) ต้นแบบสุขภาพด้วย Coaching empowerment
3. สร้างโอกาสเหนี่ยวนำระหว่างแกนนำชุมชนเสนอตัวอย่างกิจกรรมสร้างเสริมช่องปาก ประยุกต์ให้คนในชุมชนตนเองได้
4. ระดมจิตใจถอดบทเรียนขยายเครือข่ายที่แกนนำพัฒนากิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพเข้มแข็ง
5. พัฒนาชุมชนเข้มแข็ง
ข้อเสนอแนะจากที่ประชุม:
1. เสนอให้ทำหลักสูตรการสร้าง/พัฒนากลุ่มแกนนำตามแบบที่สระใครทำเพื่อเอาไปพัฒนาพื้นที่อื่น
2. สนับสนุนให้ทำเกณฑ์ประเมินความสะอาดการแปรงฟันของแกนนำกลุ่มเป้าหมาย
3.ชมเชยการใช้ต้นทุนที่มีในเรื่องของทรัพยากรมนุษย์และรูปแบบการทำงานเป็นเครือข่ายมาต่อยอดการทำงานในกลุ่มวัยทำงาน
^_,^
3. อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี
วิเคราะห์สถานการณ์
งานทันตฯเป็นส่วนย่อยของโครงการทั้งหมดเริ่มจากปี 57มีการสำรวจความพึงพอใจของกลุ่มวัยทำงานผลการสำรวจพบว่ากลุ่มวัยทำงานต้องการตรวจสุขภาพประจำปี
ปี 58
พันธกิจของ รพ.ต้องการพัฒนาระบบบริการสุขภาพแบบองค์รวม
จึงเป็นที่มาของโครงการบริการสุขภาพเชิงรุก
กลุ่มเป้าหมาย
ประชาชนกลุ่มวัยทำงานสิทธิ์เบิกได้ (ข้าราชการ อปท.)
กับประกันสังคม
วัตถุประสงค์
1. เพื่อค้นหาภาวะโรคหรือความผิดปกติด้านสุขภาพแก่ประชากรวัยทำงาน
2. เพื่อให้การป้องกันดูแล รักษาโรคหรือความผิดปกติด้านสุขภาพที่เกิดขึ้นแก่ประชากรวัยทำงาน
รูปแบบการดำเนินงาน/ข้อเสนอเชิงนโยบาย
- แต่งตั้งคณะทำงานระบบบริการสุขภาพเชิงรุก
- ประชาสัมพันธ์โครงการที่หน่วยงาน/ส่วนราชการต่างๆ/โรงงานโดยทำแบบโบรชัวร์แต่ละสิทธิ์ไม่เหมือนกัน
- ทำแบบตรวจสุขภาพช่องปาก (ส่วนบนเป็นข้อมูลสำหรับบันทึกแฟ้มตรวจฟัน และส่วนล่าง
- ตรวจเลือด X-ray ปอด ตรวจฟัน
- จัดช่วงเวลารับบริการ ในเวลาราชการ14-16 น. (เปิด 1 unit โดยเฉพาะ) นอกเวลาราชการ 2-3 unit
- ทุกๆ 3 เดือน จะมีการสรุปผลติดตามการรักษาทางทันตกรรม
- สำหรับหน่วยงานอื่นๆ (อปท.การไฟฟ้า ประปา) หน่วยงานจะแจ้งขอความจำนงเราจะเช็คสิทธิ์ นัดมารับบริการ
- การรับบริการทันตกรรมในครั้งแรกจะมีรถmobile ออกไปตรวจ มี Notebook เพื่อเช็คสิทธิ์ ครั้งต่อไปจะนัดมารับบริการที่รพ.
ผลลัพธ์
- เพิ่มการเข้าถึงบริการในกลุ่มวัยทำงานที่ทำงานในหน่วยงานต่างๆ
- มีเงินเข้ารพ.ประมาณ 200,000 กว่าบาท
Key success factor
- หัวหน้าต้องพาทำ
/ปัญหาอุปสรรค
- การนัดแล้วกลุ่มเป้าหมายไม่มารับบริการ
แผนการดำเนินงานต่อไป
- เสริมสร้างความตระหนักให้กลุ่มเป้าหมายใส่ใจเข้ามารับบริการ
- ทำ focus group ในกลุ่มวัยทำงาน ให้ตระหนัก เหมือนในผู้สูงอายุ
เพื่อให้วัยทำงานเข้ามารับบริการมากขึ้น
ข้อเสนอแนะจากที่ประชุม:
1. ผู้ประกันตนไม่ค่อยทราบสิทธิของตนเองโครงการนี้ดีทำให้เขาทราบสิทธิและทราบว่าจะทำอะไรต่อไป
2. จากการดำเนินกิจกรรมพบว่าประชาชนวัยทำงานขาดความตระหนักดังนั้น ควรหาวิธีที่จะทำให้เขาทราบว่าเขาขาดความตระหนักเรื่องสุขภาพช่องปากด้วย
^_,^
4. อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด
วิเคราะห์สถานการณ์
- กลุ่มเสี่ยงสูง
- เข้าไม่ถึงบริการ
- ระบบในรพ.ซับซ้อน ไม่เอื้อต่อการเข้าถึงกลุ่มทำให้ผู้ป่วยเบาหวานยังไม่เข้าถึงบริการ
กลุ่มเป้าหมาย
กลุ่มผู้ป่วยเบาหวานในพื้นที่อำเภอโพนทอง
วัตถุประสงค์
1. เพื่อสร้างการเข้าถึงบริการทางทันตกรรมในด้านการรักษาและส่งเสริมสุขภาพของผู้ป่วยเบาหวานและญาติในชุมชน
2. เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของผู้ป่วยและญาติในด้านการรักษาพยาบาลและส่งเสริมสุขภาพ
3. เพื่อพัฒนาคลินิกเบาหวานและสร้างแนวทางในการดูแลผู้ป่วยเบาหวานของเครือข่ายบริการสุขภาพโพนทอง
รูปแบบการดำเนินงาน/ข้อเสนอเชิงนโยบาย
1. ประชุมทันตบุคลากรบุคลากรคลินิกโรคเรื้อรัง สหวิชาชีพ และภาคีเครือข่ายผู้เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ทักษะ สื่อสารกำหนดเป้าหมายร่วมกัน บูรณาการแผนงานโครงการจัดทำแผนพัฒนาระดับ CUP โรงพยาบาลและ รพ.สต.
2. กิจกรรมดำเนินการตรวจผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่
- แต่งตั้ง ผู้รับผิดชอบ
- ทบทวนพัฒนา แบบฟอร์ม เนื้อหา สื่อแนวทางการดำเนินงาน
- จัดทำคู่มือการkey ผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่
3. กิจกรรมดำเนินการตรวจผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่ (ใน รพ.)
- บูรณาการ คลินิกเบาหวานรายใหม่ เดือนละ 1 ครั้ง (อังคารสุดท้าย)
- บูรณาการคลินิกเบาหวานกลุ่มเสี่ยงสูง
4. กิจกรรมดำเนินการตรวจผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่ (ในรพ.สต.)
- บูรณาการหน่วยตรวจคัดกรองต้อกระจกของทีมคลินิก DM
- ชี้แจงในที่ประชุมทันตาฯ ประจำไตรมาส(ตัวชี้วัด เป้าหมาย พื้นที่รับผิดชอบ)
เนื่องจากคลินิก DM ไม่เอื้อต่อการตรวจ, บทบาททันตาภิบาลการส่งเสริมป้องกัน
เป้าหมาย
1. กลุ่มผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่เข้าถึงบริการทันตกรรมอย่างน้อย 90 %
2. ผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่กลุ่มที่คัดกรองได้เป็นสุขภาพช่องปากสีแดง (ฉุกเฉิน) ได้รับการรักษา 90 %
3. ผู้ป่วยเบาหวานรายเก่าเข้าถึงบริการร้อยละ 50
4. มีนวัตกรรม/คู่มือ/แนวทางการดูแลสุขภาพช่องปากผู้ป่วยเบาหวานอำเภอโพนทอง
5. ภาวะแทรกซ้อนหลังการถอนฟันในผู้ป่วยเบาหวานมีน้อยกว่า1 %
ผลลัพธ์
1. ผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่ 374 ราย ได้รับการเข้า 276 ราย คิดเป็นร้อยละ73.9
2. ผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่กลุ่มที่คัดกรองได้เป็นสุขภาพช่องปากสีแดง (ฉุกเฉิน) ได้รับการรักษา 90 %
3. ผู้ป่วยเบาหวานรายเก่าเข้าถึงบริการร้อยละ 50
4. ให้บริการตามสภาวะสุขภาพช่องปากที่พบโดยจัดกลุ่มตามสีเขียว เหลือง ส้ม แดง
5. เยี่ยมบ้านผู้ป่วยเบาหวานกรณีที่จำเป็น
ระบบผู้ป่วย DMรายใหม่
1. ตรวจและให้ทันตสุขศึกษา (อังคารสุดท้ายของทุกเดือน)
2. ฝึกแปรงแห้ง (จริง)
3. นัดรักษาที่ รพ.สต.
ปัญหาอุปสรรค
- บุคลากรไม่เพียงพอต่อการให้บริการทันตกรรม
- ระบบการดูแลผู้ป่วยเบาหวานยังไม่เป็นระบบเท่าที่ควร
- นัดมารับบริการที่ รพ./รพ.สต. ก็ไม่มา
- เจ้าหน้าที่ใน รพ.สต.บางแห่งไม่สามารถออกให้บริการได้ตามแผน
- ผอ.รพสต.บางแห่งยังไม่รู้งานทันตสาธารณสุขเท่าที่ควร
แผนการดำเนินงานต่อไป
- อาจไปสุ่มตรวจ ฝึกแปรงบ้าง ส่งรายชื่อให้ ทีม รพ.สต. ไปดูแล OHI ต่อ
- ผู้ประสานงานของทีม สสอ.มีการกำกับติดตามเจ้าหน้าที่ ใน รพ.สต.
ข้อเสนอแนะจากที่ประชุม:
การทำงานกับชุมชน จะต้องพัฒนาทั้งรูปแบบการดำเนินงานและเครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินงาน
^_,^
5. อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่
ประชากรกลุ่มวัยทำงานเข้าถึงบริการทางทันตกรรมน้อย
กลุ่มเป้าหมาย
ประชากรกลุ่มวัยทำงาน
วัตถุประสงค์
1. เพื่อจัดช่องทางให้กลุ่มวัยทำงานเข้าถึงบริการทันตสาธารณสุขได้ครอบคลุมมากขึ้น
2. จัดให้มีคลินิกทันตกรรมเฉพาะสำหรับวัยทำงานเพื่อเป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่และภาคีเครือข่ายทางทันตกรรมสามารถเข้าถึงบริการทันตกรรมได้ง่ายและสะดวกขึ้น
3. ภาคีเครือข่ายในพื้นที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมส่งเสริมทันตสุขภาพของกลุ่มวัยทำงานได้แก่การตรวจฟันและให้คำแนะนำเรื่องการแปรงฟันอย่างถูกต้องเหมาะสม
4. สร้างกระแสการส่งเสริมสุขภาพวัยทำงาน
รูปแบบการดำเนินงาน/ข้อเสนอเชิงนโยบาย
1. เขียนโครงการ
2. จัดทำแบบฟอร์มต่างๆ
- แบบคัดกรองสุขภาพช่องปากเบื้องต้นโดยอสม.
- บัตรนัดรักษาทางทันตกรรม สำหรับ อสม.
- แบบตรวจสุขภาพช่องปากโดยทันตบุคลากร
- แบบบันทึกผลการให้บริการทางทันตกรรม
- แบบสรุปผลการบริการทางทันตกรรม
3. กิจกรรมอบรมอสม.เพื่อให้สามารถคัดกรองสุขภาพช่องปากได้เบื้องต้นและส่งต่อในกรณีที่จำเป็นต้องรับการรักษา
4. จัดบริการทางทันตกรรม
- บริการส่งเสริมป้องกันและรักษาทันตกรรมในคลินิกโรคเรื้อรัง
-บริการส่งเสริมและรักษาทันตกรรมในหน่วยบริการปฐมภูมิ ปีละ 2 ครั้ง
- บริการพรีเมียมคลินิก(Premium Dental Clinic) ให้บริการด้านทันตกรรมและส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวมสำหรับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและบุคลากรในภาคีเครือข่ายอำเภออ่าวลึก โดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและสหสาขาวิชาชีพเพื่อความสะดวก รวดเร็ว ในการตรวจรักษา และการมีคุณภาพชีวิตที่ดี เปิดบริการทุกวันพฤหัสบดีเวลา 08.00 – 12.00 น. วันละ 7 คน
5. กิจกรรมสร้างกระแสการส่งเสริมสุขภาพวัยทำงานภายใต้โครงการ
“คนอ่าวลึกไร้พุง”ปีละ 1 ครั้ง
ผลลัพธ์ ดำเนินการ
จัดหน่วยเคลื่อนที่ทางทันตกรรมโดยให้บริการทางทันตกรรม
ตรวจฟัน ขูดหินปูน อุดฟัน ถอนฟัน ปีละ 2 ครั้ง
(ภาพนี้ละค่ะ ผู้เขียนชอบมาก จนต้องถามกับคุณหมอบุศย์ ได้คำตอบว่าเป็นฝีมือของน้องมีน)
(งาน event แบบนี้ก็ชอบ สร้างกระแสให้ดีต่อเนื่อง จะเอื้อให้การขับเคลื่อนบรรทัดฐานทางสังคม [social norms] พฤติกรรมต่าง ๆ ที่เราต้องการขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติได้ ร่วมกับการออกแบบกระบวนการเรียนรู้ต่าง ๆ ต่างกรรม ต่างวาระ ให้ประชาชนมีความรอบรู้ด้านสุขภาพ [Health literacy : HL] เพิ่มขึ้น)
ข้อเสนอแนะจากที่ประชุม:
มีการจัดระบบการทำงานที่ดีเห็นภาพรวมทั้งกระบวนการอย่างเป็นระบบ ครบวงจร
^_,^
ได้เรียนรู้เยอะจากอ่าวลึก มีกำลังใจจัด event ต่อไป แต่ก่อนสระใครจัดเฉพาะเรื่องฟันมา 7 ปี "ตลาดนัดเครือข่ายชุมชนลูกหลานฟันดี"
เพิ่งจะ 2 ปีนี้ ที่จัด "มหกรรมเครือข่ายคนอำเภอสระใครสุขภาพดี" ครั้งต่อไปวันที่ 19 กันยายน 2560
อย่าเพิ่งหัวบวมนะคะ อำเภอสุดท้ายของการนำเสนอวันแรกแล้ว
6. อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี
วิเคราะห์สถานการณ์
ประชากรวัยทำงานในพื้นที่ลำลูกกาเข้ามารับบริการคิดเป็นร้อยละ 19.16
กลุ่มเป้าหมาย
1. คนไข้walkin
2. เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล รพสต. สสอ.
3. พนักงานกลุ่มสถานประกอบการ
รูปแบบการดำเนินงาน/ข้อเสนอเชิงนโยบาย
1. เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้เล่าหรือสาธิต และนำข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์มาวิเคราะห์ ประเด็นการสัมภาษณ์หรือพูดคุยตามแบบประเมินดังนี้
1) แบบประเมินพฤติกรรมสุขภาพ (3ส่วน) โดยสัมภาษณ์ (ในvisit ที่1) ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
1.1)แบบประเมินตนเองเกี่ยวกับพฤติกรรม/การรับรู้ในกาออกกำลังกาย การนอน การกินและสุขภาพช่องปาก
1.2) แบบประเมินสุขภาพช่องปาก
1.3) แบบบันทึกการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
เมื่อได้ข้อมูลจากการสัมภาษณ์แล้วนำข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์หาปัญหา ความกังวลใจ ความคาดหวัง เป้าหมาย ของผู้ป่วย หาแนวทางการพูดคุยกับผู้ป่วย
2) ตรวจสุขภาพช่องปาก
3) นัดหมายมาทำการรักษา และพูดคุยโดยใช้เทคนิค Coaching (ครั้งละประมาณ 15นาที)
ผลลัพธ์
สามารถ Coaching ได้ 22 case
ประโยชน์ของโครงการ
1. ทันตแพทย์และผู้ป่วยมีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้น
2. ทันตแพทย์สามารถให้คำแนะนำและมีความเข้าใจตรงกันกับผู้ป่วย
3. ทันตแพทย์และผู้ป่วยมีเป้าหมายที่แท้จริงร่วมกัน
4. ผู้ป่วยได้รับการดูแลเป็นพิเศษและมีself care ที่ดีขึ้น
5. ทันตแพทย์ได้ฝึกทักษะการเพิ่มศักยภาพself care
ข้อจำกัด
1. ทันตแพทย์ไม่อยากทำ
2.ทันตแพทย์เกรงใจทันตแพทย์ท่านอื่นที่ต้องเคลียร์คนไข้OPD
3. ทันตแพทย์ไม่เข้าใจเทคนิค Coaching ที่แท้จริง (Teaching)
4. การCoachingใช้เวลามาก
แผนการดำเนินงานต่อไป
จะดำเนินโครงการนี้ต่อไปโดยจะแก้ไขจุดอ่อนได้แก่
1. ฝึกทักษะCoaching ของทันตแพทย์ให้มากขึ้น และลดTeaching ให้น้อยลง
2. นำข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์ 30นาที มาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาศักยภาพ self care ของผู้ป่วยให้มากขึ้น
3. ขยายการดำเนินงานในครู รร ประถม และ ศพด.
ข้อเสนอแนะจากที่ประชุม:
1. ค้นหาให้เจอคนไข้ที่เป็นผู้นำชุมชน ที่สามารถพัฒนาเพื่อ coaching ผู้อื่นต่อได้ จะช่วยให้งานสามารถกระจายได้เท่าทวีคูณ
2. การ coachingเป็นเครื่องมือที่ทำให้หมอได้มีโอกาสพูดกับคนไข้เป็นโอกาสที่ดี สนับสนุนให้ทำต่อ และอยากให้พื้นที่อื่นที่สนใจลองทำดูเพราะผลที่ได้คุ้มค่า และเปลี่ยน Health literacy ของคนไข้ได้
3. จำนวนตัวอย่าง 22 caseเสนออย่างไรให้น่าสนใจ คือ ให้เสนอให้เห็นว่า คนที่พูดเข้าใจความแตกต่างระหว่างcoaching กับ teaching
4.เป้าหมายที่ได้มาจากการพูดคุยเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของคนไข้หรือไม่ หรือเป็นเพียงเป้าหมายของหมอ
5.เสนอให้มีการบันทึกรวบรวมไว้ถึงคุณค่าที่ได้ทำ coaching ไว้ในแต่ละวัน เมื่อคนได้อ่านหรือตนเองได้กลับมาอ่านจะเกิดพลังในการทำงาน
^_,^
ออกจากห้องประชุม ไปเดินออกกำลังกายได้ราว 5 กิโลเมตร ชดเชยที่นั่งเกือบทั้งวัน รวมเดินไปมาในโรงแรมนิดหน่อย ออกกำลังกายด้วย Chicken dance เท่านั้นเอง
ที่สำคัญ แถวนี้ของกินอร่อยเยอะค่ะ
พักสักครู่ เดี๋ยวต่อบันทึกที่สองนะคะ
^_,^
กิจกรรมเยอะมาก
เคยไปงานนี้สมัยก่อน
แต่นานมากแล้ว
นพ.วิธาน ฐานะวุฒฑ์ และ นพ.สกล สิงห
พบทั้ง 2 ท่านใช่ไหมครับ
อบรมกับอาจารย์ทั้งสองท่าน ปีที่แล้วค่ะ อ.ขจิต