อาหารต้านมะเร็ง ตอนที่ ๑
ผมได้รับต้นฉบับหนังสือ อาหารต้านมะเร็ง จาก ศ. ไพศาล เลาห์เรณู ญาติของผมที่เป็นนักวิชาการด้านโภชนาการ และเวลานี้พำนักอยู่ที่นครเวียนนา ประเทศออสเตรีย จึงขออนุญาตนำมาลงเผยแพร่ทีละบท รวม ๙ ตอน ประวัติของท่านผู้เขียนจะอยู่ตอนท้ายบทที่ ๙ ซึ่งเป็นบทสุดท้าย
หนังสือ
อาหารต้านมะเร็ง
โดย
ศ. ไพศาล เลาห์เรณู
บทที่ ๑ อาหาร
บทที่ ๒ อาหารสร้างประวัติศาสตร์
บทที่ ๓ องค์ประกอบของอาหาร
บทที่ ๔ มะเร็ง
บทที่ ๕ กันดีกว่าแก้
บทที่ ๖ มะเร็งเกิดขึ้นได้อย่างไร
บทที่ ๗ สารก่อมะเร็ง
บทที่ ๘ สารต่อต้านอนุมูลอิสระ
บทที่ ๙ สรุป
บทที่ 1 อาหาร
ตอนแรกตั้งใจจะเขียนเรื่องเฉพาะ อาหารต้านมะเร็ง แต่หลังจากเขียนไปสักพักก็เริ่มรู้ว่า มีอาหารหลายชนิดที่มีคุณสมบัติไม่เฉพาะจะต้านโรคมะเร็งเท่านั้น ยังสามารถต้านหรือป้องกันโรคอื่นๆได้อีกหลายโรค เช่น โรคความดันสูง โรคอ้วนลงพุง โรคตับอักเสบ โรคเบาหวาน แม้กระทั่งโรคตาบางชนิด จึงให้ความสนใจกับอาหารหลากหลายมากขึ้น เพื่อจะได้นำประโยชน์ของอาหารเหล่านั้นมาช่วยป้องกันหรือต้านทานโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็ง
คนทั่วไปกินอาหารเพื่อการโภชนาการ บำบัดความหิว บางคนกินอาหารด้วยความอยากหรือเพื่อความสุขที่ได้ลิ้มรสอาหารที่ถูกปาก แต่คนไม่มากนักจะเข้าใจถึงคุณค่าของอาหารที่มีต่อสุขภาพหรือส่วนประกอบของอาหารบางชนิดที่เป็นโทษ และยิ่งน้อยลงไปกว่านั้น คนที่รู้และเข้าใจประโยชน์ของอาหารต่อสุขภาพ หรือต้านทานโรคต่างๆ หาได้ยากเต็มที จึงได้คิดเขียนหนังสือเรื่องนี้ขึ้นมา เพื่อให้ความรู้กับชาวบ้านทั่วไปที่ไม่มีพื้นฐานทางวิชาการ จะได้ได้ประโยชน์จากอาหารอย่างเต็มที่ สมกับคำพังเพยภาษาอังกฤษว่า “Have an apple a day will keep doctors away”
อาหารเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อสิ่งมีชีวิต ตามหลักพุทธศาสนา อาหารเป็นปัจจัยแรกใน 4 ปัจจัยของสิ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์ ตามประวัติศาสตร์วิวัฒนาการของมนุษย์มักเกิดขึ้นจากอาหารเป็นหลัก
George Bernard Shaw (GBS) นักประพันธ์ชาวไอร์แลนด์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วโลกได้กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า “There is no love more sincere than that of food” ที่อาจจะแปลได้ว่า ความรักอาหารนั้นเป็นความรักอย่างจริงใจ ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือน คำกล่าวของ GBS แสดงให้เห็นว่า คนไหนชอบกินอาหารชนิดใด ก็จะดั้นด้นไปหาอาหารนั้นกินจนได้ ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใด ดังเช่น คนไทยไปประเทศไหนก็จะดั้นด้นไปหาอาหารไทยทานจนได้ ชาวอิตาเลี่ยนนิยมกินพิซซ่า และสปาเกตตี้ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ใด เป็นต้น
ผู้เขียนไม่ใช่แพทย์ หรือนักโภชนาการ แต่เป็นนักวิทยาศาสตร์การอาหารที่มีประสบการเกี่ยวกับ อาหารปลอดภัย (food safety) อาหารอุดมสมบูรณ์ (food security) และการค้าขายอาหาร (food trade) โดยเฉพาะการใช้เทคนิคนิวเคลียร์ และได้พัฒนางานให้องค์การสหประชาชาติ 3 แห่ง คือ FAO, IAEA และ WHO เป็นเวลาเกือบ 30 ปี จึงตัดสินใจเขียนหนังสือเล่มนี้เพื่อเป็นประโยชน์แก่พี่น้องชาวไทย ให้หันมาใช้วิธีกันไม่ให้เกิดโรคหรือยืดเวลาที่จะเป็นโรคใดโรคหนึ่งโดยเฉพาะมะเร็ง ออกไปให้นานที่สุด โดยใช้อาหารเป็นอาวุธคู่มือ ช่วยต่อต้านมะเร็งอย่างมีประสิทธิภาพ
จึงหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นคู่มือของชาวบ้านในการรักษาสุขภาพของตน ด้วยการทานอาหารที่มีส่วนประกอบทางเคมีที่ช่วยต้านทานโรคโดยเฉพาะมะเร็ง ข้อมูลที่นำมาสมทบรวบรวมในหนังสือนี้ ได้จากเอกสารวิชาการโดยเฉพาะจาก National Institute of Health (NIH) ของสหรัฐอเมริกา และองค์กรของรัฐและเอกชนอีกหลายประเทศ และข้อคิดเห็นของผู้เขียนโดยตรง หนังสือนี้อาจมีข้อมูลทางวิชาการไม่ครบถ้วนนัก จึงขอให้ท่านผู้รู้เรื่องต่างๆเกี่ยวกับหนังสือนี้ช่วยกันเขียนเพิ่มเติม เพื่อประโยชน์ของสุขภาพพี่น้องชาวไทยต่อไป
ไม่มีความเห็น