2. ข้อยกเว้นตามArticle XX
ในส่วนของการกล่าวถึง Article XX นี้ ประเด็นที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอในงานชิ้นนี้ก็คือการยกArticle XX ขึ้นอ้างในส่วนที่เกี่ยวกับการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม จึงจะกล่าวถึงแต่เงื่อนไขเฉพาะตามArticle XX (b) และArticle XX (g) เท่านั้น เพราะเป็นเงื่อนไขที่มีการยกขึ้นอ้างโดยประเทศต่างๆในการใช้มาตรการทางการค้าซึ่งขัดต่อหลักทั่วไปของ GATT /WTO รวมทั้งก่อให้เกิดปัญหาในการตีความ และ การปรับใช้ถ้อยคำตามเงื่อนไขดังกล่าว จนกลายเป็นข้อพิพาทขึ้นสู่องค์การระงับข้อพิพาทของGATT /WTO ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีมากกว่า specific clause ข้ออื่นๆ ซึ่งหากพิจารณาจากคำตัดสินในแต่ละคดีก็จะเห็นว่ายังมีความไม่ชัดเจนในการปรับใช้และตีความถ้อยคำซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญในการยกArticle XX ขึ้นอ้าง และส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนต่อการนำ Article XX มาใช้ต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจทำให้ Article XX กลายมาเป็นข้ออ้างของประเทศมหาอำนาจที่มีกำลังทางเศรษฐกิจที่เหนือกว่า นำมาใช้เพื่อการกีดกันทางการค้าโดยเฉพาะในประเด็นที่ยกเอาเรื่องสิ่งแวดล้อมขึ้นมาเป็นฉากบังหน้า เพื่อที่ประเทศมหาอำนาจเหล่านั้นจะได้กีดกันประเทศกำลังพัฒนาเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในของตน
2.1 ประวัติความเป็นมาของ Article XX
ข้อยกเว้นทั่วไป(General Exceptions)ตามที่บัญญัติไว้ใน Article XX นี้ มีที่มาจาก International Agreement for the Suppression of Import and Export Prohibitions and Restrictions 1927 ซึ่งรวมอยู่ในร่างข้อยกเว้นทั่วไปในการประชุมเจรจาก่อตั้ง องค์การการค้าระหว่างประเทศ(International Trade Organization or ITO) โดยที่ร่างของกฎบัตร ITO นั้นในส่วนของบทบัญญัติซึ่งเป็นข้อยกเว้นทั่วไปนี้ถูกเสนอโดยประเทศสหรัฐอเมริกา[1] ซึ่งในส่วนข้อเสนอที่ยังไม่ได้มีการแต่งความนี้เองถูกยกขึ้นมาพิจารณาในทันทีว่าบทบัญญัติดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด ดังเช่นที่คณะผู้แทนจากสหภาพทางเศรษฐกิจ เนเธอร์แลนด์และเบลโก ลักเซมเบิร์กเกรงว่าภายใต้เงื่อนไขที่ว่า “to protect animal or plant life or health” นั้นจะถูกประเทศบางประเทศนำมาใช้ในทางที่ผิดเพื่อเป็นมาตรการปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศของตน ดังนั้นเพื่อไม่ให้นำข้อยกเว้นทั่วไปนี้ไปใช้ในทางที่ผิด (misuse or abuse) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อห้ามไม่ให้แต่ละประเทศนำข้อยกเว้นทั่วไปนี้ไปใช้เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศของตน ในส่วนบทนำ(Introductory Provision or Chapeau ) จึงถูกแก้ไขปรับปรุงใหม่[2] โดยการแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำในส่วน ครั้งหลังสุดนี้เองที่กลายมาเป็นส่วนในส่วนบทนำ(Introductory Provision or Chapeau ) ของ Article XX ของGATT 1994 และยังคงใช้เป็นบทบัญญัติในส่วนของข้อยกเว้นทั่วไปของ GATT /WTO มาจนถึงทุกวันนี้ ในส่วนของบทเฉพาะ( specific clause ) นั้น ข้อ (g) เป็นบทบัญญัติที่ได้รับการยืนกรานจากประเทศสหรัฐอเมริกาที่จะให้มีบทบัญญัติดังกล่าว เมื่อพิจารณาจากประวัติศาสตร์ที่มาของArticle XX เราจะเห็นได้ว่า ทุกประเทศยอมรับหลักการหรือนโยบายอื่นๆอีกนอกจากเรื่องการค้าเสรี(Free Trade) ที่รัฐบาลของแต่ละประเทศนำมาใช้ในนโยบายทางเศรษฐกิจและการค้า แต่อย่างไรก็ตามทางปฏิบัติของประเทศต่างๆต่อมาในการยก Article XX ขึ้นมาใช้ก็แตกต่างจากจุดมุ่งหมายเดิมค่อนข้างมาก ทั้งที่หลายๆประเทศในตอนเสนอข้อยกเว้นทั่วไปนี้ในอดีต ต้องการสร้างบทบัญญัติดังกล่าวขึ้นมาเพื่อไม่ให้นำ Article XX นี้เพื่อการปกป้องอุตสาหกรรมภายในของแต่ละประเทศ จึงพยายามแก้ไขส่วนบทนำ(Introductory Provision or Chapeau )ให้รัดกุมยิ่งขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้เสี่ยงต่อการที่ Article XX จะถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเมื่อเกิดข้อพิพาทขึ้นสู่ Panel ข้อยกเว้นทั่วไปตาม Article XX นี้กลับกลายเป็นข้ออ้างของประเทศที่กำหนดมาตรการที่ขัดต่อหลักการของ GATT /WTO ใช้เป็นข้ออ้างในการใช้มาตรการต่างๆ เพื่อกีดกันทางการค้าต่อประเทศอื่นและนอกเหนือไปกว่านั้นก็คือเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในของประเทศตน
ไม่มีความเห็น