ไม่เข้าใจความรู้สึกของชาวฝรั่งเศสเมื่อฟังแผนการอันยิ่งใหญ่ของนโปเลียน โบนาพาตต์ ว่าคิดยังไง คนที่เชื่อก็เชื่อสุดใจและพลีชีพได้
หรือชาวเยอรมันเมื่อฟังคำปราศัยของอะดอฟ ฮิตเลอร์ ว่าต่างเคลิบเคลิ้มไปเพียงใด รัฐเฟอเร่อห์อันยิ่งใหญ่บริสุทธิ์ผุดผ่อง จึงตามบัญชาทุกประการ
และกรณีเดียวกันกับชาวอิตาลีที่ต่างตั้งอกตั้งใจฟังเบนิโต้ มุสโซลินี ที่จะนำพาบ้านเมืองไปสู่ความรุ่งโรจน์
ข้าพเจ้าคิดว่าเรื่องราวแบบนี้มันคงให้บทเรียนอย่างแสนสาหัสมานักต่อนักแล้วกับชาวโลกทั้งหลาย
เมื่อกลับมาดูทีวีในยามค่ำคืนวันศุกร์ แทนที่จะได้เป็นสุดสัปดาห์ของการทำงานและการได้เริ่มต้นพักผ่อน เหมือนมีภาพหลอนย้อนยุคกลับมาอีกครานึง
นี่คงไม่ใช่จุดสิ้นสุดของประวัติศาสตร์มันเป็นการฉายภาพซ้ำไปซ้ำมา และคงต่อไปเรียนรู้จึงเข้าใจ คลั่งไคล้ก็ตายตกกันไปกับอวิชชา
ก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าใครโง่ใครฉลาดใครคือคนป่วยที่น่าสงสาร!!บางทีเขา(ประชาชนบางส่วน)ชอบอะไรที่มันท้าทายแบบนี้ก็เป็นได้
ย้อนแย้งที่เขาเชื่อ อาจจะเป็นความย้อนแย้งที่เราไม่สามารถอินลึกซึ้งและเข้าถึงมันได้เลย
4/8/2560
ไม่มีความเห็น