(8) ว่างสองวัน จัดสรรเวลา บินลัดฟ้าไปเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน


เที่ยวเมืองไทย ไปกับสายการบินที่ดีที่สุดในประเทศ

วันศุกร์ที่ 9 มิถุนายนนี้ รู้สึกโล่งใจเป็นพิเศษ เพราะสิ่งที่กังวลเป็นอย่างมากคือวีซ่าเชงเก้นที่อาจจะเสร็จไม่ทันเวลา ก็ได้มาเรียบร้อยแล้ว แต่ก็มีสิ่งอื่นที่ "แอบลุ้น" อยู่ในใจเป็นระยะๆ

คืนนี้ผมไปนอน รร.ใกล้สุวรรณภูมิชื่อ The Phoenix จองผ่าน www.makemaytrip.com ซึ่งเป็น Online Travel Agency สัญชาติอินเดียที่เปิดตัวได้ไม่กี่ปี ช่วงนี้จะมีโค้ดส่วนลดให้เยอะมากพอสมควร บางครั้งจอง 2 คืนเป็นต้นไป จะลดให้ถึง 70% เลยก็มี ถือเป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย สำหรับ "นักเดินทางผู้โดดเดี่ยว" อย่างผม ในยามที่เอเยนต์เจ้าอื่นไม่มีโค้ดส่วนลดแรงๆ

พูดถึง makemytrip นี้จะชาร์จเป็นเงินรูปีอินเดีย แต่ก่อนจะตัดบัตรเครดิตก็จะมีตัวเลือกให้เลือกว่าจะจ่ายเป็นเงินไทยหรือเงินอินเดีย สามารถเลือกได้ตามใจชอบ เนื่องจากผมเคยมีประสบการณ์กับ Makemytrip มาหลายครั้งแล้ว จองแล้วไว้ใจได้ ไม่โดนยกเลิก ไม่ว่าจะจอง "ราคาโปรโมชั่น" มาอย่างไรก็ตาม

ลืมบอกไป เมื่อปลายเดือนที่แล้ว ตอนมานอนที่โรงแรม Prince Palace ก็ใช้บริการเอเยนต์เจ้านี้ ราคาห้อง one bedroom suite พร้อมอาหารเช้า จอง 2 คืนขึ้นไป ได้ลดถึง 70% แถมราคาห้อง Suite ก็เท่ากับ Superior สนนราคาตอนนั้นจองไป 2 คืน จ่ายคืนละ 600-700 บาท ถือว่า "คุ้มมาก"

อีกอย่างเอเยนต์เจ้านี้ ถ้าจองห้องแบบ refundable (สามารถยกเลิกคืนเงินได้ฟรีในเวลาที่กำหนด) ก็จะได้รับเงินคืนเข้าบัตรเครดิตเร็วมากๆ 1-2 วันก็เรียบร้อย

...ผมลากกระเป๋าลงรถไฟใต้ดินไปสถานีเพชรบุรีแล้วเดินต่อไปต่อ Airport Rail Link ที่สถานีมักกะสัน จุดหมายปลายทางคือสนามบินสุวรรณภูมิ

รู้สึกขัดใจมาก บริการขนส่งมวลชนเมืองไทย ทำไมต้องซื้อบัตรแยกต่างหาก ตอนนี้เข้ากรุงเทพฯที พกทั้งบัตร BTS, MRT และ Airport Link 3 ใบ เมื่อไหร่สังคม 4.0 จะพัฒนาเหมือนชาวบ้านใช้ตั๋วร่วมกันเสียที

ถึงสุวรรณภูมิตอนบ่ายๆ จัดการแลกเงินยูโรไว้ 150 ยูโร เพื่อติดตัวไปใช้ ค่อยไปกด ATM เอาที่โน่นเพิ่มเติม แล้วไปนั่งกินข้าวที่ศูนย์อาหารชั้น 1 สนามบินสุวรรณภูมิมีศูนย์อาหารราคาถูก ข้าวราดแกง 2 อย่าง 45 บาท น้ำเปล่าขวดละ 10 บาท ถือว่าเป็นราคาที่ "สมเหตุสมผล" มาก และเช่นเคย มีคนจีนและคนไทยมาใช้บริการครึ่งต่อครึ่ง (เมืองไทยนักท่องเที่ยวจีนครอง)

อิ่มหนำสำราญแล้ว ก็ขึ้นมาที่ชั้น 2 ตรงประตู 4 แล้วมองหาป้ายโรงแรม The Phoenix แจ้งพนักงานว่ามีจองเข้าพักวันนี้ ยืนจิ้มไอแพดรอประมาณ 15 นาที รถตู้โรงแรมก็มารับไปเช็คอิน เมืองไทยนี่สะดวกสบายเสียจริง จองโรงแรมราคาไม่กี่ร้อยบาทใกล้ๆสนามบินก็มีบริการรถรับส่งฟรีแถมให้ด้วย แถมใกล้ๆโรงแรมเดินออกมาถนนลาดกระบัง ก็มีของกินและร้านสะดวกซื้อเพียบ สมแล้วกับที่ได้รับการจัดอันดับจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกว่า "เป็นเมืองแห่ง Street Food ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก"

เช้าวันเสาร์ที่ 10 ผมตื่นเช้าหน่อยประมาณ 8 โมงเช้า ฝากกระเป๋าลากใบใหญ่ไว้ที่โรงแรม ค่อยกลับมาเอาอีกทีวันอาทิตย์ จากนั้นใช้บริการรถรับส่งของโรงแรมไปสนามบินสุวรรณภูมิอีกรอบ เนื่องจากเสาร์-อาทิตย์นี้ มีเวลาว่าง จะอยู่กรุงเทพฯเฉยๆก็เบื่อแย่ เลยจัดการวางแผนไปเชียงใหม่และแม่ฮ่องสอนเสียเลย

แปดโมงครึ่งก็มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ตรงดิ่งไปเคาเตอร์เช็คอินทางอินเตอร์เน็ตของบางกอกแอร์เวย์ ซึ่งมีคนน้อยมาก ก็เราทำ Web Check In มาแล้วนิ เรื่องอะไรจะไปต่อแถวเช็คอินปกติให้เสียเวลา ไปขอ Reprint Boarding Pass ใหม่ แล้วเดินเข้าไปกินกาแฟ ข้าวต้มมัดที่ Boutique Lounge ของบางกอกแอร์เวย์ รอเวลาขึ้นเครื่องอย่างสบายใจเฉิบ

อันนี้เป็นเคล็ดลับอย่างหนึ่งหากไม่ต้องการต่อแถวยาวเพื่อเช็คอินที่สนามบิน ให้ทำ Web Check In มาให้เรียบร้อย เพราะเคาเตอร์ Drop กระเป๋าสำหรับคนทำเช็คอินมาแล้วคนจะน้อยมาก หรือหากปรินท์ Boarding Pass มาจากบ้านแล้ว และไม่มีกระเป๋าโหลด ก็สามารถเดินตัวปลิวเข้าไปรอขึ้นเครื่องที่เกทได้เลย หลายๆสายการบิน สามารถแสดง Mobile Boarding Pass สำหรับขึ้นเครื่องได้เลย ไม่ต้องปรินท์ให้เปลืองกระดาษ ลดโลกร้อนไปได้อีก

พูดถึงสายกินบางกอกแอร์เวย์เสียหน่อย ผมว่าเป็นสายการบินที่ดีที่สุดในประเทศไทย และในภูมิภาค (Best Regional Airline) ได้รับรางวัลการันตีหลายปีซ้อน ไม่ใช่เพราะเป็น Full Service แล้วตั๋วจะต้องแพงนะ หลังๆสายการบินนี้ออกโปรโมชั่นถี่มาก จ่ายไปในราคา 700-800 บาทก็ได้บินแบบ "จัดเต็ม" สามารถโหลดกระเป๋าได้ถึง 20 กิโลกรัม มีห้องรับรองสำหรับผู้โดยสารทุกคนระหว่างรอเครื่อง มีอาหารและเครื่องดื่มบริการบนเครื่องชนิดที่ว่า "สามารถฝากท้องได้เลย" ผิดกับสายการบิน Full Service ของยุโรป ที่จองตั๋วในประเทศ บิน 1 ชั่วโมง ราคาก็ไม่ถูก แถมมีน้ำเปล่าหรือกาแฟให้กินบนเครื่องแก้วเดียวเอง (เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง)

เครื่องออกจากสุวรรณภูมิประมาณ 10 โมงเช้า ถึงเชียงใหม่ประมาณ 11 โมงกว่า จัดการโทร.หาให้โรงแรม The Airport Greenery ส่งรถตู้มารับฟรีที่สนามบิน โรงแรมนี้อยู่ใกล้ๆกับ Central Plaza Airport มารับฟรี แต่ไปส่งสนามบินคิด 50 บาทต่อท่าน ถือว่าเป็นตัวเลือกหนึ่งของคนที่ต้องการที่พักสะดวกๆ ใกล้สนามบินและห้างสรรพสินค้า

เช็คอินนอนเอาแรงได้ 2 ชั่วโมงก็ออกเดินจากโรงแรมไปสนามบินเชียงใหม่ ระยะทาง 1 กม. ใช้เวลา 10-15 นาทีก็ถึงแล้ว เย็นวันนี้จะบินไปชมวิวภูเขาที่แม่ฮ่องสอนเสียหน่อย การบินของวันนี้เป็นแบบ Quick Tern คือไปแล้วกลับเลย หลายคนอาจจะงง สามารถทำแบบนี้ได้ด้วยหรือ เพราะปกติสายการบินไม่อนุญาตให้จองตัวแบบไปแล้วกลับเลย

เรามีเคล็ดลับมาฝาก คือจองตั๋วแยกเป็น 2 บุคกิ้ง ขาไปและขากลับอย่างละ 1 บุคกิ้ง เสร็จแล้วทำ Mobile หรือ Web Check In ขากลับให้เรียบร้อย ถ้าปรินท์ไปจากบ้านได้ก็ดี แต่ผมใช้วิธีเช็คอินทางมือถือไปก่อน พอลงเครื่องที่สนามบินแม่ฮ่องสอนปุ๊บ เครื่องบินจะจอดอยู่ที่นั่นประมาณ 45 นาทีก่อนจะบินกลับ เรามีเวลาถมเถสำหรับการเดินออกจากเครื่องทางขาเข้า (Arrival) แล้วไปติดต่อขอ Reprint Boarding Pass ที่เคาเตอร์เช็คอิน จากนั้นก็เดินไปผ่าน X-ray ที่ขาออก (Departure) ได้เลย  การทำเยี่ยงนี้เหมาะสำหรับสนามบินเล็กๆในประเทศ ห้ามทำกับเที่ยวบินระหว่างประเทศ ที่คุณจะต้องผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง แล้วเช็คอินออกไปขึ้นเครื่องใหม่ ซึ่งยังไงก็ไม่ทัน

ถามว่าแล้วผม "บ้า" บินมาแล้วบินกลับทำไม คำตอบคือ ชอบดูวิวภูเขาสลับซับซ้อนระหว่างเชียงใหม่และแม่ฮ่องสอน และอีกอย่าง กำลัง "เก็บแต้ม" ของสายการบินให้ครบเพื่อจะได้เลื่อนระดับสมาชิกสะสมคะแนนเสียที

เที่ยวบินเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน นี่น่าจะเป็นเที่ยวบินที่สั้นที่สุดของบางกอกแอร์เวย์แระ เพราะเส้นทางบินภูเก็ต-หาดใหญ่ ยังใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าจะถึงปลายทาง เรียกว่าบินไปแม่ฮ่องสอนนี่ พอเครื่องขึ้น พนักงานต้อนรับแจกแซนวิส แจกเครื่องดื่ม ยังกินไม่ทันเลย ต้องเตรียมตัวลงแระ

15.35 น. ออกจากเชียงใหม่ 16.20 น.ก็ถึงแม่ฮ่องสอน จริงๆถึงก่อนเวลาเสียอีก จากนั้น 17.05 ก็บินกลับจากแม่ฮ่องสอน มาถึงเชียงใหม่ในเวลา 17.45 น.

ลงเครื่องที่เชียงใหม่ เราก็ใช้บริการรถ "ก้าวก้าว" (เดินสิครับ แหะๆ) จากสนามบินไปถึงโรงแรม แล้วเดินต่อไปถนนคนเดินวัวลายต่อ วันนี้โชคดี เป็นวันเสาร์ จะมีถนนคนเดินที่นี่ ส่วนวันอาทิตย์จะมีที่แถวๆท่าแพ (ถนนราชดำเนิน) 

มาเชียงใหม่ตั้งหลายครั้งแล้ว ไม่เคยแวะชมอุโบสถเงิน วัดศรีสุพรรณ ตรงถนนวัวลายสักที ถนนวัวลายนี่ขึ้นชื่อเรื่อง "การทำเครื่องเงิน" จึงไม่แปลกที่เราจะเป็นอุโบสถและพระพุทธรูปและสถาปัตยกรรมแบบล้านนาภายในวัดที่ "ทำด้วยเงิน" เข้าไปไหว้พระ ทำบุญ แล้วออกมาช้อปปิ้งของฝาก สำหรับครอบครัวชาวเยอรมันที่เราจะไปเยี่ยมเยียนและไปพักอาศัยด้วย ได้ดอกกล้วยไม้ประดิษฐ์ช่อขนาดกลางกับกล่องใส่ทิชชูรูปช้าง และผ้าพันคอ/ผ้าคลุมใหล่ในราคา "มิตรภาพ" มากๆ

หลังจากไปหลายๆประเทศทั้งอาเซียน เอเชีย และไกลๆอย่างรัสเซียแล้ว ก็ไม่แปลกใจเลยที่ทำไม่เมืองไทยจึงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว เราคนไทยเองยังรู้สึกได้เลยว่า "การอยู่ การกิน การเที่ยว การเดินทาง" ในบ้านเรานี้ "แสนถูกและคุ้มค่าเงินมากๆ"

กลับไปนอนพักผ่อนที่โรงแรม เพื่อรอกลับกรุงเทพฯในวันพรุ่งนี้ มาเชียงใหม่ไม่เสียเที่ยว เพราะได้ของฝากติดไม้ติดมือไปยุโรปแระ...

ตัดกลับมาวันอาทิตย์ที่ 11 ผมแบกเป้ 1 ใบ ใส่ของฝากที่ซื้อจากถนนคนเดินวัวลายไปสนามบินตั้งแต่ก่อนเที่ยง มีเวลาประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าเครื่องบางกอกแอร์เวย์เที่ยว 14.40 จะออกเดินทางไปกรุงเทพฯ..บิน Boutique Airline ก็ดียังงี้แหละ นั่งรอเครื่องที่ Boutique Lounge ก็จิบกาแฟไป กินข้าวต้มมัดไปพลางๆ

ไม่ทันได้กินกาแฟหมดแก้ว สาวเสื้อฟ้า (Ground Staff) จากบางกอกแอร์เวย์ก็เดินมาถามว่า "ผู้โดยสารมี Boarding Pass เที่ยว 14.40 ใช่ไหมคะ ต้องการจะบินเร็วขึ้นเป็นเที่ยว 12.00 ไหมคะ" เราถามกลับไป "เที่ยว 14.40 Over Booking เหรอครับ" พนักงานยิ้มๆแล้วตอบว่าค่ะ เรารีบตอบตกลงทันที ไม่อยากรออีก 3 ชั่วโมง กว่าจะไปถึงสุวรรณภูมิก็เย็นพอดี คืนนี้จะต้องไปนอนแถวดอนเมือง เพื่อรอขึ้นเครื่องมาลินโดแอร์ไปกัวลาลัมเปอร์อีก ไปเร็วจะได้พักเยอะๆหน่อย

สักพักสาวเสื้อฟ้าคนเดิมก็เอา Boarding Pass ใบใหม่มาให้ เป็นเที่ยวเที่ยงกว่าๆ สรุปกาแฟกะข้าวต้มมัดไม่ได้ทันได้กิน ไปกินข้าวเที่ยงบนเครื่องแทน ได้เวลามื้อกลางวันพอดี

ถึงสุวรรณภูมิประมาณบ่ายโมงครึ่ง น้องที่น่ารักที่กรุงเทพฯอาสาขับรถไปรับกระเป๋าใบใหญ่ที่ฝากไว้โรงแรม The Phoenix แล้วแวะมารับเราที่สุวรรณภูมิ ก่อนจะไปส่งที่ 48 Ville ตรงถนนพหลโยธินซอย 48 ซึ่งกำลังมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายไหนก็ไม่รู้ จากห้าแยกลาดพร้าวไปคูคต ทำรถติดมากๆ

ถึงที่พักก็สาละวนกับการจัดของลงกระเป๋า ตอนแรกกะว่าจะ "ยัด" ทุกอย่างลงกระเป๋าขนาด 24 นิ้วให้หมด แต่พระเจ้าช่วยกล้วยทอด ทำยังไงก็พอใส่ เพราะทุเรียนทอดเกือบ 10 กิโล กินเนื้อที่ในกระเป๋าหมดแระ ไม่มีที่ว่างสำหรับเสื้อผ้าเราและของฝากอย่างอื่น เช่น น้ำพริกเผาสูตรต่างๆ มะตูมตากแห้ง ฯลฯ เลย

ดีที่น้องมีกระเป๋าขนาด 20 นิ้วอีก 1 ใบที่เราฝากไว้ติดรถมาด้วย เลยจัดของที่เหลือใส่ใบนี้จนหมด

สรุปน้ำหนักกระเป๋า 2 ใบ 30 กิโลกรัมพอดีเป๊ะๆ ตามที่การบินไทยอนุญาต ส่วนเป้อีกใบก็ใส่ของฝากเบาๆสะพายหลังเอา ไปยุโรปคราวนี้ มีเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวประมาณ 5 กิโลเอง ที่เหลือเป็น "ของฝาก" ทั้งนั้น แอบกังวลเล็กน้อย จะโดนศุลกากรที่เยอรมันค้นกระเป๋าไหมเนี่ย ถ้าโดนยึดทุเรียนทอดละก็ "เสียหายหลายแสนเลย"

จัดกระเป๋าเสร็จก็โล่งใจ แต่แอบกังวลเรื่องการเช็คอินที่สนามบินกัวลาไปแฟรงค์เฟริร์ตเล็กๆ การบินไทยให้โหลดได้ 30 กิโล แต่ต่อเครื่องลุฟฮันซ่าในประเทศมีน้ำหนักกระเป๋า 20 กิโล จะมีปัญหามั้ยนะ...

...นอนก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน แก้ปัญหาเป็นสเต็ปๆ ไป

ATR Seat
ที่นั่งภายในเครื่อง ATR จากเชียงใหม่ไปแม่ฮ่องสอน

แม่ฮ่องสอน

วิวภูเขาก่อนระหว่างทาง หน้าฝนก็จะเขียวขจี มีหมอกบางๆในบางโอกาส

สนามบินแม่ฮ่องสอน

ถ่ายจากรันเวย์

ATR

ใช้บริการลำเดิม ลงเครื่องแล้วกลับเลย

วัดศรีสุพรรณ

พระอุโบสถเงิน วัดศรีสุพรรณ ถนนวัวลาย เชียงใหม่

หมายเลขบันทึก: 632651เขียนเมื่อ 5 สิงหาคม 2017 22:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 สิงหาคม 2017 16:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ถือว่านักเดินทางจริงๆ สงสัยถึงเยอรมันแล้วนะคะ

กลับมาตั้งแต่ปลาย มิย.แล้วครับ รีวิวย้อนหลัง ขอบคุณที่ติดตามครับ

แม่ฮ่องสอน เป็นอย่างไรบ้างครับ ;)...

โดยส่วนตัว ผมไปหลายรอบแล้ว เงียบสงบและสวยงามดีครับ วัดเป็นแบบพม่า ไม่ใช่ล้านนาเหมือนเชียงใหม่ การเดินทางก็สะดวกสบาย บางกอกแอร์บินวันละ 2 เที่ยว กานต์แอร์วันละ 3 เที่ยว 

ในเมืองที่อยู่ที่กินก็เยอะ เดินเที่ยวหรือปั่นจักรยานสบายๆ ส่วนนอกเมือง ปางอุ๋ง ปางตอง บ้านรักไทย วังปลา ภูโคลน หรือแช่นำ้แร่ก็น่าสนใจ ถ้ำแก้วโกมลนี่ ผมชอบมากครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท