ในช่วงที่หลายจังหวัดในภาคอีสานเจอวิกฤตอุทกภัย ผมและทีมงานก็มิได้นั่งดูดาย เป็นการไม่ดูดายบนฐานคิด “เพราะโลกไม่ได้สอนให้เราทิ้งใครให้อยู่คนเดียว” หรือกระทั่ง “โลกไม่เงียบเหงาเพราะมีคนและเรื่องราวให้คิดถึง”
ผมไม่ได้ถอยกลับไปจับงานเหล่านี้โดยตรงเหมือนดังในอดีต จะด้วยในสถานะด้านการงาน หรือสังขารที่ถดถอยเข้าวัยที่ต้องเก็บแรงกายและแรงคิดไว้ “สอนงานสร้างทีม” มากกว่าการต้อง “คิดและทำ” หรือ “คิดและลุยทำ” อะไรๆ อย่างบ้าระห่ำด้วยตนเองตามแบบฉบับ “ใจนำพาศรัทธานำทาง” เหมือนดังเก่าก่อน
การงานครั้งนี้ผมมอบหมายให้ “จิรัฎฐ์ อภิวิชญ์ทีปกร” เจ้าหน้าที่ในต้นสังกัดเป็นผู้ดูแลและรับผิดชอบเรื่องช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ทว่าเป็นการมอบหมายในเชิงของการเป็น “พี่เลี้ยง” อันหมายถึงหนุนเสริมกระบวนการขับเคลื่อนของ “นิสิต” เป็นหัวใจหลัก กล่าวคือเน้นระบบและกลไกกระตุกกระตุ้นให้นิสิตตื่นตัวต่อเรื่องจิตอาสา-จิตสาธารณะในครั้งนี้ให้ได้มากที่สุด โดยการตระหนักถึงความเป็นพี่เลี้ยงบนฐานคิดเดิมๆ ที่ผมปักเป็นหมุดไว้เมื่อหลายปีก่อน ดังว่า “พูดให้ฟัง ทำให้ดู อยู่เป็นเพื่อน”
ในระยะต้นๆ ผมเฝ้าดูอยู่ห่างๆ ตัดสินใจไม่เข้าไปคลุกในเวทีการประชุมระหว่างผู้บริหารกับเจ้าหน้าที่และนิสิต กระนั้นก็มิได้พาตัวเองตัดขาดออกไปจากระบบเหล่านั้น ตรงกันข้ามกลับเน้นการให้คำปรึกษาและติดตามงานผ่านเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง
เช่นเดียวกับเมื่อนิสิตที่มักคุ้นติดต่อเข้ามา ผมก็จะเชื่อมโยงไปยังกลุ่มคนที่ทำเรื่องนี้ บอกย้ำและเชิญชวนให้นิสิตเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งกับพลังดังกล่าว พร้อมๆ กับการสื่อสารไปยังกลุ่มแกนหลักให้รู้ว่าจะมีใครอยากเข้าไปผนึกเป็นกำลังร่วมกับพวกเขาเพิ่มเติมอีกบ้าง
จนแล้วจนรอด จิรัฎฐ์ฯ ก็นำพานิสิตเข้ามาพบเป็นการส่วนตัว เพื่อปรึกษาหารือและขอคำแนะนำในการขับเคลื่อนกระบวนการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในภาคอีสาน ---
ผมพูดคุยในหลายเรื่อง ปูพรมเรื่องประวัติศาสตร์พลังของนิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคามที่มีต่อชุมชนรอบมหาวิทยาลัยจนเป็นที่มาของวาทกรรมที่ผมเขียนขึ้นว่า “เพราะมหาวิทยาลัยเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน” หรือ “น้ำท่วมชาวบ้านจะให้ฉันสุขสำราญได้อย่างไร” หรือแม้แต่บอกย้ำให้ลองเข้าอ่านเพิ่มเติมที่ผมเขียนไว้ใน Gotoknow.org เพื่อนำมาประยุกต์ใช้เป็นชุดความรู้กับครั้งนี้ หรือแม้แต่เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการขับเคลื่อนงาน
แต่ที่แน่ๆ สิ่งที่ผมย้ำกับนิสิตและเจ้าหน้าที่อย่างหนักแน่นในหลายประเด็น เป็นต้นว่า
นั่นเป็นเพียงเศษเสี้ยวจากเรื่องมากมายก่ายกองที่ผมพูดกับเจ้าหน้าที่และนิสิต หรือแม้แต่การแลกเปลี่ยนกับผู้บริหาร
ผมยังย้ำว่าการงานในครั้งนี้ผมถอยออกมาอยู่อยู่ใกล้ๆ ย้ำว่าเป็นการ “เฝ้ามองอยู่ใกล้ๆ” มิใช่ห่างจนมองไม่เห็น หรือใกล้จนพวกเขาไม่มีอิสระที่จะออกแบบการเรียนรู้คู่บริการด้วยตนเอง
ผมบอกย้ำให้เจ้าหน้าที่และนิสิตตั้งชื่อกลุ่มกันเอง สร้างสื่อกันเอง ออกแบบกิจกรรมระดมทุนกันเอง ออกแบบการสร้างเครือข่าย ผนึกเครือข่ายกันเอง เลือกพื้นที่ในการลงชุมชนกันเอง เปิดบัญชี หรือจัดแจงเรื่องบัญชีกันเอง ฯลฯ
ก็ไม่รู้นะ— ผมอยากให้เขาเป็นพระเอกและนางเอกด้วยตนเอง ได้คิดและได้ทำในสิ่งที่เขาพึงใจปรารถนา ซึ่งผมย้ำตรงนี้ว่าผมไม่ดูดายเพิกเฉย หรือเย็นชาต่อวิถีอันดีงามของพวกเขา เพราะยังติดตามทั้งในระบบและนอกระบบเป็นระยะๆ รวมถึงเมื่อถึงเวลาอันเหมาะควรก็เข้าไปร่วมประชุมเพื่อจัดระบบโครงสร้างทีมทำงานให้พวกเขา มอบหมายและสั่งการในบางเรื่องที่คิดว่าเกินเรี่ยวแรงที่พวกเขาจะคิดได้หรือทำได้ด้วยตนเอง
หรือแม้แต่เข้าไปสอนงานในแบบฉบับของผม ที่มีทั้ง "หวานแหว๋ว และโหด-ฮา" รวมถึงเติมความรู้และข้อมูลในเรื่องที่เกี่ยวข้องเล็กๆ น้อยๆ พอประมาณ เพื่อให้พวกเขามีทุนทางปัญญา หรือข้อมูลในการ "ไปต่อ" ทั้งโดยการเรียนรู้เพิ่มเติมและการลุยงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยฯ
ก็ไม่รู้สิ - ใครจะว่ายังไงก็ช่างเถอะ แต่สำหรับผมแล้ว นี่คืออีกหนึ่งวิธีการสอนงานสร้างทีมในแบบของผม - เป็นอาการสอนกระบวนการที่จะเป็นอาสาสมัครผ่านการสอนแบบไม่สอน กำกับแบบไม่กำกับ ชมแบบไม่ชม ดูแบบไม่ดู ....แต่เน้นการลงมือทำ เรียนรู้ผ่านสถานการณ์จริงและทำกันในแบบเป็นทีม
หมายเหตุ
เขียน : 4 สิงหาคม 2560
ภาพ : พนัส ปรีวาสนา/จิรัฎฐ์ อภิวิชญ์ทีปกร/อติรุจ อัคมูล/นิสิตจิตอาสา/เครือข่ายนิสิตจิตอาสาเพื่อสังคม
"ต้น สาย ปลายเหตุ"..น้ำท่วม..ไม่เคย..เห็นถูกหยิบยก..ขึ้นมาเป็นบริบท..อย่างที่คุณ แผ่นดิน..สรรค์ไว้..อยาก และอยาก..รู้แลเห็น..เหมือนกัน..เจ้าค่ะ..(อยู่ไกล..ได้ยิน..แลเห็นจากเฟสบุ้ค..ว่า..สันเขื่อน..กักน้ำ..พัง)
เป็นสาเหตุ..ที่ไม่ยอมกล่าวถึง..ใช่รึเปล่า..(หาก..ใช่..มิใช่จะรู้ เพื่อกล่าวโทษซึ่งกันและกัน..อย่างที่เห็นเป็นข่าว...)แต่ทว่า..การเสนอข่าว..การป้องกัน..การอพยพ..ควร..มีมาแต่เนิ่นๆ..ชาวบ้าน ที่ช่วย..ตัวตัวเองไม่ได้มีมากมาย..
มีตัวเลขมากมาย..ที่สามารถ..คำนวนได้,,จำนวนน้ำ เวลา ที่จะมา..เรามีกรม..ชลประทาน..อิอิ..-??!!!..ที่ต้องรับผิดชอบ..เรื่อง..ทำให้ประชาชน..รู้..อย่างเที่ยงตรง...
เห็นอยู่เหมือนกัน..ในเฟสบุ้ค..ว่า..มีน้ำกี่ล้านลูกบาศก์..ที่ท่วมจมูก..ประชาชนบ้านและนาข้าว..สัตว์เลี้ยง.ถนนหนทาง..(หลังน้ำท่วม)..???!!!...
ผู้สร้างแรงบันดาลใจ / ผู้กำกับ / พี่เลี้ยง / ผู้ปิดทองหลังพระ
อะไรก็ได้ ที่นิสิตคิดเป็น ลงมือทำเอง จะดี / ร้าย ... เรียนได้จากทุกสิ่ง
เป็นบทเรียนในช่วงชีวิตที่กำลังแสวงหาตัวตน ... คนอาสาจิตใจดีเพื่อสาธารณะ
ชื่นชมกระบวนการสร้างคนค่ะ
ใช่ครับ คุณยายธี
หลายประเด็นเป็นตามนั้นครับ บางอย่างก็ก็กล่าวถึงไว้ในนี้ไม่ได้ บ้านเมืองเรายังขาดภูมิคุ้มกัน หรือระบบการป้องกันภัยพิบัติที่เป็นรูปธรรมและถือปฏิบัติกันในเชิงวัฒนธรรม ปล่อยให้เหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วแก้ปัญหากันหน้างาน พอเสร็จสิ้นก็ขาดการถอดบทเรียนอย่างจริงจังและขยายผลไปยังส่วนต่างๆ ....
หรือแม้แต่ระบบการก่อสร้างปลูกสร้างสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือน คูคลอง ฝาย ก็เกี่ยวโยงกับปัญหานี้ทั้งนั้น หมดยุคที่จะร่ำไรว่ามาจากการโค่นป่าทำลายป่าไม้สถานเดียวแล้วครับ