..
ผมยังจำถ้อยคำที่พูดกับนักศึกษาฯในวันนั้นได้ดี
..
ณ เวลานั้นที่ผมอ่านความรู้สึกของนักศึกษา.. ความรู้สึกที่พวกเขาเหล่านั้นเขียนลงไปในกระดาษใบนั้น... ยื่นส่งให้ผม
..
..
เมื่อผมรับมันมาแล้ว...ผมได้พูดขึ้นว่า...
..
..
"สิ่งที่อาจารย์ได้รับสิ่งนี้...มันคือสิ่งแทนตัวของพวกเราทุกคน
จิตวิญญาณของพวกเราอยู่ในกระดาษใบนี้
..
..
จะมีใครสักกี่คนกันที่ได้ยืนพูด....แสดงความรู้สึกของตัวเองต่อหน้ารูปพระอาจารย์หลวงพ่อฯ
คำพูด...ที่พวกเราได้เขียนเล่าเรื่องราว ความเป็นไปในชีวิตของตัวเอง ด้วยความตั้งใจอย่างแน่วแน่ ... ลงบนกระดาษแผ่นนี้
..
..
กระดาษแผ่นนี้.. มันอาจมองไร้ค่า เมื่อหน้ากระดาษมันว่างเปล่า แต่เมื่อมันถูกบรรจุด้วยถ้อยคำที่พวกเราเขียนลงไปแล้ว ...มันกลับทำให้กระดาษแผ่นนี้มีค่า...อย่างน่าอัศจรรย์ใจ
..
..
อาจารย์..ได้เห็นหัวใจที่ใฝ่ดีของพวกเรา...อยู่ในกระดาษแผ่นนี้
และอาจารย์เชื่อนะว่า...สิ่งที่พวกเราเขียนลงไปนั้น .. มันคือสิ่งแทนตัวของพวกเราทุกคน
..
..
ผู้คนภายนอก อาจมองว่า พวกเรานั้น..เป็นคนไม่มีหัวใจ เป็นคนที่หัวใจแข็งกระด้าง ..เพราะว่าวันนี้พวกเขาไม่ได้สัมผัสห้วงคิดคำนึงของพวกเรา
..
..
หากพวกเขาได้ฟังสิ่งที่พวกเราคิดและพูด พวกเขาจะรับรู้ได้ว่า.. พวกเราก็มีหัวใจ หัวใจของพวกเราไม่ใช่เป็นหัวใจที่แข็งกระด้าง อย่างที่พวกเขาคิด....
..
..
สิ่งหนึ่งที่ทำให้นักศึกษาทุกคน เปลี่ยนไป นั้นก็คือ.."สมาธิ..สมาธิยกใจสู่สวรรค์ ที่พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ฯท่านได้มีเมตตามอบให้กับพวกเราทุกคน
..
..
ผมได้เห็นนักศึกษาหลายคน... เอามือปาดน้ำตา บางคนน้ำตาคลอเป้า
..
..
มันมีความสุขอย่างประหลาดนะครับ ที่ชีวิตหนึ่งนั้น...เราได้ทำอะไรที่มีค่า..เพื่อผู้อื่น
..
..
ปล.ผู้เขียนได้ถ่ายรายมือของนักศึกษาคนหนึ่งลงมาให้อ่านคร่าว ๆ เพื่อให้เห็นความตั้งใจของเขา รวมถึงได้มีนักศึกษาคนหนึ่งในเรือนจำกลางสุราษฎร์ธานีแห่งนี้ ประพันธ์คำขอบคุณพระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ฯ เอาไว้
..
ขอนำมาให้อ่าน.. เพราะผู้เขียนอ่านแล้วอดประทับใจไม่ได้ครับ...และผู้เขียนเชื่อว่าสิ่งที่พระอาจารย์หลวงพ่อฯมอบให้พวกเขาเหล่านี้นั้น กัลยาณมิตรท่านหนึ่งของผู้เขียนพูดว่า...."จะทำให้พวกเขากลับคืนออกไปสู่สังคม .. ได้อย่างมีคุณค่า และมีพื้นที่ยืนอยู่ได้ในสังคมอย่างสันติสุข" ครับ
ทึ่งการทำงานเพื่อสังคมของพี่มาก
ขอบคุณมากๆครับ
สาธุๆ