ระลึกถึงสมภารวัดวังตะวันตก อ.เมือง นครศรีธรรมราช


สื่อนำเสนอกรณีสามเณรรูปหนึ่งโดนฆาตกรรมแล้วฝังศพไว้ที่วัดวังตะวันตก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช สิ่งที่ทำให้ผมสนใจสื่อนี้คือ (๑) วัดวังตะวันตก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช (๒) นักบวชในพุทธศาสนาถูกฆาตกรรม

เรา ๔ คนคือ บุญธรรม ดร.โสภณ ท่านครูฯปุ๊ และผม ได้ยกเหตุนี้มาคุยกันในไลน์กลุ่ม ด้วยว่า วัดแห่งนี้เป็นวัดที่เราเคยพึ่งพาอาศัยอย่างน้อย ๔ ปี สำหรับการศึกษาหาความรู้จากสถาบันการศึกษาในจังหวัดนครศรีธรรมราช เราไม่ได้อาศัยเพียงอย่างเดียว หากแต่ได้ดูแลเอาใจใส่วัดแห่งนี้มาในระดับหนึ่ง เช่น การสอนหนังสือให้พระเณรที่อาศัยอยู่ในวัดเดียวกัน การดูแลอาคารสถานที่ของวัดซึ่งสร้างโดยกำลังศรัทธาของชาวบ้าน การปรับพื้นที่วัดให้ดูเรียบ สะอาด เหมาะสมกับความเป็น"อาราม" ฯลฯ การจัดกิจกรรมเพื่ออนุรักษ์และส่งเสริมทางศาสนา ดังนั้น ความผูกพันกับวัดแห่งนี้จึงมีไม่น้อย เมื่อเราเดินออกจากวัดแห่งนี้ไปสู่ชะตากรรมใหม่ เราจึงหวนคิดและระลึกถึงวัดแห่งนี้เสมอมา บุญธรรมอยู่กลางทะเลกับบริษัทน้ำมัน ดร.โสภณ สอนที่โรงเรียนปริยัติธรรมสามัญฯ (ปัจจุบันเพิ่งเข้าเป็นอาจารย์ในมรภ.) พระครูฯปุ๊ อยู่สงขลา ผมอยู่ที่ปทุมธานี ผมจึงน่าจะเดินทางมาเยี่ยมเยียนวัดแห่งนี้ได้ยากกว่าท่านทั้ง ๓ แต่ผมแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนวัดแห่งนี้หลายครั้ง พบว่า ทุกอย่างภายในวัดเปลี่ยนแปลงไปมาก เมื่อเข้ามาภายในวัดต้องเสียค่าที่จอดรถ ซึ่งเดิมทีเรานี่เองที่ช่วยถมทรายและเกลี่ยทรายภายในวัด เพราะโดยปกติอาจารย์ (อดีตสมภารวัดวังตะวันตก/อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราชฝ่ายมหานิกาย) จะสั่งทรายมาถมเสมอ แล้วช่วยกันเกลี่ยปรับหน้าดินให้ดูสะอาดราบเรียบ เป็นที่รื่นรมย์สำหรับชาวบ้านที่เข้ามาในวัดและเดินผ่านวัด นอกจากนั้น ทุกเช้าอาจารย์จะมีไม้คราด (ทำจากไม้ไผ่) คราดขยะและปรับพื้นที่เป็นหลุม ท่านไม่ขอความช่วยเหลือและไม่รบกวนใคร แม้จะมีสามเณรมาทำแทน ท่านจะบอกสามเณรว่าไม่ต้องช่วย แต่ให้คิดทำด้วยตนเองตามความเหมาะสม ท่านเป็นคนขยันขันแข็ง วันเสาร์อาทิตย์ที่เราว่างเว้นจากเรียนหนังสือ ท่านให้เราทำโครงการไปสอนหนังสือเด็กๆที่วัดคีรีวง อ.ลานสกา โดยท่านจะออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดทั้งค่าน้ำมันรถ ค่าอาหารเด็กๆ ผมทำโครงการรถรับส่งพระเณรเรียนหนังสือ (ที่โรงเรียนปริยัติฯวัดสระเรียง) ท่านสนับสนุนค่าใช้จ่ายทั้งหมดเช่นกัน กล่าวได้ว่า อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับการศึกษาท่านจะสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง แม้ตัวท่านเองก็เป็นต้นแบบอย่างทางการศึกษาให้กับพวกเรา ในด้านการปฏิบัติ ผมไม่เคยพบว่าท่านปฏิบัติตนนอกร่องรอยความเป็นนักบวชในพุทธศาสนา ไม่เคยได้ยินท่านพูดจาให้ร้ายใคร ท่านมักจะอยู่นิ่งๆ ทำหน้าที่ตามบทบาทที่สังคมวางไว้

หลังจากออกมาจากวัดวังตะวันตก ผมหวนกลับไปแวะเพื่อจะเยี่ยมเยียนท่านหลายคน แต่ทุกหนที่เดินทางไกลมาเพื่อเป้าหมายนี้ ไม่เคยได้พบปะท่านเลย เดินไปดูที่กุฏิ จะมีกุญแจล็อกภายนอกทุกครั้ง จึงทำให้เข้าใจว่า ท่านไม่อยู่ ท่านเคยเป็นเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราชมาก่อน ซึ่งถือว่าเป็นตำแหน่งทางการปกครองของคณะสงฆ์ไทย ผมอยู่ในช่วงเหตุการณ์หวยออกว่า ฝ่ายการปกครองคณะสงฆ์ระดับสูงจะให้ใครเป็นเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช ช่วงนี้ดูจะวุ่นวายพอสมควร (เป็นช่วงที่ผมเป็นผู้ใหม่ในวงการนักบวชในพุทธศาสนาในจังหวัดนครศรีธรรมราช) ได้รับรู้ว่า มีการแบ่งออกเป็น ๒ พรรค (นักบวชฝ่ายมหานิกาย) คือพรรคเทพ และพรรคมาร โดยพรรคเทพคือกลุ่มนักบวชฯที่อยู่ในเครือข่ายของพระเทพ... (เท่าที่สังเกตโดยส่วนตัวของท่านไม่ได้นอกลู่นอกทาง แต่คนที่ทำงานให้ต่างหากที่คนไม่อยากพูดถึง) ส่วนพรรคมารคือนักบวชที่ไม่เห็นด้วยกับพรรคเทพ คำว่า "พรรคมาร" ไม่ได้หมายถึงกลุ่มนักบวชเหล่านี้เป็นฝ่ายชั่วร้ายหรือนอกลู่นอกทางใดๆ หากแต่เป็นการตั้งเปรียบเทียบหนังจีนที่มีฝ่ายเทพและฝ่ายมาร และคำว่า "เทพ" ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นผู้คงไว้ซึ่งความดีงามอย่างที่หนังจีนเสนอออกมา อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเรียงคือบุคคลหนึ่งที่ผมยอมรับว่าเป็นคนสมองดี ปลีกตัวออกจากพรรคเทพแล้วไปตั้งโรงเรียนปริยัติฯ เพื่อรองรับพระภิกษุสามเณรลูกตาสีตาสาให้มีการศึกษา อย่างไรก็ตาม ระหว่างรอหวยออก มีการป้องกันภัยร้ายที่เกรงว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะกลั่นแกล้ง (เรื่องภายในแบบนี้ผมไม่เคยพบที่ใดมาก่อน) ชาวบ้านบางคนพกอาวุธมาคอยดูแลปกป้องฝ่ายวัดวังตะวันตก (ที่รู้เพราะผมอยู่ในวัดวังตะวันตก ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งนั้นผมไม่ทราบ เพราะโดยส่วนตัวไม่ชอบเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว และไม่เคยเห็นว่านักบวชควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับตำแหน่งการปกครองอะไรเทือกนั้น) โดยที่เจ้าอาวาสไม่รู้เรื่องนี้ หากแต่คนที่นับถือท่านจัดการกันเอง สุดท้ายหวยมาออกที่เจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก ได้รับตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นจังหวัดใหญ่ในภาคใต้ แต่ชีวิตของท่านก็ยังคงปฏิบัติกิจแบบปกติ คือยังคงโกยของเสียของสุนัข กวาดวัด เกลี่ยดิน ฯลฯ อีกอันหนึ่งที่อยากจะกล่าวไว้ซึ่งท่านปฏิบัติไม่ขาดคือ การโอวาทกล่าวสอนพระภิกษุสามเณรภายในวัดหลังฉันภัตตาหารเช้า เราได้แต่พูดกันลับหลังว่า "คนที่กระทำผิด ประพฤติไม่เรียบร้อย ไม่ได้โดนเทศน์ แต่คนที่ทำถูกจะโดนเทศน์" (เทศน์=เป็นคำที่ใช้แทนการถูกกล่าวสอนว่าอะไรดีอะไรไม่ดีซึ่งอาจเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่ายสำหรับคนที่กล่าวสอนไม่ได้ แต่คำกล่าวสอนดังกล่าวนี้เองที่ทำให้พวกเราตระหนักว่าอะไรดีอะไรไม่ดี) การที่ท่านกล่าวสอนพระภิกษุสามเณรภายในวัดทุกวัน แสดงถึงการเอาใจใส่ต่อทุกๆคนโดยไม่ได้นิ่งดูดาย ซึ่งทุกๆคนที่กล่าวถึงนี้ บางคนเป็นผู้เข้ามาอาศัยเพื่อเรียนหนังสือแล้วจากไปเมื่อเรียนจบทั้งนักบวชและฆราวาส

มีเหตุการณ์หนึ่งที่อยากบันทึกส่วนตัว อาจเป็นข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ช่วงการก่อตั้งโรงเรียนปริยัติฯวัดสระเรียง (ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีกับวัดวังตะวันตก เพราะหลังจากนั้นสามเณรที่จะเรียนโรงเรียนมัธยมจะเปลี่ยนจากที่เรียนเก่าเป็นที่เรียนแห่งใหม่คือโรงเรียนปริยัติฯวัดสระเรียงนี่เอง) ผู้จัดการโรงเรียนฯ ซื้อรถกระบะมา ๑ คัน (จำได้ว่าเป็นรถยี่ห้อมิตซูบิชิ ตอนครึ่ง) เพื่อใช้ในกิจการโรงเรียนโดยเขียนชื่อวัดติดไว้ที่รถ คืนหนึ่งรถถูกขโมย (กรณีขโมยรถไม่น่าจะเป็นไปได้สำหรับชาวบ้านทั่วไป) ผู้จัดการฯพูดว่า "ของเขาดี หมาไม่เห่าสักตัวเดียว" (ความเชื่อเรื่องเล่นของ/ไสยศาสตร์) แต่ท่านก็สืบเสาะเพื่อควานหาผู้ขโมยและติดตามไปจนถึงต้นตอเป็นผู้ปกครองเขตตำบลหนึ่ง แต่กว่าจะติดตามไปถึงต้นตอ รถก็ถูกส่งไปที่อื่นแล้ว จึงต้องหารถคันใหม่มาช่วยกิจการโรงเรียนและวัด (ก่อตั้งโรงเรียนด้วยไม่มีใครคิดว่าจะทำได้ เพื่อพิจารณาศักยภาพของวัดในเวลานั้น) หลายคนเข้าใจว่า นี่อาจเป็นการกลั่นแกล้งจากเครือข่ายของพรรคเทพ

ผมจากวัดวังตะวันตกหลายปี ท่องเที่ยวระเหเร่ร่อนตามอำนาจกรรม หลายคนกลับมาเยี่ยมเยียนที่เคยให้ตนมีชีวิตอยู่ รับรู้เป็นอันเดียวกันว่า วัดวังตะวันตกเปลี่ยนไปมาก อย่างไรก็ตาม เมื่อหลายปีที่ผ่านมา เจ้าคณะจังหวัดฯ ที่กล่าวถึงนี้ถูกยกให้เป็นที่ปรึกษา (ปลดออกจากเจ้าคณะจังหวัด) แล้วมีการแต่งตั้งเจ้าคณะจังหวัดรูปใหม่ซึ่งอยู่อีกวัดหนึ่ง (เท่าที่สังเกตโดยส่วนตัว ท่านอยู่ในสมณสารูป) สร้างความแปลกใจให้กับผู้ศรัทธาในเจ้าคณะจังหวัดรูปเก่าเป็นอย่างยิ่ง แต่ไม่มีใครค้านเพราะเป็นอำนาจฝ่ายปกครองสงฆ์ สุดท้ายเมื่อมีเหตุการณ์กรณีสามเณรที่เสียชีวิตไป ผมทราบว่าท่านไม่ได้เป็นเจ้าอาวาสแล้ว (ปกติพระภิกษุสายปกครองมักมรณะภาพขณะดำรงตำแหน่ง/อายุมากก็ยังคงดำรงตำแหน่ง ดูกรณีการปกครองระดับสูงสุดของคณะสงฆ์ไทย) เหตุการณ์ล่าสุดนี่เองที่ทำให้ผมและเพื่อนๆที่สามารถจะติดต่อกันได้ นัดกันไป (ตามเวลาและโอกาส) เพื่อกราบคารวะอดีตเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตกและอดีตเจ้าคณะจังหวัด ที่เราเชื่อมั่นว่าที่ผ่านมา ท่านเป็นคนสมถะ สะอาด เป็นระเบียบ มักน้อย สันโดษ นิ่ง สงบ ไม่เบียดเบียนใคร แบบอย่างแห่งวิชชาและจรณะอีกรูปหนึ่งของคณะสงฆ์ไทย


หมายเลขบันทึก: 629331เขียนเมื่อ 5 มิถุนายน 2017 08:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 มิถุนายน 2017 12:22 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท