ทำไมต้องรอรุ่นลูก


ได้รับการส่งต่อข้อความที่แสนยาวนี้มาผ่านทางไลน์

เวลาทานข้าวด้วยกัน ลูกเรา หยิบน้ำ หยิบช้อนให้คนอื่นๆด้วยไหม
หรือหยิบให้แต่ตัวเอง หรือหนักเข้าไปอีก รอให้คนอื่นหยิบให้
เวลากินข้าว อาหารมาเสริฟ์ลูกเรา กล่าวขอบคุณด้วยไหมหรือว่า แค่รับๆ มันไปแล้วไม่สนใจบริกร
เวลาเดินชนคนอื่นหรือทำอะไรผิดพลาดลูกเราขอโทษหรือมัวแต่ยืนโง่ๆ ไปงั้นๆ
เรื่องราวพวกนี้ดูเหมือนไม่สำคัญแต่มันคือ #ทักษะชีวิตที่โรงเรียนไม่ได้สอนและคงสอนไม่ได้เช่นกัน
เพราะมันต้องใช้เวลาใช้ความรัก ใ้ช้วิธีการที่ดีลูกเราจึงจะมี มันได้
เมื่อโรงเรียนสอนไม่ได้พ่อแม่คือคนสำคัญที่จะสอนสิ่งเหล่านี้
ขอบคุณ ขอโทษ ให้อภัยน้ำใจ ไมตรี การให้ การแบ่งปันความสามัคคี การอยู่กับผู้อื่นการแก้ปัญหา การตระหนักรู้ในตนเองทั้งหมดนี่ คือ ทักษะชีวิตที่ต่อให้เรียนเก่งก็ไร้ความหมายต่อโลกใบนี้
หมดยุคแล้ว ที่โลกต้องการเด็กเก่งแต่หากต้องการเด็กดีที่เข้ามาสร้างประเทศ สร้างโลกใบเดิมให้มันน่าอยู่มากกว่าเดิม
ประเทศเรา ต้องการวัยรุ่นที่มีทักษะชีวิตมากๆนะครับ
อย่าปล่อยให้ลูกวัยรุ่นเราสอบผ่านทุกวิชาแต่ดันมาสอบตก ในวิชาชีวิตอีกเลยนะครับ..ด้วยรักและเคารพ
CR. #เทรนเนอร์กบ

เกิดความรู้สึกเหมือนทุกครั้งที่ได้อ่านหรือได้ยินคนให้ความเห็นเกี่ยวกับเด็กสมัยนี้ มีหลายเสียงที่มักจะตั้งความหวังให้เด็กสร้างอนาคตที่ดีให้โลกนี้ อยากให้เด็กมีคุณสมบัติต่างๆนาๆ ด้วยเหตุผลว่าเพื่อเป็นอนาคตของสังคม

ความคิดที่เกิดคือ...ทำไมต้องรอเด็ก คนพูด คนออกความเห็นทั้งหลาย ควรจะลงมือทำทุกสิ่งทุกอย่างที่คาดหวังจะเห็นเด็กทำ คาดหวังว่าสิ่งเหล่านั้นจะสร้างสังคมที่ดีมีอนาคต ลงมือทำด้วยตนเองกันให้ถ้วนทั่ว ไม่ต้องไปสั่งสอนหรือคาดหวังกับเด็กๆหรอกค่ะ เราผู้ใหญ่ในสังคมนี่แหละที่ต้องทำทุกสิ่งอย่างที่เราคิดว่าจะสร้างอนาคตที่ดีให้สังคมได้ ไม่ต้องรอเด็กหรือให้ใครทำก่อน หากทุกคนที่ออกความเห็นทำด้วยตนเองให้ได้ทุกอย่างที่คาดหวังจะให้เด็กทำ เราจะไม่ต้องรออนาคตเลย และเชื่อว่าไม่ต้องสั่งสอนเด็กให้เหนื่อย เพราะพวกเขาจะรู้แน่นอนว่าอะไรที่ควรทำ เพราะต้นแบบของสิ่งที่เราอยากให้เกิด ก็คือตัวเราเองทุกคนนี่แหละนะคะ ลงมือทำ ทำทันที ไม่ต้องไปคาดหวังกะเกณฑ์ใครๆ เราเองทำเลย ทำทันที ทำทุกอย่างที่อยากให้เด็กทำ

รับรองว่า สิ่งดีๆที่อยากให้เกิด จะเกิดได้โดยไม่ต้องรออนาคตแน่นอน...

หมายเลขบันทึก: 628811เขียนเมื่อ 24 พฤษภาคม 2017 23:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม 2017 23:05 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

I had a chance to listen to one 'stateman' (no! not "politician" but a more profound social thinker and engineer). He said (in summary) L policies should be based on 'Laws of Nature' and 'facts'; actions should be based on 'honesty and respect' (for all things). But the 'oil' (lubricating) social machinery is 'sharing'.

Once the idea of sharing is understood (that sharing promotes more sharing and creates equality and respect) it can be expressed in words and actions in policies and in laws (of Man).

Yes! Let's change the Future not with the word 'sorry' but with a question 'Can I help?'

บรองว่า สิ่งดีๆที่อยากให้เกิด จะเกิดได้โดยไม่ต้องรออนาคตแน่นอน...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท