ภาคผนวก ก.
ระเบียบปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของผู้ต้องหาในคดีอาญาที่จะไม่ถูกกระทำโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจในลักษณะประจาน
การนำตัวผู้ต้องหาคดีอาญาออกแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
ประมวลระเบียบการตำรวจเกี่ยวกับคดี ได้วางแนวปฏิบัติในการนำตัวผู้ต้องหามาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหรือแพร่ภาพไว้ ดังนี้
- ลักษณะที่ 30 ข้อ 1(ค) ห้ามมิให้ผู้มีหน้าที่ในการให้สัมภาษณ์หรือแถลงข่าวให้ข่าวดังต่อไปนี้
ข้อ 4 คดีที่อยู่ในระหว่างการสืบสวนหรือสอบสวนยังไม่เสร็จ เช่น แนวการสืบสวน สอบสวน การจับกุม ตรวจค้น และการรวบรวมพยานหลักฐาน เป็นต้น
ข้อ 5 เหตุการณ์หรือเรื่องราวซึ่งถ้าหากเปิดเผยต่อประชาชนอาจเป็นแบบที่บุคคลอื่นจะถือเอาเป็นตัวอย่างในการกระทำขึ้นอีก เช่น แผนประทุษกรรมต่างๆของคนร้าย หรือวิธีการที่แสดงถึงการฉ้อโกง การกระทำอัตวินิบาตกรรม และวิธีการอันชั่วร้ายอื่นๆ
- ลักษณะที่ 30 ข้อ 5 กำหนดเรื่องการนำตัวผู้ต้องหามาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ดังนี้
1. ในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนไม่ว่ากรณีใด ให้ผู้มีอำนาจแถลงข่าวถือปฏิบัติตามประมวลระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ 29 บทที่ 1 ข้อ 1(2)
2. ไม่ควรนำตัวผู้ต้องหามาแถลงขาวหรือแพร่ภาพต่อสื่อมวลชน โดยเฉพาะผู้ต้องหาที่ให้การปฏิเสธ เว้นแต่กรณีผู้ต้องหาให้การปฏิเสธแต่คดีมีพยานหลักฐานของกลางน่าเชื่อถือว่าผู้ต้องหากระทำผิดจริง เช่นคดียาเสพติด ส่วนกรณีผู้ต้องหาให้การรับสารภาพอาจจะนำมาแถลงข่าวได้หากเกิดประโยชน์ต่อสาธารณชนหรือต่อทางราชการ ทั้งนี้ให้อยู่ในดุลยพินิจของผู้มีอำนาจแถลงข่าวและจะต้องถือปฏิบัติตามประมวลระเบียบการตำรวจเกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ 30 ข้อ 1(ค) โดยเคร่งครัด
3. ห้ามมิให้ทำป้ายชื่อแขวนคอผู้ต้องหาแล้วนำออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน หรือแพร่ภาพ นอกจากเป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวน หรือกองทะเบียนประวัติอาชญากรเพื่อถ่ายรูปเก็บรวบรวมในสมุดภาพแฟ้มประวัติคนร้ายเท่านั้น
เมื่อการแถลงข่าวถือเป็นดุลยพินิจของตำรวจจึงมักปรากฏว่ามีการนำตัวผู้ต้องหาออกมาแถลงข่าวอยู่เป็นประจำ ทั้งๆที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีหนังสือเวียนภายในหน่วยงานกำชับมิให้การแถลงข่าวกระทบต่อสิทธิส่วนบุคคลของผู้ต้องหา กระทบต่อการทำงานและชื่อเสียงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานให้เหตุผลว่ามีความจำเป็นต้องทำเพื่อประโยชน์สาธารณะ เช่นผู้เสียหายอื่นๆจะได้ทราบว่าผู้ต้องหาถูกจับแล้วและจะได้ดำเนินการต่อไป เพื่อให้ประชาชนทราบข่าวอาชญากรรม เป็นสิทธิของประชาชนที่จะรับรู้ข่าวสาร และเป็นการปรามผู้ที่คิดจะกระทำผิด เป็นการแพร่ภาพบุคคลและวิธีการกระทำผิดเพื่อมิให้ประชาชนทั่วไปตกเป็นเหยื่อ หรือเพื่อการแจ้งเบาะแสกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือในคดียาบ้าผู้ต้องหาให้การรับสารภาพและต้องการแถลงข่าวต่อสาธารณชนเพื่อให้รับรู้ว่ากากระทำของตนนั้นเป็นการทำลายชาติและเยาวชน
ส่วนการทำป้าชื่อแขวนคอผู้ต้องหา ประมวลระเบียบการตำรวจเกี่ยวกับคดีได้ห้ามไว้อย่างชัดเจน แต่ปรากฏว่ายังมีการปฏิบัติอยู่ โดยเปลี่ยนจากทำป้ายชื่อแขวนคอเป็นให้ผู้ต้องหายืนถือป้ายชื่อหรือวางไว้ด้านหน้าผู้ต้องหา ที่เป็นเช่นนี้เพราะเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเห็นว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนรับทราบการกระทำผิดและจะได้ระมัดระวัง เป็นการลงโทษผู้ต้องหาทางอ้อมและเพื่อให้ผู้ต้องหาละอายใจ
การนำตัวผู้ต้องหาคดีอาญาออกทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
เมื่อผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ พนักงานสอบสวนจะพาผู้ต้องหาไปนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ แล้วจดบันทึกเอาไว้ว่าผู้ต้องหาได้นำชี้ที่ทางแห่งใด และให้ผู้ต้องหาลงลายมือชื่อไว้ในเอกสาร ซึ่งเรียกกันว่าบันทึกการนำชี้สถานที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ รวมทั้งจัดให้มีการถ่ายภาพการนำชี้นั้นด้วย ซึ่งทางปฏิบัติพนักงานสอบสวนมักให้ผู้ต้องหาแสดงท่าทางประกอบการกระทำผิดในขณะนำชี้ที่เกิดเหตุแล้วจดบันทึกไว้ว่าผู้ต้องหาแสดงท่าทางในการกระทำอย่างไร รวมทั้งถ่ายภาพหรือถ่ายวิดิโอเทปการแสดงรายละเอียดการกระทำผิดนั้นด้วย และเรียกการนำชี้ที่เกิดเหตุและการแสดงท่าทางขณะกระทำผิดของผู้ต้องหาว่าการทำแผนประทุษกรรมประกอบคำรับสารภาพ ซึ่งการทำแผนประทุษกรรมประกอบคำรับสารภาพเป็นเครื่องขี้ให้เห็นว่าผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพโดยสมัครใจ
ในการนำชี้ที่เกิดเหตุแม้ว่าผู้ต้องหาให้การภาคเสธ (ไม่ถือเป็นการรับสารภาพ) แต่ถ้าเห็นว่าหากให้ผู้ต้องหานำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำที่รับสารภาพบางส่วนจะสามารถเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ก็ควรให้ผู้ต้องหานำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพดังกล่าวเช่นเดียวกัน อนึ่งในการถ่ายภาพการนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพถ้ามีประชาชนมามุงดูควรให้ภาพติดด้วย และผู้ต้องหาควรมีใบหน้ายิ้มแย้มเพื่อเป็นพยานหลักฐานยืนยันว่าผู้ต้องหาได้รับสารภาพด้วยความเต็มใจ
ส่วนการติดตามสื่อมวลชนไปทำข่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เคยมีหนังสือเวียนกำชับมิให้พนักงานสอบวนจัดให้สื่อมวลชนไปทำข่าว รวมทั้งกำชับมิให้แจ้งกำหนดวันเวลาที่จะนำผู้ต้องหาไปชี้ที่เกิดเหตุให้สาธารณชนทราบ และหากเป็นการสมควรอาจจะใช้วัสดุปกปิดใบหน้าของผู้ต้องหาขณะนำชี้ที่เกิดเหตุ ทั้งนี้เพื่อมิให้การนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพเป็นการประจานผู้ต้องหาให้เป็นที่เสื่อมเสียเกียรติและชื่อเสียง
เห็นได้ว่าประมวลระเบียบการตำรวจเกี่ยวกับคดีให้อำนาจพนักงานสอบสวนนำตัวผู้ต้องหาไปชี้ที่เกิดเหตุได้กรณีที่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ และให้เป็นดุลยพินิจที่จะซักถามหรือให้ผู้ต้องหาอธิบายวิธีและอาการแห่งการกระทำความผิด แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าพนักงานสอบสวนมีอำนาจที่จะนำตัวผู้ต้องหาไปแสดงท่าทางกระทำผิดต่อหน้าสาธารณชน เพราะหากพิจารณาด้วยสติปัญญาให้ดีจะพบว่าประมวลระเบียบการตำรวจเกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ 30 ข้อ 1(ค) กำหนดห้ามมิให้เปิดเผยเหตุการณ์หรือเรื่องราวซึ่งถ้าหากเปิดเผยต่อประชาชนอาจเป็นแบบที่บุคคลอื่นจะถือเอาเป็นตัวอย่างในการกระทำขึ้นอีก เช่น แผนประทุษกรรมตางๆของคนร้ายหรือวิธีการอันชาวร้ายอื่นๆ เป็นต้น
ไม่มีความเห็น