ผลกระทบทางกฎหมายที่เกิดจากการส่งเสริมการลงทุนต่อนักลงทุนต่างด้าวตาม พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542
จากการที่ พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ได้กำหนด คำนิยามของ “ คนต่างด้าว “ ไว้เฉพาะแต่สัดส่วนการถือหุ้นระหว่างคนไทยและคนต่างด้าวเท่านั้น แต่มิได้กำหนดนิยามให้ครอบคลุมถึงอำนาจในการบริหารนิติบุคคล จึงทำให้คนต่างด้าวหลบเลี่ยงการเข้าองค์ประกอบของคำนิยามดังกล่าว โดยวิธีการให้บุคคลสัญชาติไทยถือหุ้นแทนตน ( Nominee ) อันมีผลทำให้บริษัทที่มีอำนาจจัดการอยู่ที่คนต่างด้าวสามารถประกอบธุรกิจที่ต้องห้ามตาม พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจคนต่างด้าวได้ นอกจากนี้อาจหลีกเลี่ยงกฎหมายโดยวิธีการที่คนต่างด้าวเข้ามาร่วมทุนกับบริษัทสัญชาติไทย หรือเข้ามาซื้อหุ้นบริษัทสัญชาติไทยและถือหุ้นในอัตราส่วนที่น้อยกว่า แต่เป็นผู้มีอำนาจจัดการในบริษัท หรือการที่บริษัทสัญชาติไทยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจของตนแต่ผู้เดียวโดยไม่แสดงสัดส่วนการถือหุ้นของคนต่างด้าวไว้ ซึ่งคนไทยหรือนิติบุคคลที่ให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุน หรือ ร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว หรือ ถือหุ้นแทนคนต่างด้าว และคนต่างด้าวที่ยินยอมให้กระทำการดังกล่าวเพื่อการหลีกเลี่ยงกฎหมายนี้จะต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 ถึง 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งยกเลิกการให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุน หรือ สั่งให้เลิกการร่วมประกอบธุรกิจ หรือสั่งให้ยกเลิกการถือหุ้น หรือ การเป็นหุ้นส่วนนั้นเสีย แล้วแต่กรณี หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาล ต้องระวางโทษ ปรับวันละ 10,000 - 50,000 บาท ตลอดระยะเวลาที่ยังฝ่าฝืน (มาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 )(ณัฐนันท์ พลั่วจินดา , มาตรการทางกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในประเทศไทย , วิทยานิพนธ์ มหาบัณฑิต คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ , 2548 )
อย่างไรก็ตาม คนต่างด้าวอาจใช้ช่องทางของกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวที่ให้คนต่างด้าวสามารถเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยได้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยไม่ต้องขออนุญาตตามกฎหมายนี้ หากคนต่างด้าวนั้นประกอบธุรกิจที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน เนื่องจากมาตรา 8 ของ พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวที่เป็นบทบัญญัติห้ามคนต่างด้าวมาประกอบธุรกิจในประเทศไทยมิให้นำมาใช้กับ มาตรา 12 คือ คนต่างด้าวที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน ดังนั้น คนต่างด้าวที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจึงสามารถประกอบธุรกิจในประเทศไทยได้โดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เพียงแต่แจ้งต่ออธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเพื่อขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ( มาตรา 12 แห่ง พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ) คนต่างด้าวที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนนี้จะไม่ต้องนำหลักเกณฑ์ในกำหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวมาใช้บังคับ เว้นแต่ มาตรา 21 การแสดงหนังสือรับรองไว้ ณ สถานที่ประกอบธุรกิจ มาตรา 22 การแจ้งเลิก หรือ ย้ายสถานประกอบธุรกิจ มาตรา 39 การลงโทษที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรา 21 มาตรา 40 การลงโทษเนื่องจากการไม่ปฏิบัติตามหนังสือเรียกของนายทะเบียน และมาตรา 42 การเปรียบเทียบปรับ
ในการพิจารณาการออกหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวให้แก่ธุรกิจที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนนั้น อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าของคนต่างด้าวให้แก่ธุรกิจที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนนั้นมีมีเพียงการตรวจสอบความถูกต้องของบัตรส่งเสริมการลงทุนเท่านั้น โดยมิได้ใช้หลักเกณฑ์การพิจารณาดังเช่นการขออนุญาตประกอบธุรกิจในกรณีทั่วไป เช่นในเรื่องคุณสมบัติของคนต่างด้าว ไม่มีบทบัญญัติกำหนดคุณสมบัติต้องห้ามไว้เป็นการเฉพาะ รวมทั้งการกำหนดเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจก็มิได้มีการกำหนดไว้แต่ประการใด เช่นในเรื่องการกำหนดทุนขั้นต่ำ และการถ่ายทอดเทคโนโลยี เป็นต้น
จุดนี้เองอาจเป็นช่องทางที่ทำให้คนต่างด้าวสามารถหลีกเลี่ยงกฎหมายประกอบธุรกิจคนต่างด้าว โดยการเข้ามาขอสิทธิในการส่งเสริมการลงทุนต่อคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนก่อนแล้วจึงขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจต่อคณะกรรมการการประกอบธุรกิจคนต่างด้าว ซึ่งในการขอการส่งเสริมการลงทุนคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนต้องดำเนินนโยบายในการสนับสนุนให้คนต่างด้าวเข้ามาลงทุนภายในประเทศไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ ดังนั้นจึงดูเหมือนว่า การขอการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวโดยคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนมักจะได้รับการอนุญาตได้ง่ายกว่าการที่ คนต่างด้าวจะต้องยื่นขอประกอบธุรกิจจากกระทรวงพาณิชย์ที่จะต้องอยู่ภายใต้กฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยเฉพาะในธุรกิจที่เกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยในประเทศ หรือธุรกิจที่มีผลกระทบต่อศิลปวัฒนธรรม จารีตประเพณี และหัตถกรรมพื้นบ้าน หรือธุรกิจที่มีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ ตามบัญชี 2 ของ พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจคนต่างด้าว ที่จะต้องขออนุญาตต่อคณะรัฐมนตรี ยิ่งเป็นการยากที่คนต่างด้าวจะได้รับอนุญาต เนื่องจากที่ผ่านมายังไม่มีคนต่างด้าวได้รับอนุญาตจากคณะรัฐมนตรีเลย คนต่างด้าวที่จะประกอบธุรกิจตามบัญชี 2 จึงมีช่องทางของกฎหมายประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวนี้มาขอส่งเสริมการลงทุนต่อคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเสียก่อนไม่มีความเห็น