ดิฉันเชื่อว่าในยุคนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักมะเร็ง(Cancer)หรือที่ทางการแพทย์เรียกว่าเนื้องอกร้าย(Malignant tumor) เพราะมะเร็งจัดว่าเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ1ของประเทศไทย หรือที่ใน Webster’s New World Dictionary(1984)ให้คำจำกัดคำว่ามะเร็งว่า “Anything bad or harmful that spreads and destroys” แปลได้ว่า มะเร็งเป็นอะไรก็ตามที่เลวและเป็นอันตราย สามารถกระจาย และทำลายสิ่งต่างๆได้ แล้วมะเร็งกาย-มะเร็งใจ-มะเร็งจิตวิญญาณ แล้วมันหมายความว่าอะไร?
อันดับแรกเรามาเริ่มจากการทำความรู้จักมะเร็งกายกันก่อน
มะเร็ง คือกลุ่มโรคที่เกิดจากสารพันธุกรรมหรือDNAผิดปกติ ทำให้เกิดแบ่งตัวที่มากเกินจนทำให้เกิดก้อนเนื้อ ซึ่งไม่มีเลือดไปเลี้ยงจึงทำให้เกิดการตายของก้อนเนื้อนั้น โดยที่มะเร็งแบ่งได้เป็น 4ระยะ
ระยะที่ 1 : มะเร็งยังจำกัดอยู่เฉพาะบริเวณที่เป็น ยังไม่รบกวนเนื้อเยื่อข้างเคียง
ระยะที่ 2 : มะเร็งลุกลามเข้าเนื้อเยื่อข้างเคียง แต่ยังไม่ลามไปไกลเกินกว่าอวัยวะนั้นๆ
ระยะที่ 3 : มะเร็งลุกลามไปถึงต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียง
ระยะที่ 4 : มะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ ของร่างกาย
กล่าวได้ว่ามะเร็งเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตประจำวันเปลี่ยนไป อาการที่ในโรคมะเร็งที่สัมพันธ์ทางกายเช่น ผิวหนังส่วนปลายและเล็บเป็นสีคล่ำ เยื่อบุช่องปากอักเสบทำให้ทานอาหารลำบาก มีอาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรง(Fatigue-Weakness)ซึ่งอาจจะเกิดได้ทั้งตัวโรค จากการรักษา กินยา ติดเชื้อนอนไม่พอ ซึมเศร้า หรือใจไม่สู้(จะมีการพูดถึงต่อไปในด้านมะเร็งใจ)
โดยกิจกรรมบำบัดได้นำหลักการจัดการตัวเอง(Self-Management Program) ส่งเสริมการดูแลตนเอง(self care) การทำกิจวัตรประจำวัน(Activities of Daily Living) การดูแลทางการแพทย์(Health Management) ให้คำแนะนำและสอนวิธีจัดการพลังงาน เช่นการใช้อุปกรณ์ช่วยการแบ่งกิจกรรมให้เหมาะสมกับความสามารถ การพักผ่อน การทานอาหาร การออกกำลังกาย
การพักผ่อน คือการสร้างและสะสมพลังงานซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอด้วยการ นอน นั่งทำกิจกรรมที่ชอบ ชมภาพยนตร์ ฟังวิทยุ ฟังเพลง สวดมนต์ นั่งสมาธิ
การทานอาหาร คือการหลีกเลียงเนื้อสัตว์ ไขมันทุกประเภท อาหารเค็ม เพื่อป้องกันการเติบโตของมะเร็ง ให้เน้นกินผักผลไม้สด
การออกกำลังกาย คือการออกแรง60-70%ของความสามารถสูงสุดของผู้ป่วย เป็นเวลา20-30นาทีอย่างสม่ำเสมอ
พูดถึงการดูแลทางกายก็ต้องมีการพูดถึงหลักธรรมชาติบำบัด ของ นพ.แม็ก เกอร์สัน ที่กล่าวถึงการมะเร็งคือเคมีในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงไป ถ้ากินอาหารเหมือนเดิมหรืออาหารที่ไม่ดีอาจจะทำร้ายเกิดสารพิษในร่างกายได้ ต้องทานอาหารที่ทำให้เกิดการกระตุ้นการสร้างภูมิชีวิต(immune system)
ต่อมากเป็นสิ่งที่สำคัญในโรคมะเร็งไม่แพ้การสู้ทางกายคือการสู้ทางใจ ขอเรียกกว่า “มะเร็งใจ/มะเร็งจิตวิญญาณ”
เมื่อคนเราเกิดความเครียด จะทำให้เกิดอนุมูลอิสระเพิ่มมากขึ้นทำให้ภูมิต้านทานในร่างกายน้อยลง และตามหลักพลังบำบัด(spontaneous healing) ของ นพ.แอรดรู ไวท์ ก็ได้พูดถึงการที่ร่างกายของคนเรามีการจัดการกับตัวเองการเยี่ยวยาด้วยตัวเอง รูปแบบการมองคนแบบเป็นองค์รวม การรวมความสามารถทักษะการรักษาของแต่ละสาขาการแพทย์เพื่อร่วมกันให้เกิด สุขภาวะที่ดีที่สุดที่จะเป็นไปได้
หลักกิจกรรมบำบัดอีกอย่างคือการโค้ช(Coaching Technique) คือการนำบุคคลที่เคยเป็นหรือมีประสบการณ์เกี่ยวกับตัวโรคนั้นๆมาช่วยในการแนะนำการใช้ชีวิตประจำวัน การอยู่รวมกับสังคม การจัดการกับอารมณ์ความรู้สึก และดิฉันก็มีโอกาสได้อ่านหนังสือชื่อว่ามะเร็งชีวิต ที่น่าสนใจคือ เขาไม่เพียงกว่าถึงมะเร็งที่เป็นโรคอย่างเดียว กล่าวถึงมะเร็งที่เป็นนิสัยของบุคคลด้วย เช่น การชิงดีชิงเด่นกัน โดยหนังสือก็มีการกล่าวถึงบุคคลที่เป็นโรคมะเร็งการดูแลรักษาคนไข้ที่ได้รับการดูแลโดยมีทั้งการดีท็อกซ์(Detox) ใช้หลักทานอาหาร สูตรอาหารชีวจิต ซึ่งดิฉันคิดว่ามันน่าสนใจและมีประโยชน์มากทางการรักษา
ขอบคุณหนังสือ
20คำถามเกี่ยวกับโรคมะเร็ง เขียนโดย ไพรัช เทพมงคล
มะเร็งแห่งชีวิต เขียนโดย สาทิศ อินทรกำแหง
เหนือมะเร็ง เขียนโดย สุวินัย ภรณวลัย
หลังบำบัด เขียนโดย Andrew Weil (นพ.แอนดรู ไวล์)
การจัดการตนเองเมื่อเป็นมะเร็ง เขียนโดย ดร.ศุภลักษณ์ เข็มทอง และ คณะผู้เขียน
ไม่มีความเห็น