The New Scientist
Volume 192, Issue 2578 , 18 November 2006, Page s2 การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่เข้ามาจากประเทศตะวันออก สิ่งที่เกิดต่อมาคือการคาดเดา แต่มีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากที่ไม่เปิดเผยรายละเอียด โรคไข้หวัดใหญ่เริ่มระบาดใน Hong Kong เมื่อกลางเดือนเมษายน ระบาดลุกลามไปถึงอินเดียและมาจำนวนเพิ่มขึ้น ได้รับราบงานจาก เมืองท่าของอินเดียและMadras โดยมนิลามีจำนวนผู้ป่วยมากกว่า 150,000 กรณี ใขขณะเดียวกันมีรายงานถูกเผยแพร่ออกมาจากทางเหนือของเกาะบอร์เนียว,ซาราวัก, Formosa [ Taiwan ],เขมร,มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เมื่อไม่นานเรือที่เดินทางจาก Jakarta มาถึง Rotterdam มีรายงานว่ามี 300 กรณีเหมือนโรคไข้หวัดใหญ่ ในกลุ่มที่เดินทางมาไกล มีกรณีที่เดินทางเข้า Australia ผ่าน Singapore โดยสารโดยเคริ่องบินที่สะดวกและรวดเร็วเช่นเดียวกับที่เชื้อโรคที่สามารถระบาดและลุกลามได้อย่างรวดเร็วเช่นกันอาจจะมีไวรัสสายพันธุ์โดยDr. C H Andrews และคณะ และ Dr. A. Isaacs ที่ศูนย์โรคไข้หวัดใหญ่ที่องค์การอนามัยโลกซึ่งมีศูนย์กลางที่เมืองลอนดอน ได้มีการดำเนินการตามที่รับรายงานเกี่ยวกับเชื้อไวรัส อย่างไรก็ตามรายงานเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่ จากไวรัสสายพันธุ์ A B และ C แต่มีเลือดจำนวนมากที่ตรวจพบที่แตกต่างไปจากเชื้อไวรัสที่เรารู้จัก โรคไข้หวัดใหญ่ที่เกิดจากเชื้อไวรัส A เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการระบาดขจองโรค ส่วนสายพันธุ์ไวรัส B และ C ไม่ถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นของการระบาดโรค สำหรับสายพันธุ์ใหม่ก็อาจเป็นไปได้เพราะการระบาดของโรคเหล่านี้เป็นไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่มีใครรู้วิธีการป้องกันการระบาด ในขณะนี้มีการศึกษาเชื้อไวรัสสานพันธุ์ A เริ่มปรากฏตั้งแต่ ปี 1946-1947 แต่การเปลี่ยนแปลงไม่มีมากนัก ภูมิคุ้นกันโดนทั่วไปได้มาภายหลังจากการเกิดโรคเนื่องจากความสัมพันธุ์ที่ตรงข้ามกันระหว่างความรู้เรื่องสานพันธุ์ไวรัส โรคที่เกิดใหม่โดยเชื้อสายพันธุ์ใหม่มีผลโดยตรงกับการเสียชีวิตตามปกติ การปวดศรีษะอย่างรุนแรงใน 2-3 วันอาจรู้สึกปวดและมีอาการเจ็บ มักมีอุณหภูมิระหว่าง 100 -103 ºF ไม่มีใครที่จะทราบสัญญาณบอกเหตุ ไม่มีวัคซีนที่ต่อต้านเชื้อโรคสายพันธุ์ใหม่และเป็นไปไม่ได้ที่จะผลิตวัคซีนให้เพียงพอ ความจริงแล้วเราทุกคนก็รู้ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นจากยังจำการระบาดของโรคใรปี 1918-1919 ได้ <p> </p>
ไม่มีความเห็น