ตีมึน กรณี ธรรมกาย (๒)


ปกติผมไม่ค่อยใส่ใจสื่อมากนัก การไม่ใส่ใจทำให้เราโง่ต่อสถานการณ์ทางสังคม แม้กรณีความดำรงอยู่อย่างไรของสำนักวัดพระธรรมกาย ผมก็ใส่ใจน้อยมาก อย่างไรก็ตาม ความรู้ที่ถูกบรรจุในสมองผมจากหลายแหล่งทำให้ผมมองเห็นว่า การดำรงอยู่ของสำนักวัดพระธรรมกายไม่น่าจะสอดคล้องกับหลักการทางพุทธศาสนา ครั้งหนึ่งพี่สาวของผมหลงไหลต่อการแสดงธรรมของท่านเจ้าคุณฯมาก เปิดทีวีดูทุกวัน ผมได้ปรามพี่สาวไปว่า อย่าไปหลงไหลมากนัก ตกลงใส่ใจธรรมหรือว่าใส่ใจเสียงของพระ หรือใส่ใจรูปร่างผ่องใสของพระ หลายคนไม่ได้ใส่ใจธรรม เพื่อนๆหลายคนที่เป็นสมาชิกของสำนักวัดพระธรรมกาย มักจะมองผมว่าเป็นฝ่ายปฏิเสธสำนักวัดพระธรรมกาย เหตุผลเพราะเข้าใจว่าผมเป็นสายอาจารย์พุทธทาสภิกขุ และปัญญานันทะภิกขุ ตลอดถึงอยู่ในสำนักของพระราชญาณกวี (บ.ช.เขมาภิรัติ) ผมบอกกับเพื่อนไปว่า ผมไม่ได้อะไร (ไม่ได้ปฏิเสธและไม่ได้เห็นด้วย ไม่ได้ขัดขวางและไม่ได้ยุยง) กับความมีอยู่ของสำนักวัดพระธรรมกาย ช่วงนั้นมีงานของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) เขียนกรณีธรรมกาย (บิดเบือนคำสอนในพุทธศาสนาตามจารีต) จึงมีการโต้แย้งกันในชั้นเรียนกรณี นิพพานที่เคยสอนกันโดยจารีตว่าเป็นอนัตตา ขณะที่สำนักวัดพระธรรมกายระบุว่านิพพานเป็นอัตตา เพื่อนของผมทำวิทยานิพนธ์เล่มหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิดคือ วิปลาศในพุทธศาสนา กรณี ธรรมกาย ต่อมามีวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกที่จุฬา สาขาปรัชญา เรื่องนิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตา ผมได้แต่ถามในใจว่า ถ้าสำนักวัดพระธรรมกายสอนไม่สอดคล้องกับหลักการทางพระพุทธศาสนา อะไรคือพระพุทธศาสนา

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ มีประเด็นหนึ่งที่ผู้ติดตามสื่อระบุว่า สำนักวัดพระธรรมกายทำให้ศาสนาเสื่อม ผมถามในใจอีกว่า การมีสำนักวัดพระธรรมกายทำให้ศาสนาเสื่อมจริงหรือ? และคำถามที่ว่า ถ้าศาสนาโดยจารีตคือศาสนาที่ถูกต้อง ดังนั้น ศาสนาที่นอกเหนือจากนั้นไม่ถูกต้องใช่หรือไม่ เฉกเช่นเดียวกันกับข้อความในสมัยที่ศาสนาคริสต์มีอำนาจในโลกตะวันตก มีข้อความว่า นอกจากศาสนจักรแล้วไม่มีทางรอด (Salvation) ซึ่งมีลักษณะเป็น "เอกนิยมทางศาสนา" ส่งผลเป็น ทางรอดของชีวิตมีทางเดียวคือเส้นทางของศาสนาคริสต์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ต่อมามีการปรับว่า ศาสนาอื่นก็เป็นทางรอด แต่ทางดังกล่าวจะต้องเหมือนกับศาสนาคริสต์เท่านั้น ปัจจุบันนี้ทุกศาสนาคือความรอด เรียกว่า "พหุนิยมทางศาสนา" อย่างไรก็ตาม แม้ในโลกของวิชาการจะมองเห็นว่า การที่ศาสนายอมรับความเป็นพหุนิยมทางศาสนา ไม่ได้หมายความว่าทุกศาสนาจะเชื่อว่าทุกศาสนาคือความรอด ปัญหาเชิงทฤษฎีคือ ถ้าความรอดมีเพียงช่องทางเดียว ศาสนาใดจะคือความรอดในความหลากหลายทางศาสนาที่สังคมศาสนายอมรับกันแน่ ดังนั้น ปัญหาว่าศาสนาใดคือความจริง ความจริงควรมีสิ่งเดียวไม่ใช่หลากหลาย จากที่กล่าวมานี้ ผมกำลังพิจารณาว่า ประเทศไทยภายใต้จารีตทางศาสนามีบางอย่างที่เกิดขึ้นเป็นข้อเท็จจริงในสังคมศาสนา ศาสนาแบบจารีตอย่างศาสนาแบบเถรวาท พระที่ค่อนข้างมีบทบาทต่อชาวบ้านที่ไม่อาจเข้าถึงแหล่งข้อมูลทางศาสนา ชาวบ้านจะให้ความสำคัญกับพระและถือว่าพระพูดถูกต้องโดยขาดการไตร่ตรอง ความน่าเชื่อเถือเมื่อเทียบระหว่างพระกับนักการเมือง เราอาจจำเป็นต้องเชื่อพระมากกว่านักการเมือง บางทีเรายอมรับพระที่แสดงวาทะแบบตลกคะนอง ว่านี่คือพระที่แท้จริง เป็นพระที่เราชอบ ชาวบ้านเอาความชอบมาเป็นตัววัดว่าพระนั้นคือพระจริง

ศาสนาแบบจารีตเข้ามาอยู่ในการศึกษาแบบนอกระบบในชีวิตคน ทัศนะหลายคนจากการมองกรณีทางสังคมที่เกิดขึ้นมองว่า พระต้องไปอยู่ป่า สันโดษ หาความสงบ ผมกลับมานั่งคิดว่า มีป่าให้พระอยู่อีกหรือ และพิจารณาถึงการตั้งสำนักปฏิบัติธรรมหลายแห่งให้ความสำคัญกับสถานที่ที่มีการจัดทำแบบสวยงาม น่าทึ่ง แปลกใหม่ บางแห่งมีการยกให้วัดขึ้นไปอยู่บนตึกสูงๆ จึงดูเหมือนว่า รูปแบบชีวิตทางศาสนาได้ถูกปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย และขึ้นกับความนิยมของคนดำเนินการ ที่แน่นอนที่สุดคือ คนที่กำลังด่าว่าพระสำนักวัดพระธรรมกาย มีความเกลียดชังชีวิตในรูปแบบพระเป็นพื้นฐานอยู่ก่อนแล้ว ความเกลียดชังในตัวบุคคลไม่ใช่เรื่องแปลก หากการศึกษาเรียนรู้ทำให้เราเรียนรู้ว่า ฮิตเลอร์เป็นคนโหดร้าย และที่น่าพิจารณาคือ คนเหล่านี้มักไม่แสดงตัวหากแต่เป็นนักรบคีบอร์ด ซึ่งไม่น่าแปลกอีกเช่นกัน เพราะหากแสดงตัว ภัยในโลกใหม่อาจมาประชิดตัวโดยที่เราตั้งตัวไม่ติด ช่องทางระบายจึงเป็นช่องทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ เข้าใจว่า ชาวบ้านที่เขาหาเช้ากินค่ำก็ยังคงหาเช้ากินค่ำ ไม่ได้มีความรู้ว่าสำนักวัดพระธรรมกายบิดเบือนคำสอนแนวจารีตอย่างไร ซึ่งยังคงเชื่อเรื่องบุญบาปตามจารีตเหมือนเดิม

มีบางกลุ่มที่เป็นคนวงในให้ความเห็นว่า กรณีที่เกิดขึ้นกับสำนักวัดพระธรรมกายเป็นกรณีทางการเมืองภายในคณะสงฆ์โดยผู้ชักเชือกไม่ใช่คณะสงฆ์ ทางฝ่ายสำนักวัดพระธรรมกายเกรงว่า หากมอบตัวจะโดนถอดจีวรไปขึ้นศาล บางทัศนะให้ความเห็นว่า ผู้นำของสำนักวัดพระธรรมกายควรหนีออกนอกประเทศแล้วไปสร้างอาณาจักรใหม่ในต่างประเทศ ซึ่งไม่น่าจะยากเย็นอะไร

เคยมีการสนทนากันระหว่างกลุ่มสนทนาถึงกรณีของสำนักวัดพระธรรมกายว่า สำนักดังกล่าวนี้มุ่งไปทางวัตถุเกินไป หลอกให้ชาวบ้านบริจาคคราวละมากๆ บางคนถึงกับหมดตัวเพราะความเชื่อเรื่องบุญ แต่ก็มีการโต้กันว่า แท้จริงคำสอนแนวจารีตสอนให้อยู่อย่างยากจนหรือไม่? หรือสอนให้เชื่ออะไรง่ายๆหรือไม่? สรุปเนื้อหาในส่วนนี้คือ กลุ่มผู้มีศาสนาอ่อนแอต่อคำสอนพื้นฐานของศาสนา กลายเป็นคนเชื่อง่ายและขาดวิจารณญาณ ซึ่งเรื่องนี้น่าจะเป็นกันทั้งโลก ทำไม KFC จึงทำรายได้อย่างมหาศาล ไม่ใช่เพราะมีสินค้าให้ชิมอย่างอร่อยและการโฆษณากระตุ้นความอยากหรือ โทรศัพท์บางยี่ห้อผู้คนต้องเข้าแถวรอซื้อ เมื่อซื้อมาแล้วใช้ไม่นานก็เปลี่ยนใหม่ ทั้งที่ราคาไม่ใช่น้อยๆ ในแง่มุมของธุรกิจ มีความเป็นไปได้ที่สำนักวัดพระธรรมกายดำเนินการได้สำเร็จ โดยที่รัฐควรเอาเป็นแบบอย่าง (ไม่ใช่คำพูดของผม) ในแง่มุมศาสนาอย่างกรณี ผ่อนบุญ เป็นเรื่องประหลาดที่ไม่เคยมีในศาสนาแบบจารีต ซึ่งรูปแบบดังกล่าวน่าจะคือรูปแบบธุรกิจประยุกต์บุญ หลายคนจึงมองว่า "เพี้ยน" อย่างไรก็ตาม หากสามารถจัดการสำนักวัดพระธรรมกายที่มีกำลังขนาดใหญ่ได้ นั่นก็หมายความว่า สามารถเข้าไปจัดการวัดที่อยู่นอกลู่นอกทางให้เข้ากับความคิด ความเชื่อ อย่างที่ควรจะเป็นได้ไม่ยาก ซึ่งอาจจะแบ่งเบาภาระให้คณะสงฆ์ได้ เพราะที่ผ่านมา คณะสงฆ์ไม่สามารถจะจัดการตัวของคณะสงฆ์ได้เลย พระจำนวนมากวิ่งหายศหาตำแหน่งไม่แตกต่างจากฆราวาส ขณะเดียวกันชาวบ้านก็ให้ความสำคัญกับพระที่มียศมีตำแหน่ง หลายคนไม่ต้องทำมาหากินอื่น แค่เพียงเป็นคนขับรถส่วนตัวให้พระคุณเจ้าก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้ เพราะท่านมีศักยภาพทางจิตอย่างหนึ่งคือ ความช่วยเหลือ ในฐานะที่เขายอมสละการงานมาช่วยเหลือตน จึงควรช่วยเหลือตอบแทน

ที่แน่ๆ พระจำนวนมากชื่อว่า "ตนคือแหล่งสร้างบุญ" โดยลืมนึกไปว่า ของที่เขาถวายมาอย่างจิตบริสุทธิ์นั้นไม่ใช่ของดีนักสำหรับตน หากตนไม่บริสุทธิ์ ของดังกล่าวจะเป็นเสมือนถ่านเพลิงก้อนแดงๆที่หล่นลงไปในคอ บัดนี้มีพระจำนวนหนึ่งกำลังขอ "บิณฑบาต" จากรัฐเพื่อให้ดำเนินการอย่างสันติ แต่ลืมพิจารณาว่า กรณีที่เกิดขึ้นไม่ใช่ก้อนข้าว (บิณฑะ) นอกจากนั้น มีการประโคมข่าวเกี่ยวกับเบื้องหลังกรณีดังกล่าว และน้อยอกน้อยใจถึงการกระทำที่แตกต่างกันระหว่างศาสนา

เขียนบันทึกส่วนตัวซัดส่ายไปตามความคิดขอยุติลงเท่านั้นไว้ก่อน และฝากไว้ด้วยกวีสดต่อไปนี้ "หัวใจปลาซิวลอยละลิ่วตามแรงรุก เร้าหัวใจใครหนอปลุกให้ตื่นผวา เต้นลนลานกลางเวทีอย่างตืนตา พอสงบโถคุณปลาไม่มีอะไร" เอเมน


หมายเลขบันทึก: 624498เขียนเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2017 13:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2017 07:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท