โสภณ เปียสนิท
นาย โสภณ เปียสนิท ตึ๋ง เปียสนิท

​ศึกษาเมืองมาเลย์


ศึกษาเมืองมาเลย์

โสภณ เปียสนิท

..............................

สายลมหนาวปีนี้มาพร้อมกับสายฝนมากมายกลายเป็นน้ำท่วมภาคใต้ของเมืองไทยในหลายพื้นที่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ท่วมมากเพียงบางสะพาน หัวหินมีฝนเพียงพอดินชุ่ม ตกสองวันสองคืน หนักบ้างเบาบ้าง เริ่มท่วมบางจุดที่เคยท่วมเพราะเป็นที่รองรับน้ำไหลหลาก แล้วจึงค่อยๆ ห่างหายไป เพียงว่ามาให้ความชุ่มชื้นแก่แผ่นดิน

บ้านเมืองยังอยู่ในช่วงของความอาลัยรำลึกถึง“พ่อของแผ่นดิน” ผู้ล่วงลับเสด็จสู่สวรรคาลัย น้ำตายังคงเปียกชื้นร่องแก้มบนใบหน้าของแต่ละคน จิตใจยังอยู่ในสภาวะโศกาดูร เพราะความคิดถึงเหมือนว่าบางส่วนของแผ่นดินสูญหายไปต่อหน้า ใช่ บ้านเมืองนี้ พระองค์ท่านทรงให้ความรักดูแลมาเนิ่นนานตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์

ระหว่างวันที่ 7-11 กุมภาพันธ์ ปี 2560 นี้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลรัตนโกสินทร์ มอบภารกิจให้ผู้เกี่ยวข้องด้านภาษาอังกฤษเดินทางไปศึกษาดูงานด้านการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ณ มหาวิทยาลัย ยูนิเคแอล (UNI KL) กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย แถมด้วยการไปดูงานประสานกับDKU เพื่อความร่วมมือในด้านต่างๆ ต่อไป

เช้าวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2560 คณะของเรา มีคุณรุ่งโรจน์เป็นผู้ให้การบริการการเดินทางถึงเมืองมาเลย์ และมัคคุเทศก์ท้องถิ่นมารับไปร้านรับประทานอาหารเช้า เสร็จแล้วตรงไปที่มหาวิทยายูนิเคแอล ผู้นำทางท้องถิ่นชื่อคุณลัม พูดได้ 7 ภาษา แต่ไปเรียนภาษาไทยที่สิงคโปร์ เพราะคนไทยในสิงคโปร์พูดภาษาอื่นไม่ได้ ต้องประสานกับคนไทยเหล่านี้ จึงต้องซื้อหนังสือสื่อภาษาไทยมาเรียนเอง เล่าว่า จำได้ดีมาก บทที่ 1 นับหนึ่งถึงสิบ บทที่ 2 สีต่างๆ ตอนที่ทำงานสมัยหนุ่ม มีหญิงไทยวัยห้าสิบห้าปีสอนให้พูดภาษาไทย ครั้งหนึ่งชอบหญิงไทยชื่อ แอน จึงชวนไปทานข้าวบ่อยๆ แต่ไม่ยอมไป ครูภาษาไทยจึงบอกว่า“ชวนไปทานเข้า เขาไม่ไปหรอกต้องพูดใหม่” คุณลัมถามว่า“พูดว่าอย่างไรดีครับ” “ต้องพูดว่า“ไปแด...ข้าวกับผมไหม”เรียกเสียงหัวเราะจากพวกเราได้ไม่น้อย ผลลัพธ์คือถูกว่ากลับว่า“พูดไทยไม่เรื่อง”

คุณลัมแนะนำว่า ที่มาเลย์มีนักวิ่งราวเยอะ เพราะที่นี่รับแรงงานจากหลายประเทศเช่น อินโดนีเซีย ซึ่งมีรายได้น้อย คิดเป็นเงินไทยได้ราว 5000 บาทต่อเดือน ไม่เพียงพอเป็นค่าครองชีพ จึงมีข่าวว่ามีการฉกชิงวิ่งราวลักทรัพย์ให้ได้เห็นอยู่เสมอ ดังนั้น เวลาเดินทางในหมู่คนให้ระวังกระเป๋าควรสะพายไว้ข้างหน้า เข้าห้องน้ำไม่ควรแขวนกระเป๋าไว้ที่ประตู หนังสือเดินทางห้ามหายเด็ดขาด ถ้าหายจะต้องไปสถานฑูตไทยทำหนังสือเดินทางใหม่ใช้เวลาอย่างน้อยห้าชั่วโมง

คณะของเราเดินทางไปรับประทานอาหาร ต่อจากร้านอาหารเข้ารับฟังบรรยายประวัติย่อของมหาวิทยาลัยและสอบถามเรื่องราวของมหาวิทยาลัยโดยละเอียด ตามความสนใจของแต่ละคน ตามกำหนดการ เสร็จแล้วจึงเข้าที่พักที่โรงแรมเบอร์จาย่า กลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งมีชื่อด้านอาหารแบบบุฟเฟ่ที่ดีที่สุดในมาเลย์ และมัคคุเทศก์คุยให้ชาวไทยอิจฉาว่า น้ำในห้องน้ำมาเลย์ดื่มได้เลย มั่นใจได้เต็มร้อย เป็นมาตรฐานเดียวกันกับประเทศสิงคโปร์ ในกลุ่มจึงมีการพูดคุยกันขำๆ ให้ปวดกระดองใจเล่นว่า“เมืองไทยเราก็ดื่มน้ำจากก๊อกได้ทันทีเหมือนกัน” “เอ ใช่หรือ?” บางคนถาม“ได้ซิ แต่เสี่ยงเรื่องโรคภัยเอาเอง” เรียกเสียงหัวเราะได้อีก แต่เป็นการหัวเราะแบบ“หัวเราะร่าน้ำตาริน”

มีคำแนะนำเรื่องการใช้ห้องน้ำ โดยส่วนมากมีคำว่าGents และภาษาแขกว่า เลอลากี ชาย ส่วนหญิงLadies หรือ เปอลาปวน แต่ระวังอย่าเข้าห้องสวดมนต์ หรือห้องละหมาด ที่มักอยู่ใกล้ห้องน้ำ มีภาพผู้ชายใส่หมวกSongkok อยู่หน้าห้อง หากเผลอเข้าไปเพื่อทำกิจทางร่างกาย ซึ่งไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง เพื่อนต่างศาสนาอาจเข้าใจผิดเอาได้ ไกด์บอกว่า “ผมก็ช่วยไม่ได้นะครับ” การมาเที่ยวมาเลย์ช่วงนี้ ถือว่าเหมาะสมเพราะค่าเงินริงกิตมาเลย์ตกลงมามาก 1 ริงกิตแลกเงินไทยได้ 7.9 บาท โดยปกติแล้ว ต้องใช้เงินไทยมากกว่านี้ ไกด์วิเคราะห์ว่า ที่เงินมาเลย์ตกลงเพราะนายกรัฐมนตร์มีเรื่องโกงสินบาทคาดสินบนเหมือนประเทศอื่นที่มีปัญหาคอรัปชั่นเหมือนกันทั่วโลก เพราะมีเงินไหลเข้าบัญชีท่านนายก (เมืองเขานะไม่ใช่เมืองเรา) 2.6 พันล้านเหรียญ นายกแก้ว่า นั่นมันเงินบริจาคdonation มิใช่โกงcorruption ข้อแก่ตัวนี้ ชาวประชามาเลย์ยังมองว่า คำตอบยังไม่เป็นที่ถูกต้อง และยังไม่ถูกใจแต่อย่างไร

เรื่องสำคัญคือราคาน้ำมันเมืองมาเลย์ถูกกว่าราคาน้ำมันในเมืองเรามาก เช่นราคาดีเซลที่มาเลย์ลิตรละ 16 บาท บ้านเราราคา 26 บาทกว่าๆ เมื่อเปรียบเทียบกัน ขณะที่มาเลย์มีบ่อน้ำมันเพียง 4000 กว่าบ่อ เมืองไทยของเราให้สัมปทานอย่างเดียว โดยไม่คิดจะเอากลับมาใช้แบ่งปันผลผลิตบ้างเพื่อเป็นการทดลอง ข้าราชการกลับทำเหมือนว่า เป็นตัวแทนของผู้ได้รับสัมปทานไปเสียทุกครั้งไป ชาวบ้านคงยังมองไม่ออกว่า ผลประโยชน์สาธารณเป็นเช่นไร

ตามข้อมูลของมัคคุเทศก์พูดว่า การปลูกปาล์มนั้น ประเทศอินโดนีเซียมาเป็นอันดับหนึ่ง มาเลย์เป็นอันดับสอง ส่วนไทยอยู่ในลำดับที่เจ็ด คุณลัมเล่าว่า ตนเองวันหนุ่มไม่ได้สนใจเป็นไกด์มากมายนัก ใจจริงแล้ว อยากเป็นนายกรัฐมนตร์จีนคนแรกของมาเลย์ เพราะมีชาวมะลายูร้อยละ 55 จีนร้อยละ20 อินเดียร้อยละ 7 รวมยอดทั้งหมดแล้ว มีประชากร 30 กว่าล้านคน

ที่นี่เมืองมาเลย์มีรถเป็นของตนเอง 2 ยี่ห้อด้วยกัน ทั้งโปรตรอน และเปอโรดัว ยี่ห้อที่สองนี้มีคุณภาพหรือสมรรถนะที่ดีกว่า แต่ไม่มีการนำเข้าสู่ประเทศไทย รถกระบะมีใช้น้อยมาก เพราะหากใครใช้ถือว่า เป็นคนรวยแน่นอน เพราะใช้รถกระบะจ่ายค่าบริการต่างๆ แพงกว่ารถชนิดอื่น ไม่ว่าจะเป็นค่าผ่านทาง ค่าจอดนับเป็นรายชั่วโมง ค่าล้างทำความสะอาดรถ เป็นต้น ไม่เห็นมีมอเตอร์ไซด์รับจ้าง กล่าวกันว่าน้ำมันมาเลย์มีคุณภาพดีกว่าน้ำมันไทยอีกด้วย ในปั้มไม่มีเด็กปั้ม ไม่มีป้ายราคาน้ำมัน เพราะราคาเท่ากันหมด ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อRON95 หรือRON97

จุดเด่นของมาเลย์ได้แก่ สุไหงปาดี มีความหมายว่า ปากแม่น้ำ (สุไหง แม่น้ำ ปาดี ที่ตั้ง) ตึกแฝดที่เป็นสัญลักษณ์ของมาเลย์อยู่นานถึง 20 ปี ไต้หวันครองตำแหน่งหอคอยสูงสุดแทนต่อมาอีก 6 ปี มีหอสุงที่สามารถขึ้นไปรับประทานอาหารได้

เรื่องป้ายสีแดง ที่หมายถึงสถานภาพเป็นรถใหม่ แต่ที่เมืองเขาไม่ต้องทำป้าย พอเสร็จพิธีการซื้อขายเรียบร้อยแล้ว เอาบัตรซื้อรถไปซื้อป้ายได้เลยไม่ต้องรอ แต่ถ้าใครใช้ป้ายสีแดงห้ามเข้าถนนตอนกลางวัน บางคนเรียก“รถผี” ชื่อเมืองก็มีความหมายว่า ดินเหนียวปากแม่น้ำ เพราะ กัวลา แปลว่า ปากแม่น้ำ ลัมเปอร์แปว่า“ดินเหนียว” ทุกวันนี้ สิงคโปร์ยังรับน้ำจากประเทศมาเลย์ แต่ว่า รับน้ำจากเกาะแห่งหนึ่งของประเทศอินโดด้วย บนถนนมีคำว่า จาลัน มากมาย เพราะ จาลันแปลว่า ถนน หรือ เดินไปข้างหน้าได้ คำว่า“เซี้ยบ” แปลว่า พร้อม“เซี้ยบ จาลัน” จึงมีความหมายว่า พร้อม...ไปได้

วันที่ 8 กุมภาพันธ์ เราเข้าห้องเรียนเรื่อง“ห้องเรียนกลับด้าน” Flipped Classroom มีความหมายให้ผู้สอนทำงานล่วงหน้า ต้องเตรียมงานให้ผู้เรียนได้ศึกษามาก่อนเข้าชั้นเรียน สิ่งใดที่ทำที่โรงเรียนให้ทำเป็นการบ้าน ส่วนที่เคยทำที่บ้านให้นำกลับมาทำที่โรงเรียนแทน สลับกัน ผู้บรรยายใช้Smart Board เป็นตัวช่วยในการสอน ประกอบด้วยโปรแกรม มากมายประกอบการสอน

วันที่ 9 กุมภาพันธ์ คณะของเราเดินทางไปศึกษานอกสถานที่ ที่ถ้ำบาตู อยุ่บนภูเขาใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งตรงกับเทศกาลไทภูซั่มของอินเดีย พบว่ามีคนอินเดียนับถือศาสนาฮินดูในมาเลยจำนวนมากเดินทางมาร่วมกันที่นี่ มีบันไดให้เดินขึ้นเขาถึง 272 ขั้น เมื่อก่อนมีอีกาจำนวนมาก ตอนนี้อีกามีจำนวนลดลงจนแทบไม่เหลือ สาเหตุเพราะเมื่อก่อนบ้านเมืองไม่สะอาดมีขยะมาก ฝูงกาจึงมาอาศัย เพราะมีอาหารอุดมสมบูรณ์

คุณลัมเล่าว่า เขาเองเป็นผู้ที่คอยสนใจเรื่องนก เชี่ยวชาญเรื่องนกอย่างดี แล้วตั้งคำถามว่า เวลาต้องการจะดูนกให้รูว่า นกตัวไหนเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย ต้องดูที่ไหน? หลายคนพยายามช่วยกันตอบ แต่ไม่ว่าจะตอบอย่างไรก็ไม่ถูก จึงให้คุณลัมเฉลยคำตอบ“ให้ดูตรงที่ นกตัวผู้กินหนอนตัวเมีย ส่วนนกตัวเมียกินหนอนตัวผู้”หลายคนถามพร้อมกันว่า“อ้าว แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า หนอนตัวไหนเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย” คุณลัมตอบว่า“แสดงว่าไม่ได้ฟังผมให้ดีตั้งแต่แรก ผมบอกว่า ผมเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องนก ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องหนอน แล้วจะมาถามเรื่องหนอนกับผมทำไม” เรียกเสียงหัวเราะได้อีกครา

เพื่อให้ถูกใจผู้ร่วมเดินทาง รถบัสBas Persiaran เช่าเหมาคันแวะจอดพักร้านขายของที่ระลึกอีกแห่งใกล้ บาตูเคฟ ผมไม่มีจุดประสงค์ในการซื้อของทีระลึกจึงเดินชมอย่างสบายใจ แค่ทำทีว่าสนใจนาฬิกา คนขายเดินเข้ามาใกล้พูดภาษาไทยชัดเจนสำเนียงจีนให้เราชื่นชม เดินไปไหนก็เดินตามไปด้วย จนกระทั่งออกจากร้านจึงหยุดตาม ถือว่าเป็นจิตวิทยาการขายอย่างหนึ่ง น่าสนใจและนำไปใช้ได้ สำหรับผู้ค้าขายในบ้านเรา

มีโอกาสเยี่ยมชมด้านหน้าของ อิสตาน่า เนอการ่า หรือ พระราชวังแห่งชาติมาเลเซีย มัคคุเทศก์เล่าต่อว่า มาเลเซียมีสามชนชาติใหญ่ คือ มาลายู จีน และอินเดีย สามารถที่จะแต่งงานข้ามเชื้อชาติกันได้ แต่ไม่ค่อยจะมีใครสนใจทำแบบนี้ เพราะข้อจำกัดทางศาสนา มาลายูนับถือศาสนาอิสลาม นับถือแล้วเปลี่ยนศาสนาไม่ได้ ต้องแจ้งศาลทางศาสนา (ซาเรี่ย) แต่งงานแล้วมีการเปลี่ยนชื่อศาสนาใหม่ มาเลย์เชื่อสายจีนแต่งงานกับ เชื้อสายอินเดียเลือกนับถือศาสนาได้ตามชอบใจ แต่ถ้าแต่งงานกับผู้นับถือศาสนาอิสลามแล้วห้ามเปลี่ยนศาสนา ถ้าจะเปลี่ยนต้องไปที่ซาเรี่ย ศาลทางศาสนา

ณ ที่หน้าพระราชวังแห่งชาติมาเลเซียวันที่เราไปถึง ไม่เปิดประตูพระราชวังเพราะเป็นวันหยุด เราจึงได้ถ่ายภาพที่ระลึกจากด้านหน้าเท่านั้น ข้างประตูใหญ่มีทหารม้า ขี่ม้าเฝ้าอยู่สองฝั่งประตู ไกด์เล่าว่า ม้าเคยกัดนักท่องเที่ยวบ้างเหมือนกัน หากเข้าไปใกล้จนเกินไป พระราชวังใหม่แห่งนี้สร้างเสร็จมาเมื่อสามถึงสี่ปีที่ผ่านมา พระราชวังเก่าเป็นบ้านของท่านเจ้าสัวจีน เมื่อได้รับเอกราชใหม่เตรียมการก่อสร้างพระราชวังไม่ทันจึงซื้อบ้านคนจีนมาปรับปรุงเป็นพระราชวัง เมื่อสร้างพระราชวังใหม่เสร็จแล้วจึงปรับเปลี่ยนพระราชวังเก่าเป็นพิพิธภัณฑ์แทนใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 970 ล้านริงกิต ปัจจุบันเป็นมหากษัตริย์องค์ที่ 15 แล้ว

เรื่องราวของประเทศมาเลเซียยังมีอีกมากผมขอเหลือไว้สำหรับตอนต่อไป หรือไม่ก็ไว้ให้ผู้สนใจได้เข้าไปท่องเที่ยวเพื่อเรียนรู้เพื่อนบ้านในกลุ่มประเทศอาเชี่ยนให้สมกับเป็นประชาคมอาเชี่ยนด้วยกัน ตามนโยบาย "One Vision, One Identity, One Community" " หนึ่งวิสัยทัศน์ หนึ่งเอกลักษณ์ หนึ่งประชาคม "ต่อไป

หมายเลขบันทึก: 623307เขียนเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2017 22:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2017 22:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท