ระบบบริหารบุคคลภาครัฐยุคปฏิรูประบบราชการ
27 ต.ค.48 ผมแว่บจากการประชุมวิชาการชอง สคส. ที่โรงแรมเอเชียไปฟังการเสวนาเรื่องระบบ HRD ของภาครัฐในยุคปฏิรูประบบราชการที่จุฬาฯ นำเสวนาโดย รศ. ดร. ทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ กพร. และ ผศ. ดร. ทวี เลิศปัญญาวิทย์ อดีตอธิการบดี มทส.
รศ. ดร. ทศพร ศิริสัมพันธ์
แนวโน้มภาพใหญ่ของการปฏิรูประบบการบริหารงานบุคคลของราชการก็คือ
- ปรับสู่ระบบ broad banding & flat
organization
- มีเพียง 3 layers :
- Band
1 ระดับตำแหน่งผู้บริหาร
แบ่งเป็นขั้นต้นกับขั้นสูง
- Band
2 ระดับตำแหน่งผู้อำนวยการ
แบ่งเป็นขั้นต้นกับขั้นสูง
- Band
3 ระดับตำแหน่งผู้ปฏิบัติงาน
แบ่งออกเป็น
- Knowledge workers : มี 5 ระดับคือ (1) ปฏิบัติการ (2)
ชำนาญการ (3) ชำนาญการพิเศษ (4) เชี่ยวชาญ (5)
ทรงคุณวุฒิ
- Skilled workers : มี 4 ระดับคือ (1) ปฏิบัติการ (2)
ชำนาญงาน (3) อาวุโส (4) ทักษะพิเศษ
พวกอาจารย์จะอยู่ใน Band 3 Knowledge workers
-
ในระยะสั้นจะมีการจัดเส้นทางพิเศษของระบบบุคลากร
ทั้งที่เป็น Young Executive และ Senior Executive
ที่ความรับผิดชอบสูง ค่าตอบแทนสูง
- ในระยะยาว
เพิ่มจำนวนข้าราชการในสายพิเศษให้มากขึ้น
- ข้าราชการสายพิเศษ
อาจต้องมีการจ้าง head hunter มาหาตัว
- จะมีการจำแนกข้าราชการเป็น 3 กลุ่ม
- Talent
Group
- Performer
(Hi - Med - Low)
-
Youngster
- มีระบบ Performance Agreement
ทั้งระดับมหาวิทยาลัย, คณะและอาจารย์
- มีระบบ Career Development
มีแผนพัฒนาลงไปถึงระดับบุคคล
- ปรับระบบเงินเดือนและระบบจูงใจ
- มีระบบ early retirement และ succession
plan
ผมมองไม่เหมือนผู้ที่อยู่ในที่ประชุมหลาย ๆ คนที่ตั้งข้อสงสัย และไม่เห็นดัวยกับรายละเอียดหลาย ๆ อย่าง ผมมองว่านี่คือโอกาสในการจัดระบบบริหารงานบุคคลให้เหมาะสมต่อภารกิจการทำงานสร้างสรรค์ในมหาวิทยาลัย
หัวใจของระบบใหม่คือ
-
เปลี่ยนจากเดิมเป็นระบบแห่งความเหมือนไปสู่ระบบแห่งความต่าง
เปิดช่องให้มีการบริหารงานบุคคลได้หลายระบบภายในหน่วยงาน
เดียวกัน ซึ่งผมเห็นว่าดีมาก
งานภายในมหาวิทยาลัยในต่างหน่วยงานแตกต่างกันมาก
แม้จะมีชื่อเป็นตัวหนังสือเหมือนกัน
-
ต่อไปหน่วยราชการจะต้องแข่งขันกันหาคนดีและเก่งเข้ามาทำงาน
โดยมีแรงจูงใจและการตอบแทนสูง และความรับผิดชอบ &
ผลงานก็ต้องสูงด้วย
ดร. ทศพร ได้ชี้ให้เห็นโอกาสของจุฬาฯ ชัดเจนว่า น่าจะเตรียมเปิดหลักสูตรผลิตคนแบบใหม่ที่มี skills จาก multi - disciplinary เช่นนักจัดการเทคโนโลยี
ผมมองว่าการที่หน่วยงานจะต้องแข่งขันกันดึงดูงคนดีมาเป็นข้าราชการ/อาจารย์เป็นเรื่องดีต่อประเทศ และแรงดึงดูดไม่จำเป็นว่าจะต้องเงินเดือนสูงกว่าเสมอไป ในบางกรณีเงินเดือนต่ำกว่านิดหน่อยแต่โอกาสได้ทำงานที่เขารักหรือท้าทาย ก็เป็น incentive สำคัญสำหรับคนรักงานวิชาการ/วิจัย
วิจารณ์ พานิช
27 ต.ค.48
ไม่มีความเห็น