ภายใต้การดำเนินชีวิตที่เร่งรีบ เราทุกคนพยายามแสวงหาแรงบันดาลใจเพื่อทำสิ่งใหม่ๆ เเต่ทว่าเมื่อมีเเรงบันดาลใจไปสักพักเเรงผลักเหล่านั้นก็ค่อยๆหายไปเรื่อยๆ ซึ่งเราเองก็ต้องมีวิธีการเติมเต็มมันเรื่อยๆเช่นเดียวกัน บางครั้งเเรงบันดาลใจก็ยากจะหมดไป เเละบางครั้งแรงบันดาลใจก็ไม่มีวันหมดไป สิ่งที่กล่าวมานี้ผู้เขียนต้องการจะบอกบทเรียนสุดท้ายของหนังสือเล่มนี้ให้ฟังว่า “แรงบันดาลใจหากเชื่อมโยงกับความจริงมีอยู่ ๓ ขั้น ได้แก่ ขั้นล่าง(Fact) ขั้นกลาง(Truth) เเละขั้นสูงสุด(Reality)
จากสูตร
(∆R = 0) แปล ; ∆ = Change , R = ระดับความจริงใดๆ , 2 = วัตถุเเละคุณค่า , 1 = คุณค่า , 0 = ว่างเปล่า
หมายความว่า ยิ่งค่าตัวเลขมาก ก็มียึดกิน กาม เกียรติมาก "ยิ่งยึดมากยิ่งเปลี่ยนแปลงมาก ตัวเลขก็จะยิ่งมาก" เเต่เมื่อตัวเลขลดลงเรื่อยๆจนเหลือศูนย์นั่น คือ ความไม่ต้องการใดๆซึ่งความว่างเปล่านี้เอง ที่เป็นแรงปราถนาของมนุษย์ในฐานะพุทธศานิกชนเพื่อสู่นิพพาน หรือคริสตศาสนิกชน คือ ความเชื่อในพระเจ้าอย่างบริสุทธ์ใจจนได้เข้าสู่อาณาจักรพระองค์นั่นเอง
จุดหมายสูงสุดของเเรงบันดาลใจ คือ (∆R = 0) : การไม่เปลี่ยนแปลง ไม่เกิด ไม่ตั้งอยู่ เเละไม่ดับไปตามกฎธรรมชาติ
แรงบันดาลใจ คือ ฉันทะ หรือ โลภะ ... แรงบันดาลใจ เกิดตามหลังความคิดไหม ..... ถ้าเกิดตามหลังความคิด เทเวศร์ แนวโน้วสูงมากว่าเกิดจากสิ่งกระตุ้นจากภายนอก ... นั่นน่าจะโลภะไหม... แต่ถ้าเกิดที่ใจเอง.. โดยไม่ต้องกระตุ้นเร้า .. แสดงว่า ใจเราเองก็มีแรงดลอยู่แล้ว....
ดิฉันหายไปนาน กลับมาอีกครั้ง เอ๊ะ! ดูเหมือนจะพลาดอะไรไปมากทีเดียว เพราะไม่เข้าใจที่คุณธีระวุฒิ กับ อ.ต๋อย กำลังสื่อสารกันสักเท่าใด ดูซับซ้อนเหลือประมาณ .. สำหรับดิฉัน 'แรงบันดาลใจ' มันอยู่ที่ 'ใจ' นี่ละ ไม่ขึ้นอยู่กับสิ่งอื่นสักเท่าใด แต่ใช้เป็นข้ออ้างอ้างได้นะคะ (ฮา)