"เจอดีเข้าให้ "

บันทึกกิจนิมนต์ "เจอดีเข้าให้ " ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ทีมผู้บริหาร มองกาลไกล ตั้งใจพัฒนาตน พัฒนาหมู่บ้านด้วยหลักคุณธรรม นำชีวิต พร้อมขานรับแนวนโยบายรัฐบาล ยุคใหม่ จึงเกิดโครงการนิมนต์พระดี และ พระดัง ที่เต็มใจรับนิมนต์มาแสดงธรรม " ฟรี " ที่หมู่บ้าน ที่ต้องเน้นคำว่า " ฟรี " ก็ด้วยเหล่าอุบาสก อุบาสิกา ต่างก็แจ่มชัดเข้าใจต่อการร่วมเอาภาระในกิจพระศาสนา...

ด้วยชัดว่า พระภิกษุในพระพุทธศาสนา ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบนั้น จะต้องเว้นขาด ซึ่งการรับเงิน รับทอง เพื่อกราบนิมนต์ให้มาโปรดที่หมู่บ้านตน...ด้วยวิถีฆราวาสญาติโยมต่างมีกิจมาก ธุระมาก ไม่มีเวลาที่จะไปวัดได้บ่อยนัก จึงนิมนต์พระมาโปรดดีกว่า โดย ชาวบ้านยินดีร่วมกันบริการรับส่งไม่ว่า ท่านจะมาโปรด โดยแทกซี่ รถเมล์ รถไฟ หรือ แม้แต่นิมนต์ให้มาทางเครื่องบิน...ซึ่งก็ทำเช่นนี้ ทุกสองเดือน ตลอดมาก็เป็นไปด้วยดี จึงทำให้สังคมหมู่บ้าน มั่นคงในศีล ๕ ลด.. ละ.. เลิก.. อบายมุข... โดย นาน ๆ ครั้ง จึงจะเกิดมีปัญหาการทำผิดศีล เรื่อง ดื่มสุรา ทะเลาะเบาะแว้ง ชกต่อยกันบ้าง... ซึ่งแตกต่างจากสมัยก่อน ๆ ที่จะเกิดมีอยู่บ่อย ๆ

วันเกิดเหตุ เมื่อพระนักเทศน์ชื่อดัง ตั้งคำถามต่อญาติโยมทั้งหมู่บ้าน ซึ่งบรรยากาศก็เป็นไปด้วยดี เช่น ถามว่า...

- ญาติโยมทั้งหลาย เราจะบริหารร่างกายให้แข็งแรง พึ่งตนเองได้ ทานข้าวเองได้ หรือ ขี้เกียจบริหารจนร่างกายเจ็บป่วยต้องให้ใครมาป้อนข้าว ป้อนน้ำให้ โยมก็ตอบพร้อมเพรียงว่า.. บริหารตนเอง พึ่งตนเอง ทานข้าวเอง

- ญาติโยมทั้งหลาย เราจะหมั่นสวดมนต์ท่องบ่นเอง หรือ นอนไม่มีลมหายใจให้พระสวดให้ โยมก็บอกว่า จะตั้งใจสวดเอง

- ญาติโยมทั้งหลาย เราจะหาเวลาไปสนทนากับพระ แสวงหาธรรมเอง เข้าวัดเอง หรือ จะรอให้คนหามเราเข้าวัด โยมก็บอกว่า จะตั้งใจเข้าวัดเอง..

- ญาติโยมทั้งหลาย เราจะพนมมือเอง หรือ จะต้องให้สัปเหร่อ จับเราพนมมือ โยมก็ตอบพร้อมเพรียงว่า เราพนมมือเอง...

บรรยากาศถาม ตอบ ใกล้จบ กำลังเป็นไปด้วยดี แล้วทันทีทีจบคำถาม...สัปเหร่อ พร้อม คำตอบปุ๊บ ก็มีเสียงพ่อหนุ่มขี้เมาคนหนึ่งดังอ้อแอ้ ขึ้นมาว่า...

" หลวงพี่ แล้ววันนี้ หลวงพี่ จะกลับวัดเอง หรือ จะให้โยมหามกลับวัด "

จบ...