สอนหลักการจำเขียนคำที่สับสน
ข้าพเจ้าสอนวิชาภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดท่าไชย(ประชานุกูล)ทุกครั้งก่อนที่
จะสอนวิชาภาษาไทยข้าพเจ้าจะให้นักเรียนเขียนตามคำบอกทุกวัน วันละห้าคำ นักเรียนส่วนใหญ่เขียนได้อาจมีผิดบ้างถูกบ้าง แต่พอครูเฉลยและให้แก้คำผิดแล้วนักเรียนก็จะจำได้ มีอยู่วันหนึ่งข้าพเจ้าให้นักเรียนเขียนตามคำบอกห้าคำก่อนเรียน สองในห้าคำมีคำว่า ตักบาตร และบิณฑบาต หลังตรวจงานข้าพเจ้าจึงเห็นว่าส่วนมากผิดสองคำ คือ ตัวสะกดของคำว่า ตักบาตร และบิณฑบาต นักเรียนเกิดการสับสนว่าบาต คำใดใส่ (ร) หรือไม่ใส่ (ร) ข้าพเจ้าจึงอธิบายเพิ่มเติมว่า ตักบาตร จะสะกดด้วย ( ตร ) และคำว่าบิณฑบาต จะไม่ใส่ ( ร ) อธิบายจนคิดว่านักเรียนเข้าใจทุกคน เพราะมันไม่ใช่คำที่ยากเลย ข้าพเจ้าจึงให้เขียนตามคำบอกเฉพาะสองคำนี้อีกครั้งหนึ่ง ปรากฏว่าจากนักเรียนสามสิบหกคน เกิดการสับสนระหว่างการใส่ ร และไม่ใส่ ร ถึงสิบห้าคน
ข้าพเจ้าจึงหาวิธีที่จะให้นักเรียนจำการเขียนคำสองคำนี้อย่างแม่นยำและไม่สับสน จึงอธิบายความหมายของคำและหลักการจำดังนี้
คำว่า ตักบาตร โยมต้องรอพระ (หมายความว่า คำว่า ตักบาตร ต้องใส่ ร )
คำว่า บิณฑบาต พระไม่รอโยม (หมายความว่า คำว่า บิณฑบาต ไม่ใส่ ร )
หลังจากนั้นจึงให้นักเรียนทำความเข้าใจความหมายของทั้งสองประโยค และให้นักเรียนท่องจนขึ้นใจ
วันรุ่งขึ้นข้าพเจ้าจึงให้นักเรียนเขียนตามคำบอกเฉพาะสองคำนั้น ผลปรากฏว่านักเรียนสามารถเขียนทั้งสองคำ
ได้อย่างไม่สับสนและเขียนถูกหมดทั้งสามสิบหกคน ข้าพเจ้าจึงพยามยามหาหลักการท่องจำคำพ้องเสียงเพื่อนำมาให้นักเรียนมีหลักการจำและสามารถเขียนคำได้อย่างถูกต้อง อย่างมั่นใจให้และไม่สับสน หลักขอบคุณค่ะ