ออกจากริมนทีโฮมสเตย์ คณะเราได้อุดหนุนฝีมือกลุ่มแม่บ้านในชุมชน กระเป๋าผ้า เป้ผ้าเล็ก ๆ
หยิบของแล้ววางเงินในตะกร้า ราคาตามป้าย .... วิถีแห่งความเชื่อใจกันและกัน อบอุ่นเหมือนมาบ้านญาติจริง ๆ
ส่วนพัดไม้ไผ่เป็นของฝากที่ทำให้ระลึกถึงพี่สาวคุณหมู และน้อง ๆ ดูแลที่นอน อาหารการกิน
คุณหมูยังรับเป็นไกด์พานั่งเรือข้ามฝาก นำชมอาชีพเลี้ยงปลาริมฝั่งสะแกกรัง ชมตลาดมโนรมย์
ใจดีมากให้พัดแก่สมาชิกคณะเราโบกไล่ความร้อนที่อาจจะมีช่วงสาย ๆ
^_,^
ถนนกว้างขวาง ป้ายบอกแหล่งท่องเที่ยวชัดเจน และน้าอุดรทำการบ้านสอบถามเส้นทางมาเรียบร้อย
จอดรถใกล้ ๆ โบสถ์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ฝีมือจิตรกรรมฝาผนังในโบสถ์แรกประณีตมาก
ภาพที่ถ่ายมาแต่ละภาพขนาดเล็กมากนะคะ ประมาณ ๒ – ๓ ตารางฟุต
แต่รายละเอียดนั้น .... สุดยอดมาก แต่งองค์ทรงเครื่องประดับประดา รายละเอียดผ้านุ่งสวยงามมาก
วงดนตรีมโหรี จะเข้ ฆ้องวง ระนาด ซอ ปี่ กลอง
เห็นกระทั่งรอยยิ้มเมตตาบนใบหน้าพระสงฆ์
เดี๋ยวออกไปชมแพในแม่น้ำสะแกกรังกันนะคะ
สะพานข้ามไปตรอกโรงยาที่เราเดินเมื่อคืนนี้ได้ค่ะ
^_,^
กลับขึ้นรถ เราจะข้ามสะพาน ออกจากเกาะเทโพเข้าเมืองไปวัดท่าซุงกันนะคะ
๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นวัดทอดกฐินพอดี
รถจอดนอกรั้ววัด เดินฝ่าแดดพอสมควร ร่มพร้อม แว่นกันแดดพร้อม เดิน เดิน เดิน
เข้าในบริเวณวัดท่าซุงมีแผนที่แหล่งท่องเที่ยวอุทัยธานีให้ศึกษาเบื้องต้นได้ด้วย
มหาวิหารแก้ว ที่ยังมีหลวงพ่อฤาษีลิงดำให้เราได้กราบไหว้
ร่วมทำบุญ ชมความงามวิจิตรของแสงไฟในมหาวิหารแก้วพอแล้ว
ออกเดินทางไปนครสวรรค์กันต่อค่ะ
^_,^
สวัสดีครับคุณหมอ
ดีใจจังที่ยังได้เห็นความไว้เนื้อเชื่อใจกันในสังคมปัจจุบัน
หยิบของแล้ววางเงินในตะกร้า ราคาตามป้าย...
ไปริมฝั่งสะแกกรัง คงได้ชิมปลาอร่อยๆนะครับ
ที่นั่นมีร้านที่ขายปลาอร่อยๆที่รสดีทีเดียว
ตอนเย็นฝนตก ได้ซื้ออาหารจากตรอกโรงยาเข้ามาทานที่โฮมสเตย์ ปลาทอดเนื้อหวานมากค่ะ