ดับไฟตาย ด้วยปลายพู่กัน


มีโอกาสได้อ่าน บทความเล็กๆ ฺจากเว๊บไซด์ Bangkokbiznews.com ในหัวข้อ ดับไฟใต้ ด้วยปลายพู่กัน โดยคุณ ดาวเรือง รัตนะ

ทุกครั้งของการรับรู้ เป็นทุกครั้งของความเจ็บปวดที่ไม่มีโอกาสได้รู้ ว่าจะมีวันสิ้นสุดหรือไม่ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เราหลีกเลี่ยง การรับรู้ เหตุการณ์ใต้ ไม่ว่ามันจะเกิด ณ.ที่แห่งใดในพื้นที่ สามจังหวัดชายแดนใต้

สุไลมาน ยาโม เด็กหนุ่มมุสลิมวัย26ปี แห่งบ้านคลองช้าง ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี คือหนึ่งในเหยื่อแห่งความรุนแรงที่ต้องสูญเสียบิดาอันเป็นที่รัก มิหนำซ้ำแม่ผู้ให้กำเนิดยังต้องได้รับบาดเจ็บทิ้งรอยแผลเป็นไว้บนเรือนกายมาจวบจนทุกวันนี้

เขามีชีวิตเฉกเช่นเด็กมุสลิมคนอื่นๆ ในชุมชนบ้านคลองช้าง พื้นฐานครอบครัวไม่ได้ร่ำรวย ยึดอาชีพรับจ้างและทำสวนทั่วไป จนกระทั่งก้าวเดินออกจากรั้วสถานศึกษามารับจ้างเป็นคนรับส่งน้ำดื่ม และอุปโภคตามบ้านเรือนทั่วไป โดยรายได้ทุกบาทใช้ส่งเสียน้องสาวและน้องชายร่ำเรียนในโรงเรียนใกล้บ้าน แต่สิ่งหนึ่งที่ 'สุไลมาน' มีความแตกต่างจากเพื่อนร่วมชุมชนคนอื่น นั่นคือ การหลงใหลในศิลปะเป็นกรณีพิเศษ มีความฝันว่าสักวันจะต้องเป็น “นักวาดภาพ”ให้ได้ ด้วยเหตุนี้จึงมักจะหาโอกาสไปขอความรู้จากศิลปินอิสระในท้องถิ่น รวมทั้งเจียดเงินส่วนหนึ่งซื้อผ้าใบและสีน้ำมันมาละเลงภาพด้วยความรู้เท่าที่มี เด็กหนุ่มบ้านคลองช้างคนนี้ใช้เวลายามค่ำคืนฝึกฝนฝีมือตามความรู้ที่หาได้จากหนังสือและเครื่องมือในโลกอินเตอร์เน็ต จนนำมาซึ่งความสามารถด้านศิลปะที่เป็นโล้เป็นพายมากขึ้นกว่าเดิม

“คนร้ายยิงพ่อผมด้วยอาวุธปืนจนเสียชิวิต ขณะขี่มอเตอร์ไซด์เมื่อวันศุกร์ที่ 25 ม.ค.ปี51 เวลาประมาณ 17.15 น. ส่วนแม่โดนกระสุนปืนเข้าที่หัวไหล่ วันนี้ยังมีรอยแผลเป็น ให้ท่านรู้สึกเจ็บปวดอยู่เลย”สุไลมานย้อนเรื่องราว หลังเสร็จสิ้นพิธีทางศาสนา เขาได้มุ่งหน้ากลับสู่ศูนย์ศิลปาชีพบางไทยอีกครั้ง ด้วยกับความมุ่งมาตรว่าจะเก็บเกี่ยววิชาศิลปะให้มากที่สุด และจะนำเอาสิ่งนี้กลับมาทำงานเพื่อสังคม โดยเฉพาะสามจังหวัดชายแดนใต้ เพราะเชื่อว่าศิลปะสามารถเยียวยาความรุนแรงได้

สุไลมานได้กล่าวไว้ว่า เพราะผมผ่านช่วงเวลาเลวร้ายมาได้ด้วยสิ่งนี้ ดังนั้นผมจะเอาความรู้กลับไปเยียวยาเด็กและเหยื่อความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัด ที่สำคัญผมไม่อยากให้ใครสูญเสียเหมือนผม ผมอยากให้เหตุการณ์ภาคใต้สงบสุขอีกครั้ง ไม่อยากเห็นใครต้องสูญเสียครอบครัว ญาติพี่น้องอีก

  • รังสรรค์ศิลป์เพื่อถิ่นเกิด

กว่า 4 ปีเต็มกับการเรียนรู้ศิลปะ ณ ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร จนเริ่มนำผลงานออกสู่สายตาภายนอก โดยเฉพาะความสามารถด้านการวาดภาพเหมือนด้วยสีน้ำมัน โดยเฉพาะพระบรมฉายาลักษณ์องค์พระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์

ที่สำคัญรายได้จากการวาดภาพทุกบาททุกสตางค์ นอกจากจะส่งมาให้ผู้เป็นแม่เพื่อเลี้ยงครอบครัวแล้ว ยังนำเงินส่วนหนึ่งไปสมทบ เพื่อสร้างมัสยิดภายในหมู่บ้านอีกด้วย เพราะสุไลมาน เชื่อว่าศิลปะและศาสนาคือสิ่งที่จะกล่อมเกลาจิตใจคนในชุมชนให้อยู่บนเส้นทางที่ดีได้ โดยไม่ตกอยู่ในวังวนของความรุนแรง

ล่าสุดมีผู้ซื้อผลงานของสุไลมาด้วยเงิน ซึ่งเป็นตัวเลข 6 หลัก เป็นผลงานพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำให้เจ้าตัวนำเอารายได้มาร่วมสร้างมัสยิดใกล้บ้านอย่างเต็มกำลังด้วยหวังจะให้ศาสนสถานของชุมชนแล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด

นอกจากนี้ผลงานศิลปะของสุไลมาน ยังมีลูกค้าที่เป็นชาวไทย และชาวต่างประเทศ ออเดอร์มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนหนึ่งจะเป็นภาพที่สะท้อนแง่มุมชีวิตและอัตลักษณ์วิถีสังคมคนปลายด้ามขวาน โดยรายได้ส่วนหนึ่งจากการขายภาพได้ นอกจากจะบริจาคสร้างมัสยิดแล้ว ยังนำไปใช้ทำกิจกรรมเพื่อสังคมพัฒนาเยาวชนในสามจังหวัดชายแดนใต้ ผ่านกลุ่มศิลปินชายแดนภาคใต้อีกด้วย

ทุกวันนี้สุไลมานจะตระเวณเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้ให้กับเยาวชนในพื้นที่ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ด้วยการวาดภาพ โดยลงทุนควักกระเป๋าซื้อผ้าใบและสีน้ำมันด้วยตัวเอง แล้วนำไปให้เด็กๆละเลงจินตนาการผ่านปลายภู่กันมาเป็นเวลาหลายขวบปีแล้ว

“เด็กๆ จำนวนมากที่ผมได้ตระเวนสอนวาดภาพในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ผมได้เห็นแววตาแห่งความสุข เพราะสิ่งนี้หลายคนแทบไม่มีโอกาสได้ทำมาก่อน ดังนั้นผมตั้งใจว่าจะเอาศิลปะไปกล่อมเกลาเด็กให้ทั่วปลายด้ามขวาน”สุไลมานกล่าว

  • ภาพพ่อแห่งแผ่นดิน ณ ถิ่นปลายขวาน

ล่าสุดสิ่งที่สร้างความปลาบปลื้มปิติให้กับชีวิตมากที่สุด นั่นคือ เมื่อสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธี “เบิกพระเนตรพระพุทธมหามุนินทโลกนาถ” ณ อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว อ.โคกโพธิ์ และทรงเสด็จพระราชดำเนินไปยังโรงแรม ซี เอส ปัตตานี ทรงเจิมแผ่นศิลาเนื่องในโอกาสครอบรอบ 50 ปี ของการก่อตั้งบริษัท อีซูซุ หาดใหญ่ จำกัด ในวันจันทร์ที่ 14 มกราคม 2556 สุไลมาน ยาโม มีโอกาสถวายพระฉายาลักษณ์ ด้วยตนเอง

“ผมยังมีฝันหนึ่งที่จะต้องทำให้สำเร็จให้ได้ นั่นคือผมจะวาดภาพในหลวง เมื่อคราวเสด็จลงพื้นที่ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ซึ่งขณะนี้ตระเวณรวบรวมภาพถ่ายได้จำนวนหนึ่งแล้ว ซึ่งเป็นพระราชกรณียกิจที่น้อยคนนักจะเคยรับรู้ว่าถิ่นทุรกันดารใน3จังหวัด พระองค์ท่านได้เสด็จมาพระราชทานความช่วยเหลือมากมาย ซึ่งภาพส่วนใหญ่เป็นภาพถ่ายขาวดำทั้งสิ้น และผมตั้งใจจะถ่ายทอดเรื่องราวเป็นภาพสีน้ำมันจำนวน86ภาพ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ 86 พรรษา โดยจะนำภาพมาแสดงนิทรรศการในพื้นที่แห่งนี้ เพื่อให้ทุกคนในดินแดนแห่งนี้รับรู้ว่าพระองค์ท่านทรงมีพระมหากรุณาธิคุณกับพสกนิกรในชายแดนภาคใต้มากล้นเพียงใด”สุไลมาน กล่าวถึงความตั้งใจ

โครงการวาดภาพในหลวงเสด็จปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ นับเป็นความฝันอันสูงสุดที่สุไลมานตั้งใจและขออุทิศความสามารถและกำลังทั้งหมดเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่าน และหวังให้คนสามจังหวัดได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และช่วยกันหยุดความแรง ก้าวเดินไปบนเส้นทางแห่งสันติสุขด้วยกัน เพื่อให้พระพักตร์ของพ่อแห่งแผ่นดินมีแต่รอยแย้มพระสรวล”

ขอบคุณ เรื่องราวแห่งความสุขใต้รอยร้าวของปลายด้ามขวานทองที่เปื้อนเลือด


คำสำคัญ (Tags): #รัก
หมายเลขบันทึก: 618709เขียนเมื่อ 17 พฤศจิกายน 2016 19:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 พฤศจิกายน 2016 19:24 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

อ่านแล้วเป็นความเยียวยาด้วยหัวใจจริง

ขอบคุณมากๆสำหรับเรื่องดีๆ

คิดดี ทำดี ย่อมได้ดี เป็นคำนิยามของหนุ่มคนนั้นค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท