ชีวิตที่พอเพียง : 160. ไหว้เจ้าและสวดทำบุญให้บรรพบุรุษ


        เช้าวันที่ ๒๘ ตค. ที่บ้านชุมพร     น้องชายและน้องสะใภ้เตรียมซื้อข้าวเหนียวสังขยา  ข้าวเหนียวเหลืองหน้ากุ้ง  หน้าปลา   ตะโก้เผือก  ตะโก้มัน  ข้าวเหนียวปิ้ง   หมูปิ้ง ข้าวเหนียว   ไว้ให้กินกับกาแฟ     อาหารเหล่านี้ทยอยมาเป็นระยะๆ     และมีแม่ทำหน้าที่ชักชวนให้กิน     ผมนึกถึงสมัยเด็กๆ แม่จะทำหน้าที่ตรงกันข้าม     คือคอยห้ามว่าอย่ากินหมด ให้เก็บไว้เผื่อคนที่ยังไม่ได้กินบ้าง     ตอนเด็กๆ เราอยากกิน และกินแล้วมีประโยชน์ แต่ไม่ค่อยมีกิน     ตอนแก่ มีกินมากเกินไป แต่ไม่ค่อยกล้ากิน เพราะทำให้อ้วน เสียสุขภาพ

       น้องๆ เขาไปนอนโรงแรม    เหตุผลที่ไปนอนโรงแรม เพราะรุ่นลูกนอนห้องแอร์จนติด     แต่ผมนอนที่บ้าน เพราะรู้ว่าแม่ชอบให้นอนที่บ้าน     อากาศในฤดูนี้นอนห้องไม่แอร์สบายกว่า     อากาศสดชื่นกว่า     ผมเสียดายที่อดวิ่งออกกำลังไปชายทะเล เพราะฝนตก  

        พอสายหน่อย ทีมจัดการเขาเตรียมอาหาร  ผลไม้และเครื่องดื่มไว้ไหว้เจ้า      นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเข้าพิธีไหว้เจ้า     แม่กับน้องเขาตกลงกันว่าจัดเสียหน่อยเพื่อความครึกครื้น     แม่บอกว่าแม่ไม่เคยเชื่อว่าการไหว้เจ้าจะทำให้คนที่ตายไปแล้วได้กิน     แต่ก็ทำเสียหน่อย     แม่เล่าว่าตาของผมก่อนตายสั่งแม่ว่าเวลาไหว้ ขอเหล้าเซี่ยงชุนนะ เหล้าขาวไม่เอา      ตาของผมชื่อนายยื้อ เป็นจีนแท้มาจากซัวเถา      ตอนผมจำความได้ท่านหูตึง แต่พูดเสียงค่อยมาก    และไม่ค่อยพูด     แม่บอกว่าท่านเป็นคนไม่ทันคน     พิธีไหว้เจ้าของเราเป็นฉบับย่อส่วน     คือเอารูปและโกศกระดูก (ถ้ามี) ของบรรพบุรุษ ๔ (๕) คนมาวาง     เอาอาหาร เครื่องดื่ม  ผลไม้ และดอกไม้ กระถางธูป ๔ กระถาง และเทียนวางข้างหน้า     แม่จุดเทียน แล้วจุดธูป ๔ ดอก ปักลงกระถางละ ๑ ดอก     แล้วไหว้อธิษฐาน     ลูกๆ หลานๆ ก็ทำตาม     รออาหารเครื่องดื่มไว้สัก ๑ ชม.   (คงจะรอให้ "เจ้า" มากิน) ก็ลาออกมา เป็นอาหารของลูกหลานเจ้าต่อไป

        เราตกลงกันว่าจะช่วยกันเปลี่ยนนิสัยเจ้า ให้ปฏิบัติตาม สสส. คืองดเหล้าแม้เจ้าจะไม่เข้าพรรษา     เราจึงเสิร์ฟเฉพาะน้ำชา  และน้ำสะอาด      แม่เห็นด้วย     เห็นไหมครับ ว่าแม่ผมเป็นคนทันสมัยแค่ไหน  

        ระหว่างนี้ ญาติๆ เขาเตรียมอาหารเลี้ยงพระ และเลี้ยงฆราวาส คือญาติๆ     มีญาติที่ห่างออกไปหน่อยมาช่วยเตรียมอาหารด้วย เป็นอาหารที่ไม่แพงนักสำหรับชุมพรเมืองทะเล     แต่ถ้าเลี้ยงแบบนี้ที่กรุงเทพหมดตัวแน่     ได้แก่ปูม้าสด (ยังเป็นๆ) ต้ม     กุ้งกุลาดำตัวโตๆ อบ     แกงไก่เหมงมะพร้าว     ใบเหรียงผัดไข่    ห่อหมก

       พอเกือบสิบนาฬิกา เขาก็ลาของไหว้เจ้าออกมา     ผมนึกถึงคำที่พวกเราเด็กๆ สมัยห้าสิบปีก่อนท่องตามคำของลูกน้องพ่อ ที่เป็นคนขับรถ ว่า "ไปวัดไปวา  กลับมาหมดสิ้น    ไหว้เจ้าดีกว่า  กลับมาได้กิน"     ผมจึงได้เห็นว่าน้องและน้องสะใภ้เจ้าของสวน และมีร้านค้าในตลาดท่าตะเภาเขาซื้อซาละเปามาเป็นร้อย  ท่าทางน่ากิน     ถามได้ความว่าเป็นซาละเปาทับหลี เจ้าดั้งเดิม และอร่อยที่สุด     น้องสะใภ้เขาบอกความน่ากินว่า แป้งบาง  และไส้มาก     แม่ชวนกินขนมไม่หยุดปาก     เราก็สนองคำชวนไม่หยุดปากเหมือนกัน     ฉากนี้ปากและลิ้นมีความสุข     ผู้เดือดร้อนคือพุง และ Belly / Hip Ratio      

       เก้านาฬิกาเศษๆ สถานีวิทยุ อสมท. เอฟ เอ็ม ๑๐๐.๕ ก็โทรศัพท์มาซักซ้อมว่าจะสัมภาษณ์เรื่องมหกรรมจัดการความรู้แห่งชาติ ครั้งที่ ๓   ประมาณ ๑๕ นาที ตอน ๑๐.๑๕ น.    พอถึงเวลา ทางสถานีก็โทรศัพท์มาและเข้ารายการสดเลย      ผมเคยให้สัมภาษณ์สดทางสถานีวิทยุหลายครั้ง     ส่วนใหญ่ผมผิดหวัง คือคนสัมภาษณ์ "ถามไม่ตรงคำตอบ"      คือถามไม่เข้าประเด็น     แต่คราวนี้คนสัมภาษณ์ถามเก่งมาก     ทั้งถามและทั้งขยายความได้อย่างเข้าเป้า     เสียดายที่ผมไม่ทราบชื่อ     ผมได้สื่อเป้าหมายที่สำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนสังคมไทยสู่สังคมอุดมปัญญา อย่างชัดเจนมาก    

        ระหว่างให้สัมภาษณ์ภรรยาเอากระดาษเขียนข้อความว่า "พระมาแล้ว" มายื่นให้     ผมเป็นลูกคนโต ต้องไปอยู่ในพิธีร่วมกับแม่ คล้ายๆ เป็นประธานในพิธี     ทั้งๆ ที่เขารู้กันทั่ว ว่าผมเป็นคนไม่เอาไหน ในเรื่องพิธีกรรม     ผมไม่รู้ว่าตอนไหนจะต้องทำอะไร     ต้องมีคนคอยกระซิบบอกบท    ซึ่งในกรณีนี้ ก็น้องๆ นั่นแหละ  

         พระมาสวด และฉันเพล     ระหว่างพระสวดผมทำหน้าที่เก็บภาพในพิธี     ปรากฎว่าเจ้า กอล์ฟ หลานชาย ซึ่งเป็นนิสิตวิศวะจุฬา ปี ๖ (หมายความว่าเรียนมา ๖ ปีแล้ว) เป็นคนบ้ากล้องถ่ายรูปเหมือนกัน     เขามีกล้อง Canon EOS 350D ซึ่งก็มีคุณภาพน้องๆ Canon EOS 30D ของผม (ที่ลูกสาวซื้อให้)     จึงมีตากล้องสมัครเล่นที่ใช้กล้องกึ่งอาชีพอยู่ถึง ๒ คน     ผมคุยกับ กอล์ฟ เรื่องกล้อง และเรื่องคอมพิวเตอร์ ได้ความรู้เพิ่มขึ้นมาก

        หลังพระฉันเพล และยถาสัพพีจบ ก็ถึงคราวอาหารเที่ยงของฆราวาส     อาหารมากถึงขนาดผมกินได้ไม่ครบทุกอย่าง     ที่ผมไม่ได้กินคือห่อหมก   ใบเหรียงผัดไข่     และขนมจีน     ที่ผมกินคือแกงไก่เหมงมะพร้าว     กุ้ง (กุลาดำ) อบเกลือ     ปูม้าต้ม เป็นปูที่ต้มตอนมันยังมีชีวิตอยู่     ทั้งสองอย่างนี้จึงเป็นอาหารทะเลที่สดระดับที่หากินยากมาก    นอกจากนั้นผมยังกินปลาอินทรีย์แดดเดียว  และปลาช่อนแดดเดียว     ตบท้ายด้วยของหวานคือแปะก๊วยมะพร้าวอ่อนลอยแก้ว    ที่เพื่อนที่อยู่ที่อำเภอสวีของน้องสะใภ้ทำมาให้หม้อใหญ่     เรารู้ว่าอร่อยมาก เพราะปีที่แล้วก็ทำมาให้แบบเดียวกัน

                          

พิธีไหว้เจ้าอย่างง่าย  แม่บอกว่าถ้าอยากให้แม่ได้กินอะไรก็ให้กินเสียตอนยังมีชีวิต  เพราะเชื่อว่าตายไปแล้วก็คงไม่ได้กิน

                         

                                   ของเซ่นไหว้ครบชุด

                         

                                            พิธีสวด

                          

                                    ลูกหลานเต็มบ้าน

                           

                                      ใบเหรียงผัดไข่

                            

                                แกงไก่เหมงมะพร้าว

                            

                                             กุ้งอบ

วิจารณ์ พานิช
๒๘ ตค. ๔๙
บ้านท่ายาง  อ. เมือง  ชุมพร

หมายเลขบันทึก: 61481เขียนเมื่อ 21 พฤศจิกายน 2006 09:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 มิถุนายน 2012 21:46 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
ขอบพระคุณครับ
เกิดความหิวเพราะภาพอาหาร 3 จาน และก็ได้เวลาอาหารกลางวันพอดี ขออนุญาติไปทานข้าวกลางวันครับ แต่สองจานแรกจะสั่งที่ร้านไหนได้ ยังสงสัยอยู่ครับ .. แค่ เหมงพร้าว คนขายคงงงว่าอะไรกัน .. กะลาอ่อนๆ ของมะพร้าวอ่อน นั่นเอง ใครไม่ทราบ  โปรดทราบ.
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท