ควันหลงบอลโลกรอบคัดเลือกรอบ3 ไทย-ญี่ปุ่น

ขอบคุณภาพประกอบจาก siamsport.com

สู้ต่อไปนะไทยแลนด์...

เป็นไปตามที่คาดคิดกันไว้สำหรับผลบอลโลกระหว่างทีมชาติไทยกับทีมชาติญี่ปุ่น ทุกสำนักระบุข้อความตรงกันว่า ไทยต้านทานความแข้งแกร่งของญี่ปุ่นไม่ไหว

สำหรับความคิดเห็นของผู้เขียนในฐานะผู้ชมมองว่าเราต้านไม่ไหวทั้งประสบการณ์ ทั้งรูปร่าง พละกำลังดูเราจะสู้ญี่ปุ่นไม่ได้จริงๆ และที่สำคัญเหมือนเราเล่นแบบไม่กล้า เล่นแบบกลัวๆ รวมๆก็คือเล่นแบบกล้าๆกลัวๆ แตกต่างจากแมทช์ที่เจอกับซาอุฯแม้จะบุกไปเยือนถิ่นเขาแต่เราเล่นกันแบบไม่กลัวซาอุฯ เล่นตามที่เราถนัดได้

หรืออาจเป็นเพราะญี่ปุ่นวางแผนมาดี เข้ากดดัน เฟชเชอร์บอลจนเราต่อบอลตามที่เราเก่งกันไม่ได้ กองกลางแทบจะไม่ได้บอล ชาริล ที่ส่งลงไปแทนสารัช ก็แทบจะช่วยพักบอลต่อบอลจากแดนหลังสู่แดนหน้าไม่ได้เลย เท่ากับว่าการขาดสารัช อยู่เย็น มีผลต่อทีมมากเลยทีเดียว

เกมหนักจึงมาตกที่กองหลังอย่างทริสตอง โด กับธนบูรณ์ ที่เล่นได้ดีมาก แต่ก็ต้านทานไม่ไหวจนพลาดทำให้เสียลูกที่สอง หากจะให้คะแนนความสามารถก็คงยกให้กวินทร์ผู้รักษาประตูที่เซพลูกสำคัญๆได้หลายลูก ไม่งั้นคงจะไม่ต่ำกว่าสี่ลูกแน่ๆ

ส่วนแดนหน้าธีรศิลป์ มีโอกาสฉกฉวยอยู่บ้างจากจังหวะการจ่ายบอลของชนาธิป และเกือบทำได้ด้วยนั่นเป้นแอ็กชั่นที่ใกล้เคียงที่สุดของตัวอันตรายทั้งสองของไทย ส่วนการโยนบอลจากลูกตั้งเตะที่เคยอันตรายของธีราทร ถูกกองหลังญี่ปุ่นสกัดเก็บได้หมดทุกจังหวะ

ขณะที่การแก้เกมดดยการเปลี่ยนตัวที่ถอดเอาชาริล ชัปป์ปุย ที่แทบจะไม่ได้บอลเลยออกเป็นการเปลี่ยนตัวที่ถูกต้อง แต่ประกิตก้ช่วยทีมไม่ได้และถูกใบเหลืองที่สองจนทีมเหลือ 10 คน 11 คนเท่ากันยังยากแสนยาก แล้ว 10 คนจะเล่นกันอย่างไร

ตัวเปลี่ยนที่เรียกเสียงฮือฮาอย่าง สิโรจน์ ทำได้ดีในช่วงเวลาช่วงท้ายเกม ทำความยุ่งยากให้กองหลังพอสมควรจนเรียกฟาวล์จากญี่ปุ่นได้ถึง 2 ครั้ง สัมผัสเกมครั้งแรกของสิโรจน์จึงเป็นความหวังของกองหน้าร่างยักษ์คนนี้ให้กีบทีมชาติไทยได้เลยทีเดียว

ญี่ปุ่นเป็นทีมระดับแนวหน้าพัฒนามาร่วม 20 ปี ลีไทยเราพัฒนาค่อนข้างเร็วแต่เพียงครึ่งทางของญี่ปุ่น ทัศนของผู้เขียนกับ 2 นัดของทีมไทย เราพัฒนาได้ใกล้เคียงชาติตะวันออกกลางอย่างซาอุฯแล้ว แต่ยังห่างไกลจากญี่ปุ่น

อีกหลายนัดที่เหลือ เรายังมีหวัง ไทยแลนด์ สู้ สู้…..