จากการสอบถามนักเรียนอยู่เสมอว่า เมื่อคืนนี้นักเรียนอ่านหนังสือบ้างหรือเปล่าหรือใครอ่านหนังสือบ้าง พบว่ามีนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ก.จำนวน ๒๖ คน อ่านหนังสือในแต่ละวันไม่เกิน ๕ คน ซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยมากและนับวันจะยิ่งแย่ลงไปกว่านี้เพราะเด็กไทยกลายเป็นคนไม่ชอบอ่านหนังสือ จึงมีความคิดว่าน่าจะหาวิธีการใดวิธีการหนึ่ง ที่ควรจะส่งเสริมให้นักเรียนได้อ่านหนังสือบ่อยขึ้นและทุกคน จึงได้จัดทำสมุดบันทึกการอ่านให้กับนักเรียนทุกคน โดยให้นักเรียนทุกคนอ่านหนังสืออะไรก็ได้แล้วสรุปเรื่องที่อ่านบันทึกลงสมุดบันทึกการอ่านเพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ผู้ปกครองเซ็นรับทราบผลจากการอ่านของนักเรียน ครูจะตรวจสมุดบันทึกการอ่านของนักเรียนเดือนละ 1 ครั้ง ดังนั้น 1 เดือนนักเรียนต้องบันทึกการอ่านไม่น้อยกว่า 4 ครั้งทุกคน แต่มีข้อตกลงว่าถ้าใครขยันอ่านและสามารถบันทึกการอ่านได้มากที่สุด ครูมีรางวัลให้นักเรียนที่บันทึกการอ่านได้มากกว่านักเรียนคนอื่นซึ่งรางวัลนี้จะให้ทุกเดือน จากข้อตกลงนี้ปรากฏว่า นักเรียนจะแข่งขันกันอ่านและจดบันทึกการอ่านลงสมุดบันทึกการอ่านมากขึ้น บางคนเดือนๆหนึ่งอ่านและบันทึกการอ่านไม่ต่ำกว่า 20 ครั้ง การให้รางวัลเป็นแรงเสริมให้นักเรียนอ่านหนังสือมากขึ้น และในวิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษครูได้จัดทำบัตรคำอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นคำในบทเรียนที่นักเรียนเรียน นำมาให้นักเรียนอ่านทุกวันในชั่วโมงโฮมรูม และก่อนปิดภาคเรียนจะมีการทดสอบอ่านคำภาษาไทยและคำภาษาอังกฤษ นักเรียนที่ผ่านการประเมินผลการอ่านต้องอ่านได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ดังนั้นการนำบัตรคำอิเล็กทรอนิกส์มาให้นักเรียนได้อ่านทุกวันก็เป็นการส่งเสริมการอ่านให้นักเรียนอีกวิธีการหนึ่ง
ครูชูศรีเก็บข้อมูลจากบันทึกการอ่านของเด็กดูฃิคะ ครูจะได้งานวิจัยอย่างดี แถมมีข้อมูลสำหรับพัฒนาอีกหลายเรื่องเลยเช่นการเลือกฃื้อหนังสือห้องสมุด การต่อยอดความรู้ให้เด็กฯลฯ แต่เชื่อว่าครูคงทำแล้ว