วัตถุประสงค์ของท่านที่ใช้เครื่องกรองน้ำก็เพื่อ ต้องการความสะอาดที่มาตรฐานสูงกว่าน้ำประปา ในต้นทุนที่ประหยัดกว่า สะดวกกว่าซื้อน้ำดื่ม นั่นเป็นที่แน่นอนอยู่แล้ว
แต่จะให้สะอาดขึ้นไปถึงระดับไหน ก็ต้องเข้าใจเสียก่อนว่าในน้ำใสๆมีอะไรซ่อนอยู่
@ ถาม: กรองอะไร
ตอบ: หลักง่ายๆ ก็คือ เอาสารที่ไม่ใช่น้ำแยกออกไป
สารปนเปื้อนในน้ำมีหลากหลายชนิด ขนาดต่างๆกันตั้งแต่ มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเช่น ตะกอน สนิม เล็กลงไปจนถึงจุลินทรีย์ที่ต้องมองด้วยกล้องจุลทรรศน์ และเล็กที่สุดเป็นสารละลายของโมเลกุลสารเคมี หรืออิออนของโลหะ ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยวิธีใด ต้นตอที่ก่อให้เกิดการรบกวน ขัดขวางการทำงานของระบบต่างๆของร่างกาย เป็นสาเหตุให้เกิดการเจ็บป่วย ไปจนถึงมะเร็ง
หลักการกรองแยกสารปนเปื้อนจากน้ำคือ ใช้ตัวกลางที่มีขนาดรูพรุนเล็ก มาเป็นสารกรอง อะไรที่ใหญ่กว่ารูพรุนก็ผ่านไปไม่ได้ ง่ายๆแค่นี้เองครับ
@ กรองอย่างไร:
เทคโนโลยีการกรองถูกพัฒนาให้ได้สารกรองที่มีขนาดรูพรุนเล็กลง เล็กลงเรื่อยๆ เพื่อให้สามารถแยกสารปนเปื้อนออกไปจากน้ำให้ได้มากที่สุด
ระบบกรองที่รูพรุนเล็กกว่าย่อมมีประสิทธิภาพมากกว่า ยิ่งเล็ก ยิ่งดี
มันยากตรงนี้แหละครับ จะใช้อะไรมาผลิตให้เป็นสารกรองที่มีรูพรุนเล็กจิ๋วได้มากกว่ากัน
-#-กรองหิน+ทราย ดังที่การประปาใช้อยู่ ได้น้ำที่แลดูค่อนข้างใส แล้วฆ่าเชื้อโรค จุลินทรีย์ด้วยคลอรีน
-#-กรองระดับไมโคร (mf) กรองอนุภาคได้ถึง 1 ไมครอน (1/1ล้าน ของเมตร) เช่น แท่งเซรามิค หลอดไส้กรอง pp ทำให้น้ำใสขึ้น ไร้ตะกอนที่ตาเห็น
-#-กรองระดับอัลตร้า (uf) กรองได้ถึง 0.01 ไมครอน แยกจุลินทรีย์ได้เกือบหมด แต่ไวรัสได้เพียงบางส่วน ตัวกลางที่ใช้กรองเป็นแผ่นเมมเบรน
-#-กรองระดับนาโน ขนาดรูพรุน 0.001 ไมครอน เป็นไส้กรองที่ละเอียดลงถึงขั้นกรองไวรัสได้หมด กรองสารเคมีและอิออนโลหะได้บ้าง
-#-กรองรีเวอร์ส ออสโมซิส (RO) เป็นกรองที่ใช้ตัวกลางละเอียดสุด 0.0001 ไมครอน ขนาดพอดีให้เพียงโมเลกุลของน้ำผ่านได้ ส่วนสารอื่นทั้งหมดถูกแยกออก และจะถูกน้ำส่วนหนึ่งมาสลัดทิ้งไปจากหน้าแผ่นฟิล์มเมมเบรน มักใช้ควบกับกรองคาร์บอน น้ำที่ได้หลังการกรองจึงบริสุทธิ์เกือบเท่าน้ำกลั่น ทั้งนี้ตามแต่คุณภาพของแต่ละแบรนด์
-#-กรองเรซิน : อิออนโลหะ อาทิ แคลเซี่ยม(Ca),แมกนีเซียม(Mg),เหล็ก(Fe) ที่ละลายอยู่มากในน้ำบาดาล และมีอยู่บ้างในน้ำประปาจากการใช้หินปูนในขบวนการบำบัด ทำให้น้ำกระด้าง เป็นปัญหาต่อรสชาติ ,สุขภาพ ,การซักล้าง ,การสะสมตะกรันในท่อ และสุขภัณฑ์ ไม่สามารถถูกแยกออกได้โดยการกรองทั่วไป(ยกเว้น RO)
ต้องใช้วิธีแลกเปลี่ยนอิออน กล่าวคือ เรซินเป็นตัวกลางที่อิ่มตัวไปด้วยประจุของ โซเดียม (Na) เมื่อน้ำที่มีCa,Mg,Fe ไหลผ่าน ประจุเหล่านี้แข็งแรงกว่า จะเตะ Na ออกเพื่อเข้าจับเรซินแทน เมื่อนานเข้าเรซินก็จะอิ่มตัวเต็มไปด้วย Ca,Mg,Fe ก็จะต้องเปลี่ยน หรือฟื้นคืนสภาพ โดยการ แช่เรซินลงในน้ำเกลือ(NaCl)เข้มข้น
-#-กรองคาร์บอน : ใช้ดักจับสารประกอบอินทรีย์ และแก๊สต่างๆ เช่น คลอรีน มีเทน ไฮโดรเจนซัลไฟด์ อีกทั้งยังสามารถจับอิออนโลหะบางชนิดได้บ้าง ถ่านคาร์บอนเกรดพรีเมี่ยมใช้ปรับปรุงค่าph และกลิ่นรสของน้ำได้ดีมาก
-#-UV : เป็นการฆ่าเชื้อด้วยรังสี Ultraviolet (ไม่ใช่การกรอง) แทนการต้ม ใช้ร่วมกับระบบการกรองที่ไม่ละเอียดพอจะแยกเชื้อจุลินทรีย์ ไวรัส ได้
@ เลือกอย่างไร :
คำถามสำคัญที่คำตอบขึ้นอยู่กับตัวคุณเองครับ
แหล่งน้ำก่อนกรองที่มีมลภาวะ สารพิษต่างกัน ผู้ดื่มต่างวัย ต่างภูมิต้านทาน ความจำเป็นของความสะอาดบริสุทธิ์จึงต่างกัน
ระดับการกรองที่ละเอียดขึ้น จะได้น้ำสะอาดมากขึ้น
แต่ก็ต้องใช้สารกรองคุณภาพสูงขึ้นและการดูแลที่มากขึ้นตาม
ส่งผลให้งบประมาณสูงตามไปด้วย คุณรับได้แค่ไหนล่ะครับ
</span>
ปัจจุบันกรองเบื้องต้นมักจะนิยมใช้ ไส้pp เพื่อดักตะกอนหยาบขนาด 1-10 ไมครอน
ตามด้วย ไส้คาร์บอน จับแก๊สและคลอรีน
แค่สองตัวนี้คุณก็จะได้น้ำที่มีกลิ่นรสที่ดื่มได้คล่องคอแล้ว
แต่สารละลาย จุลินทรีย์ยังคงอยู่เต็มๆ จึงควรต้มให้เดือดเสียก่อน
</span>
*งบประมาณ 2-4,000.ค่าบำรุงปีละ1-2,000.
หรือเลือกไส้กรองหลักเพิ่มอีกตัวหนึ่ง ซึ่งจะใช้ชนิดใดก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณ
ขอแนะนำว่า ถ้างบฯจำกัดอย่างน้อยควรเป็น uf แล้วจะตามด้วย uv หรือต้มให้เดือดก็ตามใจชอบ
ขยับดีขึ้นมาอีกขั้นก็เป็นระดับนาโน กำจัดได้ทั้งแบคทีเรียและไวรัส (99.9999%และ 99.99%)
ไม่ต้องพ่วง uv หรือต้ม เพราะถือว่าปลอดเชื้อแล้ว แต่ยังมีอิออนโลหะแฝงอยู่เท่าเดิม
*งบประมาณ 4,000.-10,000. ค่าบำรุงปีละ 2-4,000.
@ ถาม: ถ้าต้องการความสะอาดสูงสุดล่ะ ?***
ตอบ: (Sure)ก็ต้องเลือกระบบ RO ที่ผนวกด้วยคาร์บอน ที่คัดแยกสารปนเปื้อนเกือบทั้งหมดทิ้งไป ถึงระดับอิออนของโลหะ หรือกัมมันตภาพรังสี ก็ไม่เหลือ ราคาอาจสูงขึ้นมาหน่อย แต่คุ้มค่ากว่ามาก
เพราะ ช่วยลดอัตราเสี่ยงโรคภัยต่างๆ ตั้งแต่ โรคนิ่วไปจนถึงมะเร็งให้ต่ำลงมาก
*งบประมาณ 9,000.-18,000. ค่าบำรุงปีละ 3-5,000.
(Safe)**พึงระลึกว่า เครื่องกรองน้ำจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ก็ต่อเมื่อมีการเปลี่ยนไส้กรองอย่างสม่ำเสมอตามกำหนด
หลังจากตกลงสรุประบบการกรองได้แล้ว ก็ต้องมาดูที่แบรนด์ แต่ละแบรนด์จะมีราคาต่างกัน ตามมาตรฐาน,ประสิทธิภาพ,วัสดุ,อุปกรณ์ควบคุมการทำงาน และควบคุมความปลอดภัย อีกทั้งปริมาณการผลิต(ยอดจำหน่าย)ที่ต่างกัน แบรนด์ที่มีโรงงานผลิตเองและจัดจำหน่ายเอง
ราคาจะต่ำกว่า แบรนด์ที่จ้างผลิตแล้วมาจำหน่ายในระบบ MLM ประมาณ2-4เท่าตัว
**ของถูกหาดียาก แต่ก็ใช่ว่าของแพงจะดีเสมอไป
เราไม่สามารถรู้มาตรฐานประสิทธิภาพของเครื่องฯได้เอง จากการมองดูรูปลักษณ์ภายนอก
จะให้มั่นใจควรเลือกที่มีสถาบันสากล (WQA,NSF,CE) ให้การรับรอง
และแน่นอนต้องดูตัวแทนจำหน่ายที่น่าเชื่อถือ และมีบริการหลังการขายที่ดี
<p “=””>***ตรวจสอบเครื่อง+ไส้กรองน้ำ ที่ได้รับการรับรองจาก </p>
NSF: http://info.nsf.org/Certified/dwtu/
WQA: https://www.wqa.org/Find-Products#/
ขอขอบคุณ References:
https://iaspub.epa.gov/tdb/pages/treatment/findTre...
https://www.epa.gov/dwstandardsregulations
http://www.cdc.gov/healthywater/drinking/public/wa...
https://www.wqa.org/learn-about-water/common-conta...
http://m.bmb.oxfordjournals.org/content/68/1/199.f...
http://extoxnet.orst.edu/faqs/safedrink/contam.htm
http://www.nsf.org/consumer-resources/what-is-nsf-...
http://www.cdc.gov/healthywater/drinking/home-wate...
http://www.cdc.gov/parasites/crypto/gen_info/filte...
http://www.ewg.org/key-issues/water/bottled-water
ไม่มีความเห็น