การจัดการความโกรธ
10 โมงวันนี้ข้าพเจ้าวางแผนจัดการเรียนรู้แก่สังกะลีที่วัด โดยมีเป้าหมายอยู่สองเรื่อง คือ การจัดการอารมณ์และเรื่องศีล เพิ่มเติมกิจกรรมในตอนเย็นคือการสะท้อนรู้สะท้อนใจในเด็ก (Reflection/AAR)
หลังจากให้ดูคลิปสั้นๆ เกี่ยวกับธรรมะและการจัดการความโกรธเสร็จ ก็ให้เด็กจับคู่กันและลองสะท้อนตนเองว่า "ถ้าตนเองโกรธหรือมีมีใครมาทำให้โมโหจะจัดการความโกรธนั้นอย่างไร"
ส่วนใหญ่มีกระบวนการรู้คิดและตระหนักไปในทางการแก้ไขเชิงบวกรวบรวมคำตอบได้คือ
- สงบสติอารมณ์
- เดินหนี
- ให้อภัย
- ปลอบใจ
- คุยอย่างมีเหตุผล
- ขอโทษ
และมีการจัดการอารมณ์เชิงลบ อาทิเช่น
- เตะ
- กำกำปั้น
- ตีเพื่อน/ชกต่อย
เมื่อสังเกตความสอดคล้องของบุคลิกภาพและประสบการณ์เรื่องราว พบว่า เด็กที่ตอบเชิงลบนั้นมักใช้ความรุนแรงในการจัดการปัญหาและอารมณ์
การเริ่มต้นพูดคุยเรื่องศีลข้าพเจ้าเปิดการ์ตูนเรื่องศีลห้าให้เด็กๆ ดู
ศีลห้าคือพื้นฐาน ถ้าศีลห้านี้ฝังแน่นเข้าไปในจิตใจเด็กๆ ศีลธรรมเรื่องต่างๆ จะง่ายขึ้น ปัญหาและอุปสรรคชีวิตก็จะสามารถจัดการและผ่านไปได้
เด็กๆ ส่วนใหญ่พอที่รู้เรื่องศีลมาบ้างการดูการ์ตูนครั้งนี้คล้ายกับเป็นการทบทวนตนเอง
เมื่อเด็กๆ ดูจบข้าพเจ้าให้จับคู่พูดคุยกันและให้คิดถึงประโยชน์ของศีลแต่ละข้อว่ามีคุณมีประโยชน์อย่างไรในชีวิต
มันดีมากๆ ก่อนที่เด็กๆ จะคิดถึงประโยชน์เขาจะต้องรู้ว่า "ศีลคืออะไร ถ้าทำผิดศีลจะเกิดอะไร" กระบวนการรู้คิดจะดำเนินไปอย่างรวดเร็วและจะมาตกผลึกได้ว่า ถ้าเขารักษาศีลได้จะเกิดประโยชน์อย่างไรกับตนเอง รวบรวม key word จากคำตอบของเด็กๆ ได้ดังนี้
ศีลข้อ 1
- ได้บุญ
- ไม่บาป
- ชาวบ้านรัก
ศีลข้อ 2
- ได้บุญ
- ไม่โดนตำรวจจับ
- ชาวบ้านไม่รังเกียจ
ศีลข้อ3
- ไม่โดนแฟนด่า
- ไม่โดนแฟนตี
- ไม่เลิกกัน
ศีลข้อ 4
- เป็นนิสัย
- เป็นตัวย่างที่ดี
- ชาวบ้านเชื่อใจ
ศีลข้อ 5
- ตำรวจไม่จับ
- ไม่ขาดสติ
- เป็นตัวอย่างที่ดี
เวลาที่เด็กๆ ตอบข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจมาก ได้เห็นกระบวนการเรียนรู้ของเขาแบบพลวัตร กว่าจะตกผลึกและตอบออกมาได้ คำถามจะเป็นเครื่องมือที่ไปกระตุ้นกระบวนการคิดหาคำตอบของเด็กๆ กลไกทางปัญญาได้เกิดขึ้นนับตั้งแต่เขาได้ดูสื่อ เร้าด้วยคำถาม การมีเพื่อนช่วยเสริมการคิดให้ดีขึ้นละเอียดขึ้นได้
กระบวนการเรียนรู้จบลงตอนสิบเอ็ดโมง
เด็กๆ แบ่งหน้าที่ในการจัดหาอาหาร การจับคู่กันนอกจากจะเป็นการช่วยเหลือกันยังเป็นสิ่งที่ช่วยก่อให้เกิดการเตือนกัน เสริมให้รู้ตัวและมีสติมากขึ้นในชีวิตกิจวัตรประจำวัน
ช่วงบ่ายพระอาจารย์ให้เด็กๆ พักผ่อนตามอัธยาศัย เล่นตามธรรมชาติที่เขาชอบแต่อยู่ในสายตาผู้ใหญ่ ประมาณสี่โมงเย็นแดดไม่ร้อน ข้าพเจ้าเห็นเด็กๆ ยกไม้ที่ประกอบกันเป็นฉากไปทางทุ่งนา ส่งเสียงดังสะท้อนถึงความสนุกสนาน พอตามไปดูภาพเบื้องหน้าที่เห็นคือ กำลังเตะฟุตบอลกลางทุ่งนา สัมผัสถึงพลังความสุขและการปลดปล่อย
ตอนเย็นเรานัดพูดคุยกันอีกครั้ง ถอดบทเรียนและสะท้อนความรู้สะท้อนใจ
วันนี้ข้าพเจ้าเริ่มด้วยการฉายภาพเด็กในอิริยบทต่างๆ และจากกิจกรรมที่ เด็กๆ ยิ้มและหัวเราะที่ได้เห็นภาพตนเองบนจอ แสงความสุขฉายชัดออกมาจากแววตาและรอยยิ้ม ในทัศนะของข้าพเจ้าเองมองว่าถ้าในช่วงวัยเด็กเขาได้สัมผัสพลังความสุขๆ บ่อยๆ กล้ามเนื้อหัวใจจะแข็งแรง กำลังใจหรือพลังในในชีวิตจะเปี่ยมไปด้วยความสร้างสรรค์และพลังของความเบิกบาน เมื่อเจอปัญหาและอุปสรรคในชีวิตจะสามารถนำพาตนเองก้าวผ่านไปได้
ข้าพเจ้าให้เด็กๆ เลือกกิจกรรมที่ตนเองประทับใจและวิเคราะห์ถึงประโยชน์ที่ได้รับ
กลุ่มที่ 1 เลือกกิจกรรมตามพระอาจารย์ไปบิณฑบาตร
- ได้ความรู้เรื่องบิณฑบาตร
- ได้บุญ
- ได้ออกกำลังกาย
กลุ่มที่ 2 เลือกกิจกรรมการเตะบอล
- ได้ทักษะการเตะบอล
- มีสุขภาพแข็งแรง
- ต้านยาเสพติด
กลุ่มที่ 3 เลือกกิจกรรมถวายอาหารแด่พระภิกษุในตอนเช้า
- ได้บุญ
- ได้แบ่งเบาภาระผู้ใหญ่
- สามารถนำไปปฏิบัติที่บ้านได้ --> จากคำตอบข้อนี้เป็นที่แลกเปลี่ยนกันสนุกมาก เด็กบางคนนึกภาพการเชื่อมโยงไม่ออก ว่าจากกิจกรรมที่ทำนำไปทำที่บ้านได้อย่างไร เจ้าของความคิดก็ได้อธิบายให้เพื่อนฟังว่า "ก็ดูแลเรื่องอาหารปรนนิบัติพ่อแม่ที่บ้าน ยกถ้วยชามสองมือ" ช่างเป็นการพูดคุยที่สนุกและชื่นใจมากๆ ที่ได้เห็นเด็กๆ ช่วยกันสะท้อนคิดแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน
กลุ่มที่ 4 เลือกกิจกรรมทำความสะอาด
- ได้บุญ
- ฝีกไปทำที่บ้าน
- ได้รับคำชื่นชม
กลุ่มที่ 5 เรียนหนังสือกับแม่ครู
- ได้ความรู้
- พ่อแม่ภูมิใจ
- เป็นตัวอย่างที่ดีแก่เพื่อน
จากนั้นร่วมกันสำรวจความรู้สึกด้านบวกถึงความประทับใจ; ความสนุกสนานนี่ดูเหมือนจะมาเป็นอันดับหนึ่ง ได้บุญ และตามด้วยได้ความรู้ ร่างกายแข็งแรง ประทับใจที่ได้ถวายอาหารแด่พระอาจารย์
ท้ายสุด...ข้าพเจ้าเปิดคลิปวีดีโอ้เรื่อง...กระต่ายสามขาจะไปพระจันทร์
เป็นเรื่องราวของเด็กพิการสามคนที่เป็นเพื่อนกัน และทะเลาะกัน สุดท้ายก็เข้าใจกัน ...เด็กๆ ดูอย่างสงบ และนิ่ง
ข้าพเจ้าเพียงต้องการทิ้งท้ายให้เกิดการซึมซับและเรียนรู้หัวใจแห่งความอ่อนโยน
...
27 มีนาคม พ.ศ.2559
ชื่นชมและเป็นกำลังใจให้ค่ะ