เริ่มต้นวันด้วยความตื่นรู้ จิตตื่นก่อนกายตื่นตาม ...ภารกิจช่วงเช้าก็ยังคงเป็นเช่นคล้ายทุกวัน แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า กิจกรรมที่ทำในช่วงเช้ามืดมาจนสว่างกลับเสร็จเร็วทั้งๆ ที่ภารกิจดูเหมือนจะมีแทรกเพิ่มเข้ามา
เช้านี้ขับรถไปที่วัดด้วยความมุ่งมั่นมาก...ถวายอาหารเสร็จก็นั่งรับข้าวก่อนที่จะกลับเข้าที่ทำงาน
มีคนไข้สองสามรายที่ถูกส่งตัวมาจากแผนกผู้ป่วยนอก
รายแรกใช้สารเสพติดแล้วมีอาการประสาทหลอน รายที่สองเป็นนักเรียนผิดหวังจากการสอบเริ่มมีบุคลิกเปลี่ยนและมีการทางจิต รายที่สามเป็นผู้ป่วยเบาหวานและถูกส่งมาเลิกบุหรี่ซึ่งอายุมากแล้วสูบมา ๕๐ กว่าปี...
ย้อนกลับมาพิจารณา ... การดูแลรักษาทั้งสามรายคล้ายการมาแก้ไขปลายทาง แต่ไม่ได้ตั้งคำถามกับตนเองว่า "ทำไม...เขาจึงเป็นเช่นนี้" ...การได้ทราบสาเหตุ อาจทำให้กระบวนการเยียวยาดูจะมีเป้าหมายชัดเจนขึ้น แต่...สุดท้ายด้วยความเร่งรีบเราจึงมักจบลงด้วยการรักษาตามอาการที่เป็น ข้าพเจ้ามาได้ตกผลึกกับตนเองตอนนี้ว่า เมื่อไรถ้าเราได้ทราบเหตุที่ชัดของการเจ็บป่วยทางจิต เราจะสามารถเข้าไปเยียวยาได้ตรงตามเป้าหมายที่สุด
เมื่อทราบเหตุ...เราก็จะไปต่อได้ว่า "จะช่วยเหลือได้อย่างไร..."
จากผู้ป่วยสามราย มีลักษณะคล้ายกันคือ การควบคุมบังคับจิตใจตนเองไม่ได้ ต้องอาศัยบางสิ่งบางอย่างมาจัดการในตนเองเพื่อให้ตนเองมีความสุข แต่การจัดการดังกล่าวเป็นในทางมิจฉาทิฐืไม่ถูกต้อง ไม่ได้ช่วยแก้ไขเหตุแห่งปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริง
"ต้องสร้างความเข้มแข็งทางจิต" ...สร้างอย่างไรล่ะ? คือ เสียงที่ดังแทรกขึ้นมาใจ รายหนึ่งยังเด็กมาก รายถัดมาอยู่ในช่วงวัยรุ่น รายที่สามอยู่ในวัยชรา
คำถามที่ผุดขึ้นในใจเป็นโจทย์ที่ท้าทายที่ข้าพเจ้าต้องนำไปเรียนรู้ ภายในเวลาอันจำกัดที่คนไข้ได้มาเจอกันกับเรา "กระบวนการเยียวยา...จะต้องดำเนินไปอย่างไรเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่สุด"
ปิ๊งแว้ปคำตอบขึ้นมาว่า => ... "คำพูดและการสื่อสาร"...และหัวใจที่เต็มไปด้วยความเมตตาแห่งความกรุณาที่จะช่วย
ช่วงเที่ยงข้าพเจ้าเดินไปเยี่ยมอาที่หอผู้ป่วย ลืมตาคล้ายฟังข้าพเจ้าและแม่คุยกัน สักพักหลานๆ ก็มา ข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจมาก ไม่เจอพวกเขาเหล่านี้นานมากเป็นปี โตขึ้นและรู้จักความมากขึ้น สิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้คือ ความเบิกบานสดใสที่มีอยู่ในใจ รู้สึกชื่นชมน้องชายที่เลี้ยงลูกได้ไม่ก้าวร้าว นึกถึงภาพเด็กๆ กับย่าของเขาแล้วรู้สึกอุ่นๆ ในใจ นึกถึงแม่ที่เวียนไปอยู่เป็นเพื่อนอาบ่อยๆ ...
ตอนเย็นได้นั่งภาวนา ...พิจารณาใคร่ครวญในเรื่องราวที่รับรู้
สติ...ทำให้ใจสงบ และมองเห็นเรื่องราว ต้นเรื่อง กลางเรื่อง และระหว่างเรื่อง ...เมื่อใดที่เราได้มองเห็นต้นเรื่องว่า "ทำไม...จึงเป็นเช่นนี้" คำตอบที่ได้เราจะแปรเปลี่ยนจิตใจให้นุ่มและอ่อนโยนลง และลงมือปฏิบัติแก้ไขถ้าทำได้
วันนี้หรืออาจจะเรียกได้ว่าสองสามวันนี้คล้ายข้าพเจ้าเผชิญความร้อนระอุ และพอคลำทางเจอว่า จากสภาวะที่ร้อนดังกล่าว ท่าทีของข้าพเจ้าจะมีปฏิสัมพันธ์กับความร้อนนั้นอย่างไร ..."ประคอง โอบอุ้ม และกรุณา"
...
๑๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๙
ไม่มีความเห็น